ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 742 การมาถึงของครอบครัว

ที่ฉินสือโอวกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ไม่ได้เป็นเพราะหลงใหลในความงามของหญิงชราคนนั้นแน่นอน ในความเป็นจริงแล้วผู้หญิงที่ทำงานกลางทะเลตลอดทั้งปี จะมีความสวยตรงไหนกัน? ลมทะเลที่รุนแรงและแสงแดดที่แผดเผาทำลายผิวหนังของพวกเธอไปจนหมด
ผู้หญิงคนนี้มีเสน่ห์ลึกลับบางอย่างดึงดูดเขา ทำให้เขามีความรู้สึกถึงความกระหายในอะไรบางอย่าง
อันที่จริงแล้วเขากินข้าวมาจนอิ่มแล้ว ความอยากกระหายที่พูดถึงนี้เป็นคำวิเศษณ์ และไม่ได้หมายถึงการอยากกินอาหารเลย แต่เป็นการกระหายทางจิตวิญญาณ
ก่อนหน้านี้เขาก็เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน นั่นก็คือตอนที่เขาพบกับ ‘อำพันทอง’ โดยที่ไม่ต้องสงสัยเลยว่า บนตัวของผู้หญิงคนนี้มี ‘อำพันทอง’ อยู่แน่นอน
เพราะแบบนี้ฉินสือโอวจึงเดินเข้าไปหาพร้อมกับยื่นมือออกไปทักทายว่า “คุณนายคอฟ สวัสดีครับ”
ชายชราคนนี้มีชื่อว่าคอฟ เขาแนะนำฉินสือโอวให้แก่ภรรยา เธอยื่นมือออกมาจับมือของฉินสือโอวด้วยท่าทีตื่นเต้น จากนั้นฉินสือโอวก็เห็นสร้อยข้อมือที่ทำจากไม้หยาบๆ ที่ข้อมือข้างขวาของเธอตอนที่เธอยื่นมือออกมา
ลูกแก้วขนาดเล็กใหญ่ที่ร้อยเข้าด้วยกันออกมาเป็นสร้อยข้อมือ ดูเหมือนว่าทั้งเส้นมีลูกแก้วทั้งหมดสิบกว่าลูก ลูกแก้วเหล่านั้นไม่ได้รับการขัดอย่างพิถีพิถัน อีกทั้งยังมีการแกะสลักภาพขนาดเล็กอยู่ด้านบน เส้นที่ร้อยพวกมันเข้าด้วยกันเรียบง่ายและแข็งแรง ดูก็รู้ได้ในทันทีว่าเป็นงานฝีมือ
เมื่อเห็นสร้อยข้อมือนั้น ฉินสือโอวก็เกิดความรู้สึกความกระหายที่เพิ่มขึ้นมาอย่างรุนแรง เขาไม่อยากที่จะปล่อยมือของหญิงชราเลยแม้แต่น้อย ยังดีที่หญิงชราไม่ได้แสดงท่าทีตื่นตระหนก ไม่เช่นนั้นผู้คนที่ผ่านไปมาคงคิดว่าฉินสือโอวต้องการทำร้ายร่างกายเธอเป็นแน่
เมื่อเผชิญหน้ากับสามีภรรยาผู้ยากจน ฉินสือโอวก็ไม่อยากที่จะรังแกพวกเขา เขาพูดออกมาด้วยความเรียบง่ายว่า “คุณนายคอฟ ไม่ทราบว่ากำไลข้อมือนี้คุณได้มาจากไหนหรือครับ? ผมชอบมันมากเลย ไม่ทราบว่าคุณจะสามารถตัดใจจากมันยกให้ผมได้ไหม?”
หญิงชรารู้ว่าฉินสือโอวไม่ได้แจ้งความเรื่องขยะพลาสติกที่กระจัดกระจายไปทั่วทะเลจากเรือของพวกเขาและยังรู้ด้วยว่าสามีของเธอไม่ต้องจ่ายค่าเสียหาย ในใจของเธอรู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่ง ด้วยเหตุนี้เมื่อฉินสือโอวเอ่ยปากขอเช่นนี้แล้ว เธอก็รีบถอดสร้อยข้อมือแล้วส่งให้ฉินสือโอวทันที
เมื่อได้รับสร้อยข้อมือมา ฉินสือโอวก็อดกลั้นความรู้สึกของตัวเองไว้ แล้วถามออกมาว่า “เท่าไรครับ?”
หญิงชราตอบกลับออกมาด้วยเสียงอันแผ่วเบาว่า “ไม่ต้องหรอก ของชิ้นนี้ไม่ได้มีค่าอะไร พ่อหนุ่ม แค่คุณชอบฉันก็มีความสุขแล้ว คุณรับไปเถอะนะ”
ฉินสือโอวตอบกลับว่า “ว่ากันตามตรงแล้ว ของชิ้นนี้คนอื่นอาจจะมองว่ามันไร้ค่า แต่สำหรับผมแล้วมันมีค่ามากเลยครับ ผมสามารถให้ราคาที่จะทำให้คุณพอใจได้”
ชายชราส่ายหัวไปมา แล้วพูดขึ้นว่า “ไม่ต้องจ่ายเงินหรอกครับ คุณฉิน ผมยังกังวลอยู่ว่าจะไม่สามารถตอบแทนน้ำใจของคุณในเรื่องก่อนหน้านี้ได้ ถ้าคุณชอบคุณก็รับไปเถอะครับ กำไลนี้เป็นเพียงของที่ภรรยาผมทำขึ้นมาแบบง่ายๆ เท่านั้น ไม่ได้มีค่ามากมายอะไร”
ฉินสือโอวหยิบเช็คออกมาแล้วเขียนจำนวนเงินลงไปในนั้นพร้อมเซ็นชื่อ เขาส่งเช็คใบนั้นให้ชายชราแล้วถามออกมาว่า “งั้นคุณบอกผมได้ไหมว่าคุณไปได้ของสิ่งนี้มาจากที่ไหน?”
เมื่อชายชราเห็นตัวเลขบนเช็คในมือเขาก็ตกใจเป็นอย่างมาก ฉินสือโอวให้เงินเขาห้าหมื่นดอลลาร์ เงินที่ใช้ในการทำความสะอาดฟาร์มปลาของเขาก็ประมาณห้าหมื่นดอลลาร์ เมื่อเทียบกับการที่เขาซื้อกำไลข้อมือในราคาห้าหมื่นดอลลาร์ ถือว่าเป็นราคาที่สูงเกินไปหน่อย
อันที่จริงแล้ว ฉินสือโอวจะไม่ให้เงินก็ได้ แต่ว่าของสิ่งนี้สำคัญสำหรับเขาจริงๆ อีกทั้งเจ้าของของมันก็เป็นคนแก่ที่ไม่มีเงิน เขาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องตระหนี่กับพวกเขา นั่นก็เพราะว่าสำหรับเขา เงินก็เป็นเพียงตัวเลขชุดหนึ่งเท่านั้น
หญิงชราพูดขึ้นมาอย่างนึกขึ้นได้ว่า “มันเป็นไม้ที่ฉันเจอที่บริเวณชายฝั่งแล้วนำมาขัดน่ะ ตอนนั้นฉันทำขึ้นมาทั้งหมดสองเส้น ฉันให้ลูกสามีไปหนึ่งเส้น แต่ว่าตาแก่นี่กลับไม่ชอบ ไม่รู้ว่าตอนนี้เอาไปทิ้งไว้ที่ไหนแล้ว”
ฉินสือโอวมองไปยังชายชรา เขากำเช็คในมือแน่น ราวกับว่าเขากำลังกำ ‘อำพันทอง’ อยู่ในมือ เมื่อได้ยินภรรยาของตนพูดขึ้นมาแบบนั้น ชายชราก็พูดออกมาด้วยความไม่พอใจว่า “มันไม่สวยและก็ใช้ทำอะไรไม่ได้ แล้วผมจะใส่มันไปทำไมล่ะ?”
“แล้วกำไลของคุณอยู่ที่ไหน?” ฉินสือโอวถามออกมา
ชายชราส่ายหน้า แล้วตอบกลับว่า “ดูเหมือนว่าผมจะทิ้งไว้ที่บ้านนะ ตอนนั้นผมก็ทิ้งไปเรื่อย ถ้าหากว่าคุณต้องการล่ะก็ คุณฉิน ผมจะกลับบ้านไปหา จากนั้นผมจะส่งให้คุณ เพราะว่าคุณเป็นคนดีที่น่าทึ่ง ผมหวังว่าสิ่งนี้จะสามารถตอบแทนคุณได้”
ฉินสือโอวเอ่ยขอบคุณ และสัญญาว่าหากชายชราสามารถหากำไลอีกเส้นหนึ่งให้เขาได้ เขาก็เต็มใจที่จะจ่ายเช็คให้อีกใบหนึ่ง
เขาเชื่อว่าการใช้เงินเป็นหลักประกันนั้นเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
ปรากฏว่า เมื่อชายชราได้ฟังประโยคนั้น เขาก็หายใจเร็วขึ้น และเดินหันหลังไปทันที ภรรยาของเขาถามว่าเขาจะไปไหน ชายชราตอบกลับมาด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “กลับบ้าน! รีบกลับบ้านเร็วเข้า ผมจะต้องหาของมีค่าชิ้นนั้นให้ได้!”
ฉินสือโอวและเออร์บักไปที่สนามบิน แมทธิว จินเตรียมพร้อมขึ้นเครื่องบินแล้ว ทั้งสองฝ่ายคุยกันอยู่สองสามประโยค จากนั้นแมทธิว จินก็นั่งเครื่องบินออกจากเมืองออตตาวาไป
เมื่อส่งแมมธิว จินเสร็จ ในตอนที่ฉินสือโอวกำลังเดินออกมาจากสนามบิน เสียงเรียบสงบเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาไม่ไกล “เฮ้ ฉิน? นั่นคุณใช่ไหม?”
ฉินสือโอวหันกลับไปมอง พระเจ้าอะไรจะบังเอิญขนาดนี้ นี่พ่อตาแม่ยายกับพี่สาวคนโตของวินนี่ไม่ใช่เหรอ?
“สวัสดีครับ มาริโอ้ มิแรนด้า ฟอกส์? เป็นพวกคุณเองหรอกเหรอ? ดีเลย พวกคุณมาถึงเร็วขนาดนี้เลยเหรอ? พระเจ้า นี่เป็นเรื่องที่น่ายินดีจริงๆ!” ฉินสือโอวเดินเข้ามากอดทั้งสามคน
มิแรนด้าพูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้มว่า “พวกเรารอให้พายุหยุดลงก่อน จากนั้นก็รีบนั่งเครื่องบินไฟล์ทแรกมาที่นี่เลย เพราะว่าพายุครั้งนี้น่ากลัวมาก มาริโอ้และฟอกส์เลยค่อนข้างเป็นห่วงวินนี่น่ะ”
“พูดเหมือนคุณไม่เป็นห่วงลูกอย่างนั้นแหละ” มาริโอ้หัวเราะออกมาเสียงดัง
ฉินสือโอวหัวเราะร่วมไปกับพวกเขาด้วย เห็นได้ชัดว่าครอบครัวของวินนี่นั้นรักเธอมาก เขาจะต้องคิดหาวิธีแก้ไขปมระหว่างพวกเขาแล้วล่ะ
การมาฟาร์มปลาของครอบครัววินนี่ในครั้งนี้พวกเขาจะอยู่นานกว่าปกติ พวกของมาริโอ้พกกระเป๋าเดินทางมาด้วยสี่ใบและกระเป๋าเป้อีกสองสามใบ ฉินสือโอวให้เบิร์ดช่วยนำกระเป๋าไปไว้บนรถกระบะ หลังจากนั้นเขาก็ให้พวกเขากลับไปที่ฟาร์มปลา และออกเรือมารับมาริโอ้และคนอื่นๆ
ระหว่างทางฉินสือโอวถามฟอกส์ว่าทำไมสามีของเธออาร์ม็องไม่มาด้วย ฟอกส์อธิบายว่าเขาต้องเตรียมการเรียนการสอนให้นักเรียน ช่วงนี้จึงไม่ค่อยว่าง
ฉินสือโอวเดาว่า ฟอกส์คงจะเป็นห่วงว่าความรู้สึกของวินนี่จะแย่ลง จึงไม่ได้พาอาร์ม็องมาด้วย ตอนนี้เป็นเดือนกรกฎาคม มหาวิทยาลัยยังไม่เปิด แล้วจะเตรียมการเรียนการสอนให้มหาวิทยาลัยสตรีไปทำไมกัน?
เมื่อนีลเซ็นและคนอื่นๆ ได้ยินว่าครอบครัวของวินนี่จะมา พวกเขาก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดที่ฉินสือโอวเตรียมไว้ให้ทันที พวกเขาสวมชุดสูทสีดำ รองเท้าดำ เสื้อเชิ้ตสีขาวและเนกไทสีฟ้า ชาร์คและซีมอนสเตอร์ตั้งใจจัดแต่งทรงผมและเคราของตัวเองเป็นพิเศษ และยังสวมใส่แว่นกันแดดสีดำเพื่ออำพรางรอยแผลเป็นบนใบหน้า
นีลเซ็นขับเรือแฟร์เวลมารับ เรือสำราญลำนี้เป็นเรือที่หรูหราที่สุดที่ฟาร์มปลามี
ฉินสือโอวยืนมองดูเรือลำนั้นจากท่าเรือ จู่ๆ เขาก็รู้สึกสมเพชขึ้นมาเล็กน้อย เขาในตอนนี้ไม่มีเรือสำราญที่หรูหราตามมาตรฐานที่กำหนดเลย เจ้าเรือลำนี้ถูกว่าเครื่องบินขนาดใหญ่ตั้งเยอะ
เมื่อเรือล่องกลับมาถึงบ้าน ฉินสือโอวก็ถามหาพวกของเชอร์ลี่ย์
เด็กสาวโลลิต้านำเพื่อนๆ ไปจัดการทำความสะอาดกระท่อมขายน้ำเล็กๆ ของพวกตน เมื่อเธอถูกรบกวนใบหน้าเล็กๆ ก็แสดงสีหน้าไม่พอใจออกมา แค่เมื่อเห็นว่าที่ด้านข้างฉินสือโอวคือฟอกส์ที่มีรูปร่างคล้ายกับวินนี่ ใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนมาเป็นยิ้มหวานทันที “พี่วินนี่และพี่หวังเหล่ยพวกเขากำลังไปดูสวนองุ่นอยู่ค่ะ”
ฉินสือโอวยังไม่ได้ไปดูที่สวนองุ่นเลยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ว่าหากวินนี่กับหวังเหล่ยไปจัดการแล้ว แสดงว่าคงไม่ได้เกิดเรื่องอะไรใหญ่โต หรือไม่ก็อาจจะทำอะไรกับสิ่งที่เกิดได้ไม่มากก็ได้
เมื่อฉินสือโอวจัดการที่บ้านในฟาร์มปลาให้แก่ทั้งสามคนเสร็จแล้ว เขาก็ไปหาวินนี่ วินนี่พาหู่จือ เป้าจือ ฉงต้าและหลัวปอเจ้าพวกนั้นมากับเธอด้วย
เมื่อเห็นพวกของมิแรนด้าทั้งสามคน วินนี่ก็พูดขึ้นมาว่า “มาทำความรู้จักกันก่อนสิ นี่คือลูกสาวของหนู เสี่ยวหลัวปอ หล่อนเป็นเด็กดีนะ ไป เสี่ยวหลัวปอ ไปกัดพวกเขาเร็ว…”
ฉินสือโอว “…”
……………………………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset