ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 747 คุณคือผู้นำ

เรื่องนี้ไม่มีอะไร มะเร็งกระเพาะปัสสาวะเป็นโรคที่เกิดซ้ำได้ง่าย เพียงแค่ทำการรักษาอีกครั้งก็พอแล้ว
แต่ปัญหาคือจนถึงตอนนี้ก็กลางเดือนกรกฎาคมแล้ว แต่โอมาร์ถูกทางโรงพยาบาลแจ้งว่าต้องรอการจัดตารางผ่าตัดโดยที่ยังระบุเวลาแน่นอนไม่ได้
แบบนี้ค่อนข้างน่าปวดหัว เดิมทีการที่มะเร็งเกิดซ้ำก็เป็นเรื่องที่น่ากลัวอยู่แล้ว มันทำร้ายร่างกายและจิตใจของคนป่วยอย่างมาก โอมาร์จึงรีบร้อนอยากจัดการรักษาเรื่องนี้เป็นธรรมดา แต่ทางโรงพยาบาลก็ยืดเยื้อเกินไปแล้วจริงๆ!
ที่จริงเรื่องนี้จะตำหนิว่าโรงพยาบาลไม่ให้ความสำคัญอย่างเดียวก็ไม่ได้ เพราะระบบการรักษาพยาบาลกำหนดไว้เป็นแบบนี้เอง
ต้องยอมรับว่าเทียบกับแต่ละประเทศในโลกแล้ว ความยุติธรรมและโปร่งใสของระบบรักษาพยาบาลของแคนาดานั้นเป็นเลิศ แต่มีอยู่หนึ่งปัญหาที่สาหัสมากก็คือการพบหมอที่เชื่องช้า ทุกโรงพยาบาลล้วนมีสถานการณ์นี้
ช้าถึงขั้นไหนน่ะเหรอ? ตามรายงานการตรวจสอบของผู้มีอำนาจ ตั้งแต่ที่ผู้ป่วยของแคนาดาได้รับใบวินิจฉัยจากแพทย์ประจำบ้านจนถึงเมื่อได้รับการรักษาเชิงลึกจากโรงพยาบาลใหญ่ ค่าเฉลี่ยทั้งประเทศอยู่ที่สิบเก้าสัปดาห์!
ในจำนวนนั้นระยะเวลาเฉลี่ยในการตรวจซีทีสแกนและการอัลตร้าซาวด์ทั้งประเทศจะอยู่ที่ห้าสัปดาห์ หากไม่ใช่โรคฉุกเฉินก็ต้องใช้เวลาหนึ่งปี…
แน่นอนว่าถ้าคุณมีบัตรอเมริกันเอ็กซ์เพรส ระยะเวลาเหล่านี้สามารถย่นให้สั้นลงได้อย่างมาก ก่อนหน้านี้วินนี่ทำการอัลตร้าซาวด์ที่โรงพยาบาลใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีก็จัดแจงเรื่องการพบหมอและรับเอกสารได้แล้ว
แต่ว่าคนทั้งประเทศสามสิบล้านคนจะมีบัตรอเมริกันเอ็กซ์เพรสอยู่กี่ใบ?
สำหรับเรื่องนี้ฉินสือโอวค่อนข้างเข้าใจ ตอนที่กลับประเทศครั้งแรกเขาพบกับผู้อพยพร่วมชาติคนหนึ่งที่กลับประเทศไปเพื่อรักษาตัว และตอนนั้นตัวเขาเองก็แลกตั๋วชั้นหนึ่งให้คนคนนั้นตั้งแต่ตอนนั้นจนสามารถชนะใจวินนี่ได้
ตอนนั้นผู้อพยพคนนั้นก็คือผู้ประสบภัยจากระบบการรักษาของแคนาดา จะพูดจากมุมไหนฉินสือโอวก็เป็นผู้ที่ได้ประโยชน์อยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นเขากับวินนี่จะสามารถเกี่ยวข้องกันอีกได้อย่างไร?
แต่ฉินสือโอวไม่เข้าใจว่าระบบการรักษาของแคนาดายากเย็นได้ขนาดไหนถึงทำให้เกิดสถานการณ์อย่างนี้ได้?
ฮิวจ์ได้ยินคำถามของเขาก็ถอนหายใจแล้วเริ่มอธิบายให้เขาฟัง
ที่ทำให้สถานการณ์เป็นแบบนี้ก็เป็นฝีมือคนแคนาดาเองที่ทำให้เกิดขึ้น เพราะที่แคนาดาความยุติธรรมในสังคมคือพื้นฐานค่านิยมดั้งเดิม และความยุติธรรมในการรักษาเกี่ยวกับการเกิดแก่เจ็บตายก็ยิ่งเป็นหลักสำคัญของความยุติธรรมในสังคม
เช่นนี้เพื่อเป็นการรักษาหลักความยุติธรรมไว้ แคนาดาเลยมีการห้ามไม่ให้ประกันชีวิตส่วนบุคคลขายบริการการรักษาที่ถูกประกันของรัฐบาลเมืองครอบคลุมอยู่ สถาบันการรักษาพยาบาลล้วนเป็นสาธารณะ ไม่มีโรงพยาบาลส่วนตัวหรือ “โรงพยาบาลชนชั้นสูง”
ที่แคนาดาโรงพยาบาลส่วนใหญ่ล้วนเป็นแบบไม่แสวงหาผลกำไร เงินทุนของพวกเขาล้วนอาศัยงบประมาณที่รัฐบาลท้องถิ่นมอบให้ และส่วนหนึ่งจากที่องค์กรการกุศลส่วนบุคคลมอบให้
รายการการบริการของโรงพยาบาลจัดอยู่ในขอบเขตประกันสังคม บริการของโรงพยาบาลล้วนไม่สามารถเก็บค่าบริการได้ เงินเดือนของแพทย์เอาเนื้อหาการบริการอื่นๆเป็นพื้นฐานตามข้อตกลงผ่านการเจรจาของรัฐบาลและสมาคมแพทย์ แพทย์ไม่สามารถกำหนดรายการค่าบริการต่อประกันสังคมได้
สำหรับประชาชนชาวแคนาดาแล้ว ไม่ว่าจะรายได้สูงหรือต่ำก็ล้วนได้รับบริการด้านสุขภาพพื้นฐานในระดับเดียวกัน
ต่อให้เป็นผู้ป่วยที่ซื้อประกันทางธุรกิจ แม้จะอยู่ห้องผู้ป่วยระดับสูง มีพยาบาลส่วนตัว จ่ายค่ายาเอง มีความสามารถในการเลือกมาตรฐานที่สูงกว่า แต่การตรวจวินิจฉัยระยะเวลาในกระบวนการรักษาไม่มีอะไรพิเศษ ที่โรงพยาบาลจะไม่มีการแซงคิว
ได้ฟังถึงตรงนี้ฉินสือโอวก็หัวเราะพลางพูดออกมา “ไม่จริงน่า นี่เป็นการหลอกลวงชัดๆ หนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้านี้ฉันพาวินนี่ไปหาหมอ เดิมทีก็ต้องต่อคิว แต่พอฉันเอาบัตรอเมริกันเอ็กซ์เพรสออกมา ฉันก็แซงคิวได้สำเร็จแล้ว”
แม้ว่านี่จะไม่ใช่เรื่องที่ควรค่าแก่การโอ้อวดอะไร แต่นี่คือเรื่องจริง ฉินสือโอวสามารถล้มล้างคำอธิบายของฮิวจ์ได้
ฮิวจ์กะพริบตาแล้วพูดอย่างไม่อยากเชื่อ “เป็นไปไม่ได้หรอกน่า บัตรอเมริกันเอ็กซ์เพรสใช้ได้แค่โรงพยาบาลส่วนบุคคลและองค์กรส่วนบุคคลเท่านั้น โรงพยาบาลมาเรียเป็นโรงพยาบาลสาธารณะ ไม่รองรับสิทธิ์การใช้งานของบัตรอเมริกันเอ็กซ์เพรสหรอก”
ฉินสือโอวผายมือออกหัวเราะแล้วพูดขึ้น “แต่นี่เป็นเรื่องจริง ตอนนั้นผู้เชี่ยวชาญที่ตรวจให้วินนี่ชื่อโอดอม…… อ่อ โอเค ผมเข้าใจแล้วว่ามันเรื่องอะไร!”
พูดถึงโอดอม ฉินสือโอวก็เข้าใจแล้วว่าเป็นเรื่องอะไร ครั้งที่แล้วที่เขาได้รับสิทธิพิเศษที่โรงพยาบาลไม่ใช่เพราะบัตรอเมริกันเอ็กซ์เพรสจริงๆ แต่เป็นเพราะข้อมูลอย่างหนึ่งที่บันทึกไว้บนบัตรอเมริกันเอ็กซ์เพรสต่างหาก
ปีที่แล้วเขาเคยไปเข้าร่วมกิจกรรมการบริจาคการกุศลที่โรงเรียนแพทย์มหาวิทยาลัยฮาวาร์ดร่วมกันจัดกับโรงพยาบาลใหญ่ๆของอเมริกาเหนือที่บอสตัน ตอนนั้นเขาบริจาคไปหนึ่งล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา เหมือนว่าจะมีคนเคยพูดกับเขาว่าต่อไปเขาจะได้รับการบริการแบบวีไอพีจากโรงพยาบาลสาธารณะทั่วอเมริกาเหนือ เพียงแต่ที่ผ่านมาเขาไม่ได้ใช้ เขาเลยลืมเรื่องนี้ไป
พอฉินสือโอวพูดเรื่องที่ตัวเองบริจาคฮิวจ์ก็คิดได้ทันที “ถ้าอย่างนั้นก็ต้องเป็นแบบนี้อยู่แล้ว เฮ้อพวก จะมีกี่คนที่มีเงินแบบนายกันล่ะ?” พวกเราแค่จะบริจาคสักหนึ่งหมื่นดอลลาร์สหรัฐอเมริกายังไม่มีเลย!
ทั้งสองคุยกันไปตลอดทางจนมาถึงสถานที่รวมตัวที่ผู้ประท้วงนัดกันอย่างรวดเร็ว นั่นคือท่าเทียบเรือของเมือง
ผู้เข้าร่วมประท้วงในครั้งนี้มีสองร้อยกว่าคน ผู้นำคือโอมาร์ชายวัยกลางคนที่กำลังหน้านิ่วคิ้วขมวด
เห็นโอมาร์ที่จิตใจไม่สู้ดีนัก ในใจของฉินสือโอวก็ทนไม่ไหว ภาพประทับใจที่เขามีต่อชายคนนี้คือใบหน้าที่มีรอยยิ้มสดใสอยู่ตลอด ตอนนี้รอยยิ้มไม่มีแม้แต่น้อย มีแต่ความทุกข์เศร้าเต็มใบหน้า ทั้งเนื้อทั้งตัวไม่มีชีวิตชีวาเหมือนต้นไม้ใหญ่ที่โรยราต้นหนึ่ง
ฉินสือโอวเดินไปกอดโอมาร์แล้วตบไหล่เขาพลางพูด “วางใจเถอะเพื่อน บนโลกนี้ไม่มีช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่ข้ามไปไม่ได้ ฉันจะช่วยนาย นายจะได้เข้าโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว”
เขาคิดว่าจะใช้สิทธิ์วีไอพีของตัวเองแซงคิวส่งโอมาร์เข้าโรงพยาบาล
พอรวมตัวแล้ว กลุ่มคนก็นั่งเรือเฟอร์รีมาที่ท่าเทียบเรือกันอย่างยิ่งใหญ่ ครั้งนี้พวกเขาจัดเต็มกันเพราะต้องการโจมตีคณะของอ็อกเฟอร์แฮมเล็ต ทั้งยังตั้งใจเตรียมเสื้อเชิ้ตที่เหมือนกันไว้ให้ด้วย
ชาวประมงบนท่าเทียบเรือเห็นคนท่าทางดุดันเยอะขนาดนี้ก็รีบเปิดทางให้ด้วยกลัวจะโดนลูกหลง
ฉินสือโอวเข้าใจแล้วว่าทำไมมีคนต้องการเดินขบวนประท้วงเยอะขนาดนี้ คนกลุ่มใหญ่รวมตัวกันให้ความรู้สึกแบบสุนัขจิ้งจอกอ้างบารมีเสือเป็นอย่างมาก
นอกจากเกาะแฟร์เวลแล้ว ผู้เขาร่วมประท้วงในครั้งนี้ยังมาจากแต่ละที่ของนครเซนต์จอห์นด้วย เพราะมีครอบครัวมากมายที่ได้รับความลำบากจากระบบการรักษาก่อนหน้านี้เช่นกัน
คนเหล่านี้ก็ได้รับเสื้อเชิ้ตที่คณะของแฮมเล็ตส่งไป บ้างก็รออยู่ที่ประตูสำนักงานรัฐนครเซนต์จอห์น บ้างก็กำลังรีบมาอย่างไม่ขาดสาย
ฉินสือโอวประมาณการคร่าวๆ เยี่ยมมาก ครั้งนี้คณะของแฮมเล็ตทุ่มไปมาก ใช้กำลังคนไปกว่าหนึ่งพันคนเลยทีเดียว!
นอกจากมวลชนที่มาประท้วง แฮมเล็ตยังเชิญสถานีโทรทัศน์อีกหลายแห่ง ปัญหาการกีดกันประชาชนกับระบบการแพทย์เป็นประเด็นที่ร้อนแรงของแคนาดาตลอดมาย่อมมีคนชอบดูอยู่มาก
ฉินสือโอวคิดว่าตัวเองแค่มาร่วมสนุก ผลสุดท้ายทางเกาะแฟร์เวลให้เขาเป็นผู้นำเป็นตัวแทนในการพูด ฮิวจ์มองเขาอย่างให้กำลังใจพลางพูดออกมา “ฉิน นายคือผู้นำในครั้งนี้!”
นี่ทำให้ฉินสือโอวตกใจจนงง ยังต้องพูดอะไรอีก? ตกลงกันว่าทุกคนจะทำด้วยกันไม่ใช่เหรอ? ความน่าเชื่อถือล่ะ? มิตรภาพล่ะ? ต่อไปจะสามารถเล่นสนุกด้วยกันได้อีกหรือเปล่า?
…………………………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset