ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 749 คู่รักที่ตระเวนไปทั่วโลก

ฉินสือโอวกลับถึงท่าเทียบเรือของเมืองอย่างเหนื่อยล้า เขาไม่อยากเดินอีกแล้วเลยหาคนใช้วิทยุตะโกนบอกให้ฟาร์มปลาส่งคนมารับ
เซอร์ไพรส์เล็กๆ ปรากฏขึ้น คนที่มารับเขาคือเหมาเหว่ยหลง แต่เจ้าตัวแสบนี่ขับเจ็ทสกีมา ตอนนี้ฉินสือโอวเพียงอยากนอนในรถไม่อยากนั่งต่อไปแล้วจริงๆ เพราะเขานั่งตรงประตูสำนักงานรัฐมาครึ่งวันแล้ว
แต่เขาไม่มีทางเลือก ฉินสือโอวได้แต่นั่งเจ็ทสกีกลับบ้าน พอกลับมาถึงก็ทิ้งตัวเองลงบนเก้าอี้นอนทันที
หู่จือและเป้าจือกลอกดวงตากลมโต พวกมันดูออกว่าฉินสือโอวค่อนข้างเหนื่อยเลยไปหาเสี่ยวหลัวปอ แต่เสี่ยวหลัวปอฉลาดวิ่งไปหลบในอ้อมกอดของวินนี่ตั้งนานแล้ว
วินนี่เห็นฉินสือโอวสภาพย่ำแย่แบบนี้ก็ถามอย่างประหลาดใจ “วันนี้คุณไปไหนมาคะ? พี่หลงมาหาคุณตั้งนานก็หาไม่เจอ โทรไปคุณก็ไม่รับ”
ฉินสือโอวฝืนยิ้มพลางพูด “คุณเปิดโทรทัศน์ดูก็รู้แล้วว่าผมไปไหนมา ผมต้องออกโทรทัศน์อีกแล้ว”
เหมาเหว่ยหลงพูดอย่างคล่องปาก “ไม่ใช่ว่าไปซื้อบริการผู้หญิงแล้วโดนตำรวจจับไปนะ?”
“ไสหัวไปให้พ้น!” ฉินสือโอวด่า
ตั๋วตั่วหัวเราะพลางวิ่งเข้ามาในบ้าน ในอ้อมกอดอุ้มกระรอกดิน ด้านหลังมีเจ้าพิทบูลอ้วนตุ๊ต๊ะสองตัวตามมา
ก่อนเข้าบ้านเจ้าพิทบูลน้อยก็เช็ดอุ้งเท้าบนพรมตรงประตูแล้วค่อยวิ่งเข้ามา
ความเป็นแม่ของวินนี่พรั่งพรูอีกครั้ง เธอลูบไล้เจ้าพิทบูลน้อยสองตัวอย่างเอาใจพลางพูด “เป็นเด็กดีจริงๆ เช็ดเท้าแล้วค่อยเข้าบ้านเป็นด้วย รู้เรื่องกว่าพวกเด็กๆ ของบ้านเราอีก”
เสี่ยวหลัวปอได้ยินเข้าก็ทำปากยื่นอย่างไม่พอใจ ใต้เท้าตัวเองไม่มีโคลนสักหน่อย ทำไมต้องเช็ด? หู่จือและเป้าจือมองกีบเท้าที่เลอะเทอะของตัวเองแล้วหลบใต้เก้าอี้นอนของฉินสือโอวอย่างรู้สึกผิด
ส่วนฉงต้า? นอกจากจะพูดเรื่องกินมันก็ไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น
ใบหน้าของเหมาเหว่ยหลงแสดงความพอใจออกมาพลางพูดขึ้น “เป็นเพราะที่บ้านฉันสอนมาดี”
“ใช่สิ ดูจากท่าทางของนายก็รู้แล้ว เปลี่ยนหมาให้เป็นคนหลงตัวเองได้นี่ไม่ง่ายเลย” ฉินสือโอวพูดอย่างเกียจคร้าน
เหมาเหว่ยหลงชูนิ้วกลาง พอเห็นสาวน้อยอยู่ข้างๆ ก็รีบเก็บนิ้วแล้วพูดอย่างโกรธแค้น “แม่งเอ้ย ไอ้ฉิน วันนี้นายงานเข้าเหรอ? หรือรู้ว่าฉันมาแล้วกลัวต้องต้อนรับฉันเลยไม่กล้ากลับมา?”
“ไอ้เวร! ฉันไปเดินขบวนประท้วงมา ใช่สิ ทำไมอยู่ๆ นายก็มากะทันหัน โทรก็ไม่โทรมา?” ฉินสือโอวนอนถาม
เหมาเหว่ยหลงพูดอย่างไม่พอใจ “ก็มาดูว่านายยังมีชีวิตอยู่ไหมน่ะสิ ไม่กี่วันก่อนมีพายุพัดมาไม่ใช่เหรอ…”
หลิวซูเหยียนที่นั่งอมยิ้มมองตั๋วตั่วเล่นกับหมาและกระรอกดินอยู่ข้างๆ ได้ยินเข้าก็ขมวดคิ้วพลางพูด “อย่าพูดเหลวไหลน่า วินนี่อยู่ที่นี่นะ”
เธอยิ้มพลางพูดกับฉินสือโอว “เสี่ยวหลงเห็นข้อมูลในเว่ยป๋อของคุณบอกว่าวินนี่ท้องแล้วเหรอคะ? พวกเราเลยตั้งใจมาดูกัน”
ฉินสือโอวนึกขึ้นมาได้ทันที เหมาเหว่ยหลงพูดอย่างไม่พอใจ “เรื่องใหญ่ขนาดนี้กลับไม่บอกฉัน เหลวไหลจริงๆ !”
ทั้งสองตีฝีปากกันจนถึงก็พลบค่ำอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว แต่ตอนนั้นเองก็มีเรือใบปรากฏขึ้นบนผิวน้ำไกลๆ
แสงพระอาทิตย์ตกสาดส่องบนผิวน้ำราวกับน้ำทะเลลุกเป็นไฟ เรือใบสีขาวลำนั้นแล่นมาบนเกลียวคลื่นเลื่อนที่ขึ้นลงตามเคลื่อนเล็กๆ สม่ำเสมอเหมือนพระราชาขี่ม้าสีขาวเข้ามา มันช่างดูหล่อเหลาไร้เทียมทานจริงๆ
“นั่นมาทางฟาร์มปลาของแกหรือเปล่า?” เหมาเหว่ยหลงเอามือมาไว้ที่หน้าผากแล้วมองไปข้างหน้า
ฉินสือโอวขมวดคิ้ว ทำไมอยู่ๆ ก็มีเรือมาแต่ไม่มีใครบอกอะไรก่อนล่ะ? เขาเปิดวิทยุแล้วถาม “ใครเข้าเวรอยู่ที่สถานีเรดาห์ เรือลำนี้มันเรื่องอะไรกัน ทำไมไม่มีใครบอก?”
เสียงของบูลดังขึ้น “เป็นเรือใบเล็กลำหนึ่ง ไม่ใช่เรือขโมยปลาครับกัปตัน ไม่น่ามีผลกระทบกับฟาร์มปลานะครับ?”
มีผลกระทบก็ต้องยอมรับแล้ว เพราะเรือใบลำเล็กแล่นมาถึงท่าเทียบเรืออย่างรวดเร็วแล้ว
หู่จือและเป้าจือปีนป่ายขึ้นมาทำท่าทางดุดันก่อนสะบัดอุ้งเท้าวิ่งไปทางท่าเทียบเรือ เจ้าพวกพิทบูลน้อยไม่เข้าใจสถานการณ์นี่ไม่ใช่ที่บ้านของพวกมันเพราะฉะนั้นพวกมันจึงไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น พวกมันเบิกตาเล็กๆ มองพี่ใหญ่สองตัววิ่งวุ่นแล้วพวกมันก็ขยับขาสั้นๆ วิ่งไปด้วย
ฉินสือโอวพาคนไปยืนที่ท่าเทียบเรือ เรือใบค่อยๆ เข้ามาใกล้ จากนั้นวัยรุ่นผมทองที่หล่อเหลาและใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มก็ยืนโบกมืออยู่ที่หัวเรือด้วยท่าทางราวกับคุ้นเคยกับทุกคนเป็นอย่างดี
เหมาเหว่ยหลงถามฉินสือโอวอย่างประหลาดใจ “นายรู้จักเขา?”
ฉินสือโอวถามเหมาเหว่ยหลงอย่างประหลาดใจ “นายรู้จักเขา?”
“ไม่ ไม่รู้จัก!” ทั้งสองคนพูดพร้อมกัน
“อ้าว แม่งเอ้ย!” ยังมาพูดพร้อมกันอีก
ด้านหลังวัยรุ่นผมทองยังมีสาวสวยผมดำอยู่ด้วย ทั้งสองน่าจะเป็นคนขาว แต่ตอนนี้ผิวเปลี่ยนเป็นสีน้ำผึ้งเหมือนคนผิวเหลืองและมีลักษณะที่ทำให้คนรู้สึกกระชุ่มกระชวยไม่เหมือนพวกมาขโมยปลาหรือทำความผิด
หลังจากเรือใบมาถึงท่าเทียบเรือ วัยรุ่นก็โบกมือแล้วตะโกนอย่างกระตือรือร้น “เพื่อนๆ พวกนายสบายดีไหม?”
ฉินสือโอวถามด้วยความลังเล “ก่อนหน้านี้พวกเรารู้จักกันเหรอ?”
“ไม่ แต่ตอนนี้รู้จักแล้วไม่ใช่เหรอ?” วัยรุ่นคนนั้นหัวเราะอย่างกระตือรือร้นต่อไป
ฉินสือโอวเกาหัว เดี๋ยวนี้พวกขายประกันขายตรงแล่นเรือใบมาขายแล้วเหรอ?
จากนั้นวัยรุ่นคนนั้นก็แนะนำตัว “สวัสดีครับผมชื่อการ์เซีย เปาลิโน เรนัล ทีโอโดโร ฟรังโก ฟลอเรส นี่คือแฟนผมเซลียา ลูซิโอ มอรีโน โคลินา เดโวลา พวกเราเป็นชาวสเปน”
“ชื่ออะไรนะครับ?”
“จำไม่ได้”
“ผมชื่อการ์เซีย เปาลิโน เรนัล ทีโอโดโร ฟรังโก ฟลอเรส นี่คือแฟนผมเซลียา ลูซิโอ มอรีโน โคลินา เดโวลา พวกเราเป็นชาวสเปน ชื่อยาวเกินไปเลยจำยาก พวกคุณเรียกผมว่าการ์เซีย เรียกแฟนผมว่าเซลียาก็ได้” วัยรุ่นคนนั้นยิ้มเผยให้เห็นฟันขาว
ฉินสือโอวเอ่ยปากถามอย่างตกใจ “คุณฟังภาษาจีนออก?”
เมื่อครู่นี้เขาใช้ภาษาจีนคุยกับเหมาเหว่ยหลงตลอดจึงคิดไม่ถึงว่าวัยรุ่นคนนี้จะฟังออก
เซลีย่าพูดพลางยิ้มออกมา “ฟังออกแค่ที่ง่ายๆ น่ะค่ะ พวกเรากำลังเที่ยวรอบโลกกัน เราเคยไปที่ไต้หวันแล้วก็เคยไปประเทศจีนที่สวยงามมาแล้ว ที่นั่นมีทัศนียภาพและอาหารเลิศรสมากมาย พวกเราเคยอยู่ที่นั่นสองเดือนค่ะ
การ์เซียพูดต่อ “ใช่ครับ แต่ตอนนี้พวกเรามาถึงทวีปอเมริกาเหนือแล้ว จากหมู่เกาะแซงปีแยร์และมีเกอลงมาถึงพวกคุณที่นี่ นี่คือนครเซนต์จอห์นใช่ไหมครับ? ที่นี่คือเกาะแฟร์เวลใช่ไหม? พวกเราอยากหยุดเทียบที่ท่าเทียบเรือของพวกคุณสักหน่อยได้ไหมครับ?”
“ยินดีเป็นอย่างยิ่ง” ฉินสือโอวก็เริ่มตื่นตัวขึ้นมาเช่นกัน เมื่อก่อนตอนที่เขาทำงานอยู่ คนประเภทที่เขาชื่นชมมากที่สุดก็คือคนพวกนี้ ท่องเที่ยวรอบโลกถือกระบี่ท่องไปทั่วหล้า
โลกใหญ่ขนาดนั้นเขาอยากจะไปดูจริงๆ
ฉินสือโอวขึ้นไปช่วยการ์เซียเทียบเรือบนหัวท่าเทียบเรือพร้อมชื่นชม “เป็นเรือใบที่ไม่เลวเลย สวยมาก มันชื่อว่าอะไรครับ?”
“โคลัมบัสแห่งมิตรภาพค่ะ พวกเราหวังว่าการเดินทางรอบโลกจะเป็นการสร้างมิตรภาพของตัวเองไปรอบโลกด้วยเหมือนกัน” เซลียาพูดอย่างภาคภูมิ การ์เซียยิ้มพร้อมพยักหน้า เขายื่นมือไปลูบที่เรือขณะบนใบหน้ามีความรักใคร่
ปกติตอนที่ฉินสือโอวลูบไล้วินนี่ด้วยความรัก บนใบหน้าของเขาก็มีสีหน้าแบบนี้แหละ ดังนั้นเขาเลยรู้สึกว่าทั้งสองคนเป็นคนดีที่สามารถต้อนรับได้
……………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset