ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 750 ปัญหาของการเดินทางรอบโลก

โคลัมบัสแห่งมิตรภาพมีความยาวประมาณ 15-16 เมตร มันเป็นเรือลำใหญ่ในหมู่เรือใบ เรือประเภทนี้ปกติจะอยู่ระหว่างสองเมตรถึงยี่สิบสองเมตร
เรือลำนี้ใช้ใบสามเหลี่ยมก็คือใช้ใบเรือเป็นแรงขับเคลื่อน ใบเรือสามเหลี่ยมเป็นใบเรือประเภทหนึ่งที่สามารถเคลื่อนที่หมุนไปกลับได้ การควบคุมง่ายและสะดวก มันจะไปตามลมหรือทวนกระแสลมก็สามารถใช้ได้ และยังได้รับผลกระทบจากทิศทางลมค่อนข้างน้อยด้วย
ตอนไปตามลมใบเรือสามเหลี่ยมไม่ได้ดีเท่าใบเรือสี่เหลี่ยม แต่ตอนทวนลมความสามารถในการแล่นเรือกลับยอดเยี่ยมมาก
เห็นพวกฉินสือโอวอยากรู้เรื่องเรือใบ เซลียาก็เชิญพวกเขาขึ้นไปเยี่ยมชมบนเรือแล้วอธิบายส่วนประกอบแต่ละส่วนของเรือลำนี้ให้พวกเขาฟัง ทั้งยังเล่าเรื่องบางส่วนที่เกิดขึ้นบนเรือไปด้วย
ขึ้นมาแล้วฉินสือโอวถึงพบว่าบนเรือยังเลี้ยงแมวพันธุ์แร็กดอลไว้ด้วย เซลียาอุ้มมันขึ้นมาแล้วพูดออกไป “นี่เป็นเจ้าตัวแสบที่พวกเรารับเลี้ยงตอนอยู่ที่ญี่ปุ่น มันชื่อไฉไฉ่จือ น่ารักใช่ไหมล่ะ?”
เยี่ยมชมเรือใบแล้วพวกเขาก็ขึ้นฝั่ง ผลสุดท้ายเจ้าแมวแร็กดอลก็โผล่หน้ามาเจอกับหู่จือ เป้าจือและเจ้าพิทบูลน้อยสองตัวที่ล้อมรอบมันไว้ แมวกับหมาเจอกันไม่ได้เป็นธรรมดา เจ้าพวกตัวแสบเห็นเจ้าแมวแร็กดอลก็ตื่นตัวขึ้นมาทันทีและต้องการจะทะเลาะกับมันทุกวิถีทาง
เจ้าแมวพันธุ์แร็กดอลก็เคยเจอคลื่นลมแรง แม้จะดูน่ารัก แต่กำลังในการต่อสู้นั้นค่อนข้างรุนแรง กระโดดครั้งหนึ่งถึงบนหลังของหู่จือ แต่พอออกแรงดิ้นรนผลสุดท้ายก็ไม่สามารถสะบัดมันให้ตกได้
ฉินสือโอวผิวปาก หู่จือและเป้าจือจึงลงมาอย่างเชื่อฟังแล้วรีบนั่งลงด้วยท่าทางเฉลียวฉลาด
เซลียาอุ้มเจ้าแมวพันธุ์แร็กดอลขึ้นมาแล้วแนะนำ “ความสามารถในการรักษาสมดุลของไฉไฉ่จือยอดเยี่ยมมาก แม้จะพบกับคลื่นลมมันก็สามารถปีนป่ายขึ้นไปบนเสากระโดงได้อย่างอิสระ สุดยอดมากเลยล่ะค่ะ”
พลบค่ำแล้วพอดีฉินสือโอวจึงเชิญทั้งสองคนมาทานข้าว ถึงอย่างไรก็ต้องต้อนรับบ้านเหมาเหว่ยหลงอยู่แล้ว เพิ่มอีกสองคนก็ไม่มีปัญหาอะไร
การ์เซียและเซลียาบอกปัดไม่กี่ครั้งก็ไม่ได้ยืนหยัดปฏิเสธต่อไป แต่การ์เซียเสนอตัวเข้าครัวเองและแนะนำตัวว่าระหว่างทางที่เดินทางรอบโลกเขาได้รู้จักกับอาหารที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละประเทศไม่น้อย ดังนั้นจึงขอเชิญชวนให้พวกฉินสือโอวลองชิม
เซลียาพูดคุยกับพวกเขาพร้อมถือโอกาสแนะนำตัวพวกเขาด้วย
“เดิมทีพวกเราสองคนทำงานอยู่ที่บาเซโลนา นั่นเป็นเมืองที่สวยงามมาก แต่พวกเราทำงานกันทั้งวัน เรื่องที่คุยกันในเวลาปกติก็คือบ้านรถและเงิน ในที่สุดวันหนึ่งพวกเราก็เบื่อหน่ายกับชีวิต เพราะงั้นเลยตัดสินใจลาออกไปเที่ยวดูโลกทั้งใบ”
“ตอนแรกพวกเรากลัวมาก เพราะพวกเราไม่ได้มีเงินมาก มีแต่เงินเก็บจากเงินเดือน แล่นเรือใบไปรอบโลกคงเป็นได้แค่ความฝัน แต่หลังจากความฝันเกิดขึ้นแล้วพวกเราก็ไม่มีทางควบคุมการเติบโตของมันได้ พวกเราทั้งสองทนไม่ไหวจนต้องไปรอบโลกสักรอบ!”
“หลังจากนั้นพวกเราก็ขายบ้านและรถ แล้วก็ไปยืมเงินเพื่อนสนิทถึงได้ซื้อโคลัมบัสแห่งมิตรภาพได้ พวกเราดีใจมาก เรามีเพื่อนที่สุดยอดกลุ่มหนึ่งตอนที่พวกเราพูดถึงความฝันเรื่องเดินทางรอบโลก พวกเราก็ได้การสนับสนุนจากพวกเขาด้วย พวกเขาเชื่อมั่นมากจนเอาเงินฝากของตัวเองให้พวกเรายืมเลยล่ะค่ะ”
“ก็เป็นแบบนี้แหละค่ะ พวกเราเริ่มการเดินทางรอบโลกที่สเปน โง่ใช่ไหมคะ?”
“ไม่ค่ะ เหมือนฝันเลย พวกคุณสุดยอดมาก!” วินนี่พูดอย่างจริงจัง “ฉันก็เคยมีความฝันแบบนี้ค่ะ แต่ไม่เคยทำมันสักที พูดจากใจจริงนะคะ ฉันอิจฉาพวกคุณสองคนมาก”
ใบหน้าของหลิวซูเหยียนก็แสดงอารมณ์ไปในแนวเดียวกัน “เดินทางรอบโลก แม้จะต้องพบเรื่องลำบากมากมายแต่ก็เป็นสิ่งที่สวยงามนะคะ”
ฉินสือโอวทำปลาทอดพลางถาม “ถ้าอย่างนั้นค่าใช้จ่ายระหว่างทางของพวกคุณล่ะ?”
“เป็นเงินที่ได้มาจากการทำงานค่ะ พวกเราไม่สามารถเที่ยวเล่นรอบโลกอย่างลูกเศรษฐีได้ ตอนนั้นการเดินทางรอบโลกของพวกเราเพิ่งสำเร็จได้แค่สองส่วนสาม แต่ใช้เวลาไปสองปีครึ่ง ส่วนมากเป็นเวลาที่อยู่ทำงานระหว่างทาง อย่างเช่นพวกเราเข้าใจภาษาจีน เพราะพวกเราเรียนรู้ตอนทำงานอยู่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในเซี่ยเหมิน” เซลียาพูดพลางหัวเราะ
ฉินสือโอวชื่นชมพวกเขาจริงๆ
เขาก็เคยมีความฝันที่จะเดินทางรอบโลก ตอนนี้จะมีพนักงานธรรมดาในเมืองที่ไม่เคยฝันแบบนี้กี่คนกัน? แต่จะมีกี่คนที่ไปทำจริงๆ ทุกคนต้องเลี้ยงดูครอบครัว รับผิดชอบพ่อแม่และคนในครอบครัว ดังนั้นจึงมีความฝันมากมายที่เป็นได้แค่ฝันและไม่มีทางเป็นจริงได้
หวังเหล่ยและเหยาลี่ลี่ที่นั่งฟังอยู่ข้างๆก็แสดงสีหน้าไปในทางเดียวกัน ทั้งสองคนมองตากันแล้วจับมือกัน
ฉินสือโอวเห็นท่าทางแบบนี้ของพวกเขาจะไม่เข้าใจความหมายได้อย่างไร? ชัดเจนว่าถูกเซลียาและการ์เซียทำให้ซาบซึ้งไปแล้วเขาจึงรีบถามออกมา “เฮ้ เซลียา ระหว่างทางพวกคุณคงพบเจอความลำบากมากเลยใช่ไหมครับ? แล่นเรือใบลอยไปบนทะเลนั้นไม่ใช่ง่ายๆเลย”
เขาไม่อยากทำลายฝันของพวกหวังเหล่ย แต่อยากบอกพวกเขาว่าเรื่องนี้ไม่ได้สวยงามเหมือนที่ฟังแน่นอน มีเรื่องที่ต้องพิจารณาอีกมากมายเลยล่ะ!
“แน่นอนค่ะ พวกเราพบเจอเรื่องลำบากยากเข็ญมากมายเลย” เซลียานึกถึงแล้วเล่า “อย่างเช่นก่อนพวกเราจะออกเดินทาง เราต้องใช้เวลาหนึ่งเดือนในการเรียนรู้ การใช้ทุ่นขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน ระบบนำทางดาวเทียม วิทยุสื่อสารคลื่นความถี่สูง และแน่นอนว่าต้องเรียนรู้การควบคุมเรือใบและต้องสอบใบอนุญาตหลักสูตรการแล่นเรือยนต์ภาคปฏิบัติให้ผ่านด้วย ไม่ง่ายเลยค่ะ”
“อีกอย่างพวกเรายังต้องปีนไปตรวจสอบเสากระโดงเรือสูงยี่สิบเมตรอยู่บ่อยๆด้วย ต้องเป็นคนที่ไม่กลัวความสูงถึงจะทำได้”
วินนี่มองไปทางฉินสือโอวแล้วหัวเราะอย่างจนใจพลางพูดขึ้น “จบเห่แล้ว ถ้าพวกเราจะเดินทางรอบโลก งานนี้ฉันต้องเป็นคนทำแน่”
“ยังมีความยุ่งยากอื่นๆอีกไหมครับ?” หวังเหล่ยถาม
เซลียามองเขาพลางยกยิ้มแล้วพูดออกมา “ที่จริงยังมีอีกเยอะค่ะ อย่างเช่นต้องเข้าใจการแพทย์เบื้องต้น ต้องรู้ว่าทุกครั้งที่จะไปที่ไหนต้องเตรียมยาอะไร ฉีดวัคซีนอะไร ต้องเตรียมแม้กระทั่งเครื่องมือผ่าตัดขนาดเล็กด้วย”
“และอยู่ในทะเลก็ไม่สามารถกินปลาตลอดได้ ต้องซื้อแป้งทำพวกขนมอบเอง เตรียมไว้ไม่กี่สิบกิโลกรัม บนเรือไม่สามารถเก็บนมสดไว้ได้ ทุกครั้งก่อนออกทะเลคุณต้องทำชีสไว้เอง จะซื้อทั้งหมดไม่ได้เพราะราคาแพงเกินไป”
“ความสะดวกสบายบนเรือก็เป็นปัญหาใหญ่เหมือนกัน บนเรือไม่มีโถส้วม แถมการใช้น้ำเปล่าอาบน้ำบนเรือก็เป็นปัญหา นอกจากนี้ก็ยังมีอีกมากมายเลย ถ้าให้พูดทุกเรื่องคงต้องใช้เวลาสองวันถึงจะพอ”
ฟังเซลียาจบหวังเหล่ยและเหยาลี่ลี่ก็ลังเลแล้ว
เดินทางมารอบโลกแล้วโลกทัศของเซลียาจึงไม่เหมือนกับคนทั่วไป อย่างน้อยความสามารถในการดูคนก็ดีมาก เธอมองความฝันของพวกหวังเหล่ยทั้งสองคนออกและยังมองออกว่าทั้งสองคนไม่ใช่คนประเภทที่เต็มไปด้วยสัญชาตญาณการผจญภัย ถ้าส่งเสริมให้พวกเขาออกทะเลคงเป็นการส่งพวกเขาไปตาย
เมื่อเป็นเช่นนี้เซลียาจึงรีบพูดขึ้น “ยังมีอีกเรื่องที่ยังไม่ได้พูดก็คือคลื่นลมในทะเล! อย่างเช่นไม่กี่วันก่อนหน้านี้ พวกเราเจอพายุโซนร้อนที่น่ากลัวในทะเลนิวยอร์ก ถ้าพวกเราไม่รีบเข้าท่าตอนนั้น เรือของเราคงจมไปในทะเลลึกแน่นอน! และสถานการณ์แบบนี้ก็มีเยอะเหลือเกิน พวกเราเกือบจะต้องสู้กับคลื่นทะเลทุกวัน ทุกอาทิตย์ต้องได้มีโอกาสจับมือกับมัจจุราชสักครั้งหนึ่งเลยล่ะ!”
ในตอนนั้นเองหู่จือและเป้าจือก็กระโดดขึ้นมาแล้วมองไปทางประตูอย่างฉลาดเฉลียว จากนั้นก็มีโตโยต้าแคมรี่คันหนึ่งขับเข้ามา
พอฉินสือโอวเห็นว่าเป็นรถของแฮมเล็ตก็พยักหน้า หู่ขือและเป้าจือถึงนอนหมอบลงจ้องมองเจ้าแมวแร็กดอลอย่างดุดัน
เจ้าแมวแร็กดอลทำสีหน้าเย้ยหยัน ไอ้เตี้ย เคยเห็นมหาสมุทรแปซิฟิกหรือยัง? เคยเห็นมหาสมุทรอินเดียไหม? รู้ไหมว่าคนจีนไม่กินเนื้อแมว แต่กินเนื้อหมา? รู้เห็นแค่นี้ยังกล้ามาสู้กับข้า? ตลก!
……………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset