ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 760 เรือที่ไม่ขยับเขยื้อน

บทที่ 760 เรือที่ไม่ขยับเขยื้อน
โดย
Ink Stone_Fantasy
นั่งคุยกับคาเมรอนและเคอร์บนชายหาดจนพระอาทิตย์ลับผืนน้ำไป ฉินสือโอวจึงพาพวกเขากลับ
เดิมทีฉินสือโอวคิดว่าคาเมรอนเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ระดับโลก และเคอร์ก็นับว่าเป็นมหาเศรษฐีของนิวยอร์ก คงจะไม่มีอะไรที่พวกเขาไม่เคยเห็นแล้ว? ฮาวาย เกาะปานามา เกาะมัลดีฟอะไรพวกนี้ พวกเขาต้องเคยไปกันมาแล้วไม่รู้จักกี่รอบ
เกาะที่ฉินสือโอวยกขึ้นมาล้วนแล้วแต่เป็นเกาะอันดับต้นๆ ของโลก ซึ่งมีชายฝั่งทำเลทองที่สวยงามที่สุด แม้ว่าเขาจะมั่นใจในฟาร์มปลาของตัวเอง แต่ก็ไม่อาจหลับหูหลับตาคิดว่าชายหาดของตัวเองสวยกว่าชายหาดอันเลื่องชื่อเหล่านี้ได้
เดิมทีเขาเลยแค่คิดจะพาทั้งสองคนไปตระเวนรอบๆ เพื่อฆ่าเวลา คิดไม่ถึงเลยว่าหลังจากที่คาเมรอนและเคอร์นั่งลงที่ฟาร์มปลาแกธเธอริง แล้วได้คุยกันใต้ร่มชายหาดที่มีลมทะเลพัดโชยนั้นก็ดีใช้ได้เหมือนกัน จากนั้นก็คุยกันว่าเมื่อไรจะเกิดสงครามโลกครั้งที่สาม…
ฉินสือโอวได้แต่คิดว่าเป็นเพราะก่อนหน้านี้ทั้งสองคนทำงานกันอย่างเหน็ดเหนื่อย เมื่อในที่สุดได้มีโอกาสผ่อนคลายอย่างวันนี้ก็เลยไม่เรื่องมาก
แต่คำพูดของเคอร์ระหว่างทางกลับพิสูจน์ได้ว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้น “ฉิน นึกไม่ถึงเลยว่าคุณจะมีชายหาดและน้ำทะเลที่สุดยอดขนาดนี้ ทำไมคุณไม่ปรับทำเป็นโรงแรมฟาร์มปลาระดับไฮคลาสเสียเลยล่ะ?”
ฉินสือโอวขับรถพลางยักไหล่ เขาไม่สนใจอะไรแบบนี้เลย ทำไมต้องทำโรงแรมฟาร์มปลาด้วย? เขาไม่ได้ร้อนเงินเสียหน่อย อันที่จริงธุรกิจท่องเที่ยวของเมืองก็เป็นโอกาสที่ดีในการทำเงิน แต่เขาไม่เคยแตะธุรกิจแบบนี้มาก่อนเลย
เคอร์เป็นคนที่ผ่านการทำงานในด้านธุรกิจมาหลายปี ชั่วครู่เดียวเขาก็มองความคิดของฉินสือโอวออก แล้วจึงพูดว่า “คุณรู้จักฟาร์มวินด์เซอร์ไหม? คุณสามารถสร้างฟาร์มปลาที่คล้ายๆ กันขึ้นมาสักแห่งได้นะ คุณคิดว่าฟาร์มวินด์เซอร์สร้างขึ้นมาเพื่อหาเงินใช่ไหม? ไม่ใช่เลยเพื่อน เส้นสายต่างหาก! ตอนนี้ที่นั่นเป็นเครือข่ายเส้นสายระดับสูงไปแล้ว!”
ดูจากชื่อก็รู้ความหมายได้เลย ฟาร์มวินด์เซอร์ก็คือฟาร์มเกษตรที่ตั้งอยู่ที่เมืองวินด์เซอร์ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ ในรัฐออนแทรีโอของแคนาดา ใช้เวลาขับรถประมาณสี่ชั่วโมงจากเมืองโทรอนโตและใช้เวลาขับรถข้ามแม่น้ำจากเมืองดีทรอยต์เมืองแห่งการผลิตรถยนต์ของอเมริกาเหนือเพียงแค่ห้านาที
บรรยากาศและสิ่งแวดล้อมของเมืองคึกคักเป็นอย่างมาก และมีสถานที่ที่ยอดเยี่ยมมากมาย ตั้งแต่ช่วงต้นศตวรรษที่ 70 มีเหล่าเศรษฐีเห็นว่าสิ่งแวดล้อมของที่นี่เป็นดั่งดินแดนในอุดมคติจึงเริ่มเข้ามาลงทุนทำฟาร์ม
จากนั้นรอบๆ ฟาร์มที่พวกเศรษฐีลงทุนทำแรกๆ ก็ค่อยๆ ถูกเหล่าคนรวยกว้านซื้อไป ก็เหมือนกับที่เคอร์พูด ทำไมเหล่าเศรษฐีถึงค่อยๆ มารวมกันอยู่ที่นี่? เพราะที่นี่มีเครือข่ายเส้นสายที่ไม่มีที่สิ้นสุด
ส่วนมากจะคิดว่าคนจีนให้ความสำคัญกับเรื่องเส้นสาย คนอเมริกาเหนือให้ความสำคัญกับเรื่องเงินทอง แต่ที่จริงทั้งสองฝ่ายก็เหมือนๆ กัน
ได้ฟังที่เคอร์พูดแล้ว ฉินสือโอวก็รู้สึกสนใจขึ้นมาบ้าง ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง
เขากำลังจะถามรายละเอียดเพิ่มเติม อยู่ๆ คาเมรอนก็ส่งเสียงร้องโอ้วขึ้นมา ฉินสือโอวพูดหยอก “คุณก็เห็นขวดไวน์แล้วใช่ไหม?”
ตอนที่เพิ่งมาถึงเคอร์เห็นขวดไวน์แล้วก็ส่งเสียงแบบนี้เหมือนกัน
คาเมรอนส่ายหัวแล้วมองออกไปที่นอกหน้าต่างรถไปทางด้านหลังอย่างสงสัย ฉินสือโอวจอดรถแล้วถามว่า “มีอะไรเหรอ?”
เขามองไปทางด้านหลัง มีร่างของหญิงสูงวัยที่ยังแข็งแรงยืนเอามือไพล่หลังอยู่ ข้างๆ เท้าเธอมีสุนัขพันธุ์สก็อตติช คอลลี่ตัวหนึ่ง ทั้งคู่ต่างก็ดูชราแล้ว
คาเมรอนมองหญิงชราอย่างครุ่นคิดแล้วพูดว่า “ไม่มีอะไรหรอก แค่นึกว่าเจอคนรู้จัก เธอไม่น่าจะมาอยู่ที่นี่ได้ ไปเถอะ เมื่อครู่ผมคงตาฝาดไป”
“กลับไปดูก็ได้ไม่ใช่เหรอ?” ฉินสือโอวพูด
คาเมรอนพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่ล่ะ ถ้าผมตาฝาดพวกเราก็ไปรบกวนเธอเปล่าๆ ถ้าตาไม่ฝาดก็ยิ่งไม่สามารถไปหาเธอได้ เธอเป็นหญิงชราที่ถือตัวและแปลก เพราะฉะนั้นเราไปกันเถอะ”
ฉินสือโอวขับรถไปได้ระยะหนึ่งก็หัวเราะขึ้นมาแล้วพูด “ตอนนี้ถึงตาของผมร้องโอ้วบ้างแล้ว ผมก็เจอเพื่อนที่ไม่น่าจะมาอยู่ที่นี่เหมือนกัน โอดอม คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงเพื่อน?”
ใช่แล้ว คนที่ฉินสือโอวเจอคือโอดอม ลูกเจ้าของฟาร์มปลาบ้านเกิดของปลาค็อดคนเก่าคนนั้นที่เป็นหมอผู้เชี่ยวชาญของโรงพยาบาลเซนต์แมรี่ในตอนนี้
พอเห็นว่าเป็นฉินสือโอว โอดอมก็หัวเราะขึ้นมาแล้วพูดอย่างมีความสุข “วันนี้เป็นสุดสัปดาห์นะเพื่อน วันนี้ผมพักผ่อน จะไปไหนก็ได้ เกาะแฟร์เวลเป็นสถานที่ที่ทำให้คนชื่นชอบ ผมก็ต้องชอบมาที่นี่อยู่แล้ว”
คาเมรอนเป็นคนมีชื่อเสียงและเคอร์ก็เป็นนักธุรกิจใหญ่ ทั้งสองคนไปค่อยอยากพบคนแปลกหน้าในสถานที่แบบนี้ ฉินสือโอวเลยไม่ได้คุยอะไรกับโอดอมมากมาย พอทักทายแล้วก็เลยแยกย้ายกันไป
ไม่ว่าจะเป็นคาเมรอนหรือเคอร์ก็นับว่าเป็นแขกคนสำคัญ ฉินสือโอวต้องดูแลเป็นอย่างดีอยู่แล้ว
เคอร์หัวเราะแล้วพูด “ทำผักสดเยอะๆ นะเพื่อน ครั้งก่อนหลังจากที่ผมกับพ่อมาที่ฟาร์มปลาของคุณก็ยังคิดถึงผักออร์แกนิคของคุณไม่เคยลืมเลย”
ฉินสือโอวไปเก็บผักทั่วๆ ไปอย่างแตงกวา พริก มะเขือเทศ ถั่วแปบ ถั่วฝักยาว ขึ้นฉ่าย บรอกโคลี เก็บไปก็พูดไป “แล้วกับอาหารทะเลของผมล่ะ? อาหารทะเลในฟาร์มปลาของผมต่างหากที่ยอดเยี่ยมที่สุด”
“ใช่ ยอดเยี่ยมมาก แต่ก็ไม่ทำให้น้ำลายสอเท่าผักหรอก” เคอร์พูด
มื้อเย็นฉินสือโอวกับการ์เซียเป็นคนทำ ตั้งแต่การ์เซียมาอยู่ ฉินสือโอวก็ขี้เกียจขึ้นมาก ฝีมือของเชฟใหญ่ชาวสเปนนั้นสุดยอดจริงๆ
เห็นได้ชัดว่าการ์เซียและแฟนสาวจำคาเมรอนได้ ทั้งสองไปถ่ายรูปกับเขาและเซลียาก็คุยเรื่องภาพยนตร์ด้วยครู่หนึ่ง เพราะเธอเคยเรียนภาพยนตร์เป็นวิชาเลือกสมัยมหาวิทยาลัยก็เลยพอจะคุยเกี่ยวกับอะไรทางด้านนี้ได้อยู่บ้าง
จากนั้นเซลียาก็เล่าเรื่องการเดินทางรอบโลกของพวกเขา เคอร์รู้สึกสนใจมาก เขาถามทั้งสองคนถึงแผนการเดินทางครั้งต่อไป แล้วบอกว่าอยากจะสนับสนุนพวกเขา โดยมีข้อแลกเปลี่ยนว่าบนเรือใบของพวกเขาจะต้องติดโลโก้ห้างสรรพสินค้า เมย์ซี และร่วมมือกับฝ่ายวางแผนของบริษัทในการทำประชาสัมพันธ์
เซลียาและการ์เซียดีใจมาก เพราะก่อนหน้านี้ทั้งสองคนเคยไประดมทุนแต่ก็ไม่มีใครสนใจ เหตุผลหลักๆ ก็คือไม่เชื่อว่าพวกเขาจะยืนหยัดแล่นเรือใบไปรอบโลกได้จริงๆ
พอคุยเรื่องนี้แล้ว เคอร์ก็หัวเราะออกมาและบอกว่าเดิมทีคิดว่าครั้งนี้จะมาพักผ่อน คิดไม่ถึงเลยว่ายังต้องคุยเรื่องธุรกิจด้วย
เจ้าของธุรกิจอยู่ที่นี่แล้ว การ์เซียเลยทุ่มสุดตัวทำอาหารจานเด็ดของแต่ละประเทศออกมาอย่างไม่ขาดสาย
คาเมรอนและเคอร์อยู่ที่ฟาร์มปลาสองวัน พอเช้าวันจันทร์ถึงได้กลับ ฉินสือโอวเอาผักสดให้พวกเขาจำนวนหนึ่งซึ่งทั้งสองคนก็ไม่ปฏิเสธ เพราะผักสดของฟาร์มปลารสชาติดีจริงๆ
พอกลับถึงฟาร์มปลา ฉินสือโอวนั่งสักครู่แล้วก็มีเสียงลูกน้องดังขึ้นจากวิทยุสื่อสาร “เฮ้ บอส ท่าจะไม่ดีแล้วครับ มีเรือประมงลำหนึ่งเข้ามาใกล้ฟาร์มปลาของพวกเรา แต่ไม่มีความเคลื่อนไหวเลย จะเป็นเรือล่าฉลามหรือเปล่าครับ?”
เรือล่าฉลามต้องใช้ของประเภทเลือดสัตว์เพื่อดึงดูดฉลาม พอเทเลือดลงไปบริเวณไหนแล้วก็แค่รอให้ฉลามมาติดกับโดยไม่ต้องเคลื่อนที่อะไรเลย โหดร้ายมาก
ฉินสือโอวไปดูที่สถานีเรดาห์ ที่แท้ก็มีเรือประมงน้ำหนักอย่างน้อยสองพันตันจอดอยู่ที่ทะเลบริเวณขอบฟาร์มปลาจริงๆ
ชาร์คบอกว่ามันจอดอยู่ตรงนี้มาหลายชั่วโมงแล้ว เพราะก่อนหน้านี้มันไม่ได้เข้ามาในฟาร์มปลาพวกเขาเลยไม่ได้รายงานฉินสือโอว จนตอนนี้มันไม่ขยับเขยื้อนมานานแล้วถึงได้มีข้อสงสัยอย่างอื่นขึ้นมา
………………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset