ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 762 ช่วยชีวิตบูล

บทที่ 762 ช่วยชีวิตบูล
โดย
Ink Stone_Fantasy
ฉินสือโอวที่กำลังฟังจุดสำคัญของเรื่องตกใจขึ้นมาทันทีเพราะเสียงร้องตะโกนของบูล เจ้าเด็กนี่คงไม่ได้กำลังฟังเรื่องน่ากลัวอยู่ทางนั้นเหมือนกันหรอกมั้ง? คำพูดของเขาช่างมาได้เวลาจริงๆ
ฉินสือโอวยกยิ้มแล้วพูดออกมา “ขอบใจนายมากนะ บูล แต่ฉันไม่ได้อยากให้นายมาสร้างบรรยากาศให้ฉันซะหน่อย มา ซีมอนสเตอร์ เล่าต่อซิ ไอ้ที่น่ากลัวมันคืออะไรกันแน่?”
พวกซีมอนสเตอร์คิดว่าบูลแค่แกล้งทำ เพราะเขาก็เป็นคนแบบนี้อยู่แล้ว พวกเขาถึงได้พูดต่อ “ก็ได้ ที่น่ากลัวก็คือจู่ๆ เรือลำนั้นก็ปรากฏตัวขึ้นมาที่หมู่เกาะแพร์รีในช่วงยุค 80 ยังไงล่ะ! เรื่องนี้ไม่มีทางผิดพลาดแน่นอน เพราะตอนที่มีคนเข้าไปถ่ายรูปมันใกล้ๆ ก็ปรากฏว่ามันคือเรือเบย์ชิโม! เป็นเรือเบย์ชิโมที่มีสภาพเหมือนตอนที่ถูกทิ้งเอาไว้เมื่อ 50 ปีก่อนไม่มีผิด!”
“ที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็ตอนนั้นคนที่เข้าไปถ่ายรูปมันใกล้ๆ ก็ได้ยินเสียงร้องไห้ของผู้หญิงดังออกมาจากบนเรือด้วย มันเป็นเสียงร้องไห้ที่เจ็บปวดและสิ้นหวังอย่างถึงที่สุดเลยล่ะ! คิดดูสิว่าเรือลำนั้นต้องไม่มีคนขับแน่นอน แต่มันก็ยังลอยอยู่เหนือน่านน้ำของหมู่เกาะแพร์รีได้อยู่เลย!”
“แล้วที่น่ากลัวที่สุดก็คือ…”
“โอ้โห ตกลงว่ามันน่ากลัวตรงไหนกันแน่ พวกนายรีบๆ พูดมาได้หรือเปล่า?” ฉินสือโอวแทบทนรอไม่ไหวแล้ว นี่หมอนี่คิดว่าตัวเองกำลังฟันสาวอยู่บนเตียงหรือไง? ถึงได้บิลด์อารมณ์พลิกไปพลิกมาจนเสียววูบขนาดนี้?
ซีมอนสเตอร์ส่งเสียงหัวเราะเยาะออกมาแล้วพูดขึ้น “น่ากลัวจริงๆ นะบอส จากนั้นพวกเขาก็ตรวจสอบจนพบว่าวันที่เรือลำนั้นปรากฏขึ้นในหมู่เกาะแพร์รี มันตรงกับวันที่เมียของคนงานที่ตายเพราะการสร้างเรือตายไปในปีนั้นพอดีน่ะสิ! จริงๆ นะ เจ้าสาวที่เคยร้องไห้บนเรือคนนั้นตายไปในวันที่มันปรากฏตัวพอดีเลย!”
“ซีมอนสเตอร์ไม่ได้โกหกนะครับ กัปตัน เรื่องนี้มันน่าแปลกมาก แล้วตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาชาวเอสกิโมที่อยู่บนเกาะนั้นก็มักจะเห็นเรือลำนั้นลอยเคว้งคว้างไปมาไร้จุดหมายอยู่เสมอ มีหลายครั้งที่พวกเขาพยายามจะเข้าเทียบเรือ แต่ก็มักจะไม่สำเร็จเพราะอากาศไม่เป็นใจตลอด” แลนซ์พูดออกมาอย่างจริงจัง “พวกสื่อทั้งหมดในสมัยนั้นต่างก็เคยรายงานข่าวเรื่องนี้ไปแล้วทั้งนั้น”
“แล้วต่อจากนั้นล่ะ ต่อจากนั้นเรือลำนั้นไปที่ไหน?” ฉินสือโอวถามกลับไปด้วยความเพลิดเพลิน ตอนนี้เขารู้สึกว่ามันน่าสนใจขึ้นมานิดหน่อยแล้ว
แต่ปรากฏว่าทันใดนั้นบูลก็ร้องตะโกนเสียงดังขึ้นมาอีกครั้ง “กัปตัน จริงๆ นะ โอ้พระเจ้า จริงๆ นะ นั่นมันเรือผีสิงชัดๆ ให้ตายเถอะ! ให้ตายเถอะ! ให้ตายเถอะ! นั่นมันเรือผีสิงจริงๆ ด้วย… ใครอยู่ที่นั่น…”
“ซ่าๆ ซ่าๆ ซ่าๆ ๆ …”
หลังจากบูลตะโกนคำสุดท้ายออกมา สัญญาณวิทยุก็ขาดหายไปทันทีและหลงเหลือไว้เพียงเสียงคลื่นซ่าๆ เท่านั้น
ตอนนี้ทุกคนเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติแล้ว บูลอาจจะล้อเล่นได้ แต่เสียงที่ดังออกมาจากวิทยุเมื่อครู่นี้ก็ชัดเจนมาก พวกเขาสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวในน้ำเสียงของบูลซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยาก
ถ้าจะบอกว่าใครกล้าหาญที่สุดในบรรดาชาวประมง บางทีอาจจะเป็นอีวิลสัน เพราะเขาเป็นคนกล้าบ้าบิ่นที่ไม่เคยกลัวอะไรสักอย่างนอกจากความหิว
ส่วนในบรรดาคนธรรมดาที่เหลืออยู่ คนที่มีความกล้ามากที่สุดก็น่าจะเป็นบูลนี่แหละ เจ้าเด็กนี่มันเป็นไอ้เด็กเวรตัวจริง ว่ากันว่ามีครั้งหนึ่งตอนที่เขาดูหนังเรื่อง The Ring เขารู้สึกว่าตัวละครหญิงคนหนึ่งที่อยู่ในเรื่องนั้นเซ็กซี่มากจนเขาถึงกับต้องช่วยตัวเองอยู่หน้าจอทีวี 28 นิ้วเลยทีเดียว
แต่บูลที่เป็นแบบนั้นกลับหวาดกลัวขึ้นมาในช่วงสุดท้ายที่เขาพูดออกมา เพราะงั้นมันจะต้องมีอะไรที่คาดไม่ถึงแน่นอน
มันอาจจะไม่ใช่เรือผีสิง แต่ด้านบนนั้นจะต้องมีอะไรบางอย่างที่ทำให้บูลรู้สึกหวาดกลัวมากแน่ๆ
ฉินสือโอวรู้สึกกังวลขึ้นมา เขาตบเครื่องรับวิทยุไร้สายแล้วตะโกนออกไป “เฮ้ยๆ ๆ บูล! บูล! ไอ้เด็กเวรนี่! ได้ยินเสียงของฉันแล้วตอบด้วย!”
“ซ่าๆ ซ่าๆ … ซ่าๆ ซ่าๆ …”
สิ่งที่ตอบกลับมาจากวิทยุยังคงเป็นเสียงซ่าๆ เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
เบิร์ดดันฉินสือโอวออกไปจากเครื่องวิทยุแล้วลองตรวจสอบมันดูสักพัก เขาพยายามเปลี่ยนช่องสัญญาณอยู่หลายครั้งแล้วตะโกนเข้าไป แต่สิ่งที่ได้ก็ยังคงมีเพียงเสียงซ่าเท่านั้น
คิ้วของเบิร์ดก็ขมวดมุ่นขึ้นมาเช่นกัน เขาครุ่นคิดอยู่สักพักก็พูดออกมา “วิทยุของบูลอาจจะเสียหรือตกไป หรือไม่สัญญาณก็อาจจะถูกบล็อก” แล้วทันใดนั้นเขาก็พูดออกมาอีกครั้งด้วยสีหน้าลำบากใจ “แล้วก็มีอีกสถานการณ์หนึ่ง ก็คืออาจจะมีแหล่งพลังงานประหลาดบางอย่างอยู่รอบๆ วิทยุของเขาก็ได้ อย่างเช่น…”
“ผี!?” ชาร์คลองถามบอกมา คำพูดที่หลุดออกมาจากปากของเขาทำให้ทุกคนรู้สึกว่าห้องจับสัญญาณเรดาร์มืดมนลงไปมาก แล้วจู่ๆ สายลมวูบหนึ่งก็พัดผ่านมาจนทำให้พวกเขาสั่นสะท้านกันไปหมด
“ลมเย็นจากไหนวะ?” เสียงชาวประมงคนหนึ่งตะโกนขึ้นมา
นีลเซ็นเตะเขาไปหนึ่งทีแล้วชี้ไปที่ด้านหลังของเขาอย่างจนปัญญาก่อนจะพูดขึ้น “แม่แกสิ แอร์ก็เปิดอยู่ตลอด แกยังจะมาถามอีกเหรอว่าลมมาจากไหน?”
เบิร์ดกลอกตาใส่ชาร์คแล้วพูดออกมา “ผีบ้านแกน่ะสิ สิ่งที่ฉันจะพูดก็คือพวกองค์ประกอบคล้ายรังสีอะไรพวกนี้ต่าง”
“แต่ผีก็เป็นพลังงานบางอย่างไม่ใช่หรือไง?” ชาร์คยังคงพูดออกมาอย่างไม่อยากเชื่อ
ฉินสือโอวตบโต๊ะแรงๆ แล้วตะโกนขึ้น “พอแล้วๆ ตอนนี้พวกนายยังจะมีอารมณ์มาเถียงกันอยู่อีกเหรอ? รีบออกไปเร็วเข้า เร็ว ไปดูซิว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่!”
เบิร์ดปรับคลื่นวิทยุไปเป็นคลื่นความถี่เฉพาะของเรือกำปั่นทะเลใต้แล้วส่งเสียงถามออกไป “แซ็กๆ ๆ สถานการณ์ของนายเป็นยังไงบ้าง?”
“ซ่าๆ … ไม่ชัด… ซ่าๆ ซ่าๆ … ซ้ำซ้อน… ซ่าๆ ไม่รู้… ซ่าๆ ได้ยินกัปตันไม่ชัด…”
“ดูเหมือนพวกเขาจะไม่ได้เป็นอะไร โอเค ชาร์ค นายคอยปรับคลื่นวิทยุอยู่ที่นี่แล้วบอกให้พวกแซ็กอย่าเพิ่งลงมือทำอะไรทั้งนั้น เดี๋ยวพวกเราจะรีบไปทันที!”
“โอเค บอส ผมจะดูแลที่นี่เอง” ชาร์คพยักหน้าแล้วนั่งลง
สถานการณ์เร่งด่วนฉินสือโอวเลยต้องใช้เครื่องบินแทรกเตอร์ที่กินน้ำมันค่อนข้างมาก แต่ความเร็วของมันก็เร็วกว่าเฮลิคอปเตอร์กู้ภัยเป็นเท่าตัว ใช้เวลาเพียงแค่ 1 ชั่วโมงก็สามารถไปถึงตำแหน่งที่เรือประมงลำนั้นอยู่ได้แล้ว
หลังจากผ่าน 1 ชั่วโมงแห่งความวิตกกังวลไปแล้ว เรือทั้งสองลำก็ปรากฏอยู่ในกรอบสายตาของฉินสือโอว เรือลำหนึ่งเป็นเรือประมงขนาดใหญ่ มันต้องเป็นเรือชาร์ลบัทอย่างแน่นอน ส่วนเรือประมงอีกลำเป็นเรือประมงความเร็วสูงที่มีลักษณะยาวและแคบ มันย่อมเป็นเรือกำปั่นทะเลใต้อย่างไม่ต้องสงสัย
เบิร์ดควบคุมเครื่องบินพาทุกคนพุ่งเข้าไปใกล้เรือชาร์ลบัทด้วยความสามารถอันล้นเหลือของเขา แล้วทันใดนั้นวิทยุไร้สายที่อยู่ในมือของฉินสือโอวก็มีเสียงรบกวนซ่าๆ ดังออกมาจากตัวรับวิทยุ เขาพยายามส่งข้อความไปหาแซ็ค แต่แซ็คก็ตอบกลับมาเสียงขาดๆ หายๆ จนฟังไม่รู้เรื่อง
“บนเรือลำนั้นมีแหล่งรบกวนสัญญาณอยู่” เบิร์ดพูดออกมาด้วยความมั่นใจ
ฉินสือโอวกับพวกนีลเซ็น อีวิลสัน และซีมอนสเตอร์ต่างพากันยกปืนขึ้นมาแล้วส่งสัญญาณให้เบิร์ดโฉบลงไปก่อนที่พวกเขาจะกระโดดลงไปในน้ำ
บนหลังของอีวิลสันแบกสุนัข 2 ตัวเอาไว้ พวกมันคือหู่จือกับเป้าจือนั่นเอง และเจ้าเด็ก 2 ตัวนี่ก็เพิ่งเคยกระโดดลงน้ำเป็นครั้งแรก
ฉินสือโอวบอกอีวิลสันว่าหลังจากลงไปในน้ำแล้วให้รีบเปิดกระเป๋าออกทันที หู่จือกับเป้าจือจะได้ออกมาจากกระเป๋าด้วยตัวเองแล้วค่อยปล่อยให้พวกมันลอยขึ้นไปสู่ผิวน้ำ เพราะความสามารถในการว่ายน้ำของพวกมันเก่งกาจยิ่งกว่าคนมาก
หลังจากเครื่องบินพุ่งทะยานเข้ามาจนแทบจะติดผิวทะเล คนกลุ่มหนึ่งก็พุ่งออกมาเหมือนเกี๊ยวที่ตกลงไปในน้ำซุป
ฉินสือโอวพลิกตัวหนึ่งตลบก่อนที่เขาจะเอาชนะแรงปะทะแล้วลอยขึ้นสู่ผิวน้ำ เขารู้สึกมึนหัวอยู่เล็กน้อย หู่จือกับเป้าจือเองก็ว่ายน้ำเข้ามาหาเขาจากทางซ้ายและทางขวาก่อนจะใช้ขาเล็กๆ ของมันตีน้ำใส่เขา
ฉินสือโอวไม่มีอารมณ์จะเล่น เขาผิวปากไปทางเรือชาร์ลบัท 1 ครั้ง จากนั้นหู่จือกับเป้าจือก็รีบพุ่งออกไปทันที ส่วนนีลเซ็นที่เป็นแนวหน้าก็เข้าไปใกล้เรือประมงลำนั้นก่อนแล้ว
ด้านข้างบันไดของเรือประมงลำนั้นมีเรือยนต์ลำหนึ่งจอดอยู่ มันไม่ใช่ป้ายชื่อของเรือเทพเจ้าสายฟ้ามืด แต่มันเป็นแค่เรือธรรมดาที่อุตสาหกรรมต่อเรือโพไซดอนส่งมาเป็นของขวัญให้เขา ซึ่งในเรือกำปั่นทะเล 1 ลำจะมีเรือแบบนี้อยู่ด้วย 1 ลำ
เรือยนต์สีขาวถูกผูกเอาไว้กับบันไดและสั่นไหวไปมาตามกระแสคลื่น และเมื่อแสงอาทิตย์สาดส่องลงไปบนลำเรือมันก็ยิ่งดูขาวซีดสะดุดตา
ฉินสือโอวรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้อง
………………………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset