ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 131 ร้านอาหารจีน

บทที่ 131 ร้านอาหารจีน
โดย
Ink Stone_Fantasy

ตลาดนัดจำลอง ถูกจัดขึ้นบนสนามกีฬาของโรงเรียนแกรนท์ สนามกีฬารูปทรงสี่เหลี่ยมถูกกำหนดขอบเขตอย่างเป็นระเบียบ มีโซนจำหน่ายของจิปาถะ โซนจำหน่ายอาหาร โซนเครื่องดื่ม โซนงานฝีมือและอื่นๆ
ฉินไปตั้งแต่เช้า เขาจองที่ตำแหน่งดีๆในโซนร้านขายอาหารที่อยู่ติดกับลู่วิ่ง เมื่อเป็นเช่นนี้เด็กๆและผู้ปกครองมาเดินเล่นพักผ่อนบนลู่วิ่ง ก็จะสามารถมองเห็นร้านค้าเล็กๆของพวกเขาได้
ปลั๊กไฟบนสนามแต่ละอันถูกวางไว้เรียบร้อยแล้ว โดยมีคุณครูที่รับหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของการใช้ไฟฟ้าโดยเฉพาะ ฉินสือโอวนำตู้แช่เย็นขนาดเล็กและเตาแม่เหล็กไฟฟ้ามาด้วยอย่างละหนึ่งอัน ข้างในตู้แช่เย็นมีเกี๊ยวที่ใส่เอาไว้ข้างใน ส่วนเตาแม่เหล็กไฟฟ้าก็ใช้ต้มน้ำรอเวลาเอาเกี๊ยวมาต้ม
เมืองแฟร์เวลเป็นเมืองเล็กๆแบบดั้งเดิม จังหวะชีวิตของคนที่นี่ก็เรื่อยๆสบายๆ เด็กๆค่อนข้างที่จะหลงใหลในกิจกรรมนี้มาก ส่วนใหญ่พอถึงเวลาเจ็ดโมงเช้าก็เริ่มจะมาเตรียมตัวกันแล้ว แต่กว่าพวกผู้ปกครองจะมาก็ตั้งแปดเก้าโมงเช้า
ฉินสือโอวเชื่อมต่อมือถือเข้ากับลำโพง เสียงดนตรีดังขึ้นแล้ว เพลงเฟิ่งหวงฉวนฉี ไคเหมินต้าจี๋ก็ดังขึ้นมาทันที ชั่วพริบตาเดียว เสียงสูงก้องกังวานของหยางเว่ยหลิงฮวาก็ดังขึ้นมาบนท้องสนาม
“เก็บเสื้อผ้าข้าวของ ดมดอมความหอมของดอกไม้ เพื่อความฝันพวกเราจึงออกเดินทาง เสียงท้องฟ้าสั่นสะเทือน ฝนตกลงมาอย่างบ้าคลั่ง ไม่มีอะไรที่จะมาหยุดพวกเราเอาไว้ได้……”
คงไม่มีใครรำคาญเสียงเพลง เนื่องจากเกือบทุกร้านต่างก็มีเด็กที่ถือเอาเครื่องขยายเสียงขนาดเล็กเพื่อเรียกลูกค้าไม่ก็เปิดเพลงเพื่อช่วยส่งเสริมการขาย สนามทั้งสนามที่มีขนาดราวๆหนึ่งหมื่นห้าพันตารางเมตร มีร้านค้าแผงลอยวางกระจัดกระจายอยู่เต็มสนาม บรรยากาศคึกคักเป็นอย่างมาก
นอกจากเสียงอึกทึกของเสียงดนตรีแล้ว ฉินสือโอวยังมีมาตรการอื่นเพื่อช่วยส่งเสริมการขาย
พาวลิสยกแผ่นป้ายโฆษณาที่ซีมอนสเตอร์ DIY ให้พวกเขา ข้างบนเขียนด้วยภาษาจีน ภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศสและภาษาสเปนไว้ว่า “อาหารจีนต้นตำรับเลิศรส ราคาถูกสุดๆ เพียงหนึ่งดอลลาร์แคนาดาก็สามารถลิ้มรสเกี๊ยวแบบฉบับจีนแท้ๆได้!”
จุดประสงค์ของกิจกรรมแบบนี้ก็เพื่อเป็นการฝึกฝนเด็กๆ เด็กๆในท้องที่ล้วนแต่เคยเข้าร่วมมาหลายครั้งแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงลงมือทำได้อย่างชำนาญเพราะมีประสบการณ์มากกว่า แต่ครั้งแล้วครั้งเล่าก็มักจะมีร้านค้าอยู่ไม่กี่ชนิด ประเภทอาหารนอกจากแฮมเบอร์เกอร์ พิซซ่าหรือสเต๊กปลาหรือไม่ก็พวกฟิชแอนด์ชิป เป็นครั้งแรกที่มีเกี๊ยวน้ำ
ลักษณะการออกล่าสิ่งแปลกใหม่ของมนุษย์ครอบคลุมอยู่ในทุกๆโอกาส เมื่อมองเห็นเต็นท์ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความเป็นจีน ได้ยินเสียงเพลงภาษาจีนที่ไม่เคยฟังมาก่อน พวกผู้ปกครองที่มาตั้งแต่เช้าก็อาศัยเวลานี้มุงเข้ามาด้วยความสนอกสนใจ
น้ำที่อยู่ในหม้อถูกต้มจนเดือดแล้ว มิเชลล์จึงนำเกี๊ยวเทใส่ลงไปจานหนึ่ง
เกี๊ยวพวกนี้ส่วนใหญ่แล้วเป็นเกี๊ยวที่เชอร์ลี่ย์กับพาวลิสเป็นคนห่อ เด็กๆทั้งสองคนฉลาดหลักแหลมและมีฝีมือ เกี๊ยวทั้งหมดล้วนมีขนาดเท่ากันกับนิ้วโป้งของผู้ใหญ่ สีขาวมันวาว ม้วนไปมาขึ้นลงอยู่ในน้ำที่กำลังเดือดปุดๆ แค่ครู่เดียวแป้งเกี๊ยวก็เปลี่ยนเป็นสีใสวาววับ
ผู้ปกครองหกเจ็ดคนมองดูมิเชลล์และกอร์ดอนต้มเกี๊ยวแล้วก็ยิ้มตามไปด้วย แต่กลับไม่มีใครเข้ามาซื้อเลยสักคน ฉินสือโอวนั่งอยู่บนเก้าอี้คอยควบคุมสถานการณ์โดยรวม เขามองดูพาวเวลล์ที่ทำได้เพียงแกว่งป้ายโฆษณาไปมาอย่างทึ่มๆ แล้วจึงหัวเราะและส่ายหัวไปมา
“พาวเวลล์ เด็กๆของฉัน ไปต้อนรับลูกค้าของพวกเธอสิ”
พาวเวลล์มองฉินสือโอวอย่างเซ่อๆ แล้วจึงหันไปมองผู้ปกครองพวกนั้น เขาก้มหน้าลงเพราะความเขินอาย ใช้เท้าเขี่ยพื้นไปมาเป็นรูปวงกลม
เชอร์ลี่ย์ก็ลังเลสองจิตสองใจ ใบหน้าน่ารักน่าเอ็นดูยู่เข้าหากันจนหน้ายุ่ง ฉินสือโอวพาเธอเดินเข้าไปหาผู้ปกครองพวกนั้นแล้วพูดกับพวกเขาว่า “คุณผู้ชาย คุณผู้หญิง พวกคุณลังเลอะไรกันอยู่เหรอ? มาเถอะ มาชิมอาหารเลิศรสแบบดั้งเดิมของจีน ในราคาแค่หนึ่งดอลลาร์เท่านั้น!” “ใช่แล้ว แค่หนึ่งดอลลาร์เท่านั้น……”
เมื่อพูดจบแล้ว เขาก็ผงกหัวให้เชอร์ลี่ย์ เพื่อเป็นการบอกให้เธอพูดตามบทที่เตรียมไว้
เชอร์ลี่ย์ตื่นเต้นจนเผลอเม้มริมฝีปาก เธอพูดออกมาอย่างตะกุกตะกักว่า “ใช่ ใช่แล้ว หนึ่งดอลลาร์ แค่ แค่หนึ่งดอลลาร์เท่านั้น! คุณ คุณ คุณไม่ต้องถามราคา และไม่ต้องต่อราคา สี่อย่าง เกี๊ยวสี่อย่าง ทั้งหมดแค่หนึ่งดอลลาร์เท่านั้น! เงินหนึ่งเหรียญ คุณจะไม่เสียเปรียบ คุณจะไม่ถูกหลอก ไม่ต้องซื้อของแพง แถมได้ของราคาย่อมเยา…”
ฉินสือโอวเป็นคนคิดสโลแกนพวกนี้ขึ้นมา แต่เมื่อแปลเป็นภาษาอังกฤษแล้วกลับไม่ได้คล้องจองกันขนาดนั้น ทว่าก็ยังพอจะเป็นทำนองอยู่บ้าง
ยิ่งพูด เชอร์ลี่ย์ก็ยิ่งคล่อง ไม่ตะกุกตะกักติดอ่างแล้ว สีหน้าก็เป็นธรรมชาติขึ้นมาก
ผู้ปกครองหลายคนยิ้มพร้อมหยิบเอาตั๋วราคาหนึ่งดอลลาร์ที่แลกกับโรงเรียนออกมา กอร์ดอนดีใจมาก เขารีบหยิบเอาจานแบบใช้แล้วทิ้งออกมาแล้วใส่เกี๊ยวลงไป จานทุกใบใส่เกี๊ยวลงไปหนึ่งชุด ในหนึ่งชุดมีเกี๊ยวทั้งหมดแปดชิ้น พร้อมทั้งมีส้อมพลาสติกแบบที่ใช้สำหรับทานเค้กวันเกิดอีกสองอัน รวดเร็วแถมยังเอาใจใส่
จะไม่พูดถึงไม่ได้เลย เพื่อกิจกรรมครั้งนี้แล้วฉินสือโอวก็ทุ่มเทความคิดลงไปอย่างมาก
เชอร์ลี่ย์รับเงินมา เธอรับเงินไปพร้อมๆกับใช้เสียงใสๆถามพวกผู้ปกครองถึงรสชาติของเกี๊ยวที่พวกเขาต้องการ
ในตลาดนัดจำลอง บรรดาผู้ปกครองจะไม่สามารถใช้เงินสดได้ ต้องใช้ตั๋วที่ได้จากการนำเงินไปแลกกับตั๋วของโรงเรียนเท่านั้น ขณะนี้ตั๋วที่ประทับตราสีแดงของโรงเรียนถึงจะเป็นที่นิยม เมื่อเสร็จงานแล้วโรงเรียนจึงจะเก็บตั๋วที่อยู่กับนักเรียนทั้งหมดกลับคืน
ในตลาดมีของขายอยู่แทบทุกชนิด ที่มีขายมากที่สุดก็คือของเล่นและเครื่องเขียน ล้วนแต่เป็นของเก่าที่คัดออกมาจากบ้าน ราคาไม่แพง แม้กระทั่งเงินหนึ่งดอลลาร์ก็สามารถซื้อของเล่นดีๆได้
ฉินสือโอวกำลังจะออกไปเดินเล่น เขาเองก็แลกตั๋วมาแล้วตั้งหนึ่งร้อยดอลลาร์ แต่ปรากฏว่าตอนที่เขากำลังจะไป เชอร์ลี่ย์ พาวลิสและเด็กๆที่เหลือก็รู้สึกวิตกขึ้นมาทันที กอร์ดอนร้องเรียกเขาไว้ว่า “อย่าไป ฉิน ถ้าคุณไปแล้วพวกเราจะกลัวมากๆเลย!”
ช่วยไม่ได้ ฉินสือโอวจึงทำได้แค่ต้องอยู่ต่อเพื่อช่วยเสริมความกล้าให้กับพวกเขา พาวเวลล์เป็นคนโฆษณา มิเชลล์ต้มเกี๊ยว กอร์ดอนเอาของใส่ห่อ ส่วนเชอร์ลี่ย์ทำหน้าที่รับเงินและทอนเงิน เมื่อเป็นเช่นนี้ระบบการทำงานก็จึงเป็นไปอย่างราบรื่น
ทว่า เกี๊ยวกลับไม่ใช่อาหารที่เป็นที่นิยมที่สุด ผู้ปกครองที่ให้ความสนใจเข้ามามุงดูมีอยู่ไม่น้อยเลย แต่คนที่ซื้อจริงๆมีอยู่เพียงนิดเดียวเท่านั้น
ฉินสือโอวที่เห็นว่าธุรกิจเริ่มจะซบเซาลง ก็รู้สึกกังวลใจขึ้นมา แต่เมื่อเขาหันหลังไปเจอฮิวจ์คนเล็กที่กำลังเดินเรื่อยๆเฉื่อยๆอยู่นั้น ในใจเขาก็รู้สึกยินดีขึ้นมา
ยามนี้ ในมือของฮิวจ์คนเล็กกำลังถือไอศกรีมโคนอยู่ เขามองซ้ายทีขวาที ก้าวย่างสามขุม เดินทอดน่องเหมือนนักเลงตัวเล็กๆมาพร้อมกับเพื่อนอีกสองสามคน
“ไอ้หนู กลิ้งมานี่ซิ!”ฉินสือโอวโบกมือทักทายเขา
ฮิวจ์คนเล็กเงยคอขึ้นแล้ว พูดกับเขาว่า “ฉิน ผมคิดว่าคุณยังขาดซึ่งความเคารพคุณฮิวจ์อยู่นะ ……”
“ฉันต้องกระโดดขี่คอนายสักทีสองทีก่อนใช่ไหมถึงจะถึงจะเป็นการแสดงออกถึงความนับถือที่ฉันมีต่อนาย?”ฉินสือโอวเหล่ตามองเขา
เมื่อได้ยินอย่างนี้ ฮิวจ์คนเล็กก็หมดอารมณ์ เขาพูดกับฉินสือโอวด้วยความท้อใจว่า “อย่าเป็นอย่างนี้สิ ฉิน น่าตายจริงๆ คุณจะขี่คอผมไม่ได้นะ แบบนั้นมันน่าอายเกินไปแล้ว!”
ท่ากระโดดขี่คอมาจากท่าทางที่ใช้ในการเล่นกีฬาบาสเกตบอลที่โดดเด่นเป็นอย่างมาก แน่นอนว่า คนที่โดดเด่นก็คือคนที่โยนบอลลงห่วงได้ ส่วนคนที่ถูกขี่หลังก็จะขายหน้าจนต้องร้องไห้กลับไปหาแม่
“อย่าพูดมาก มา มาซื้อเกี๊ยวไปกิน แล้วก็ซื้อให้เพื่อนนายไปด้วยเลยอีกสองชุดฉินสือโอวลากเขาเข้ามา แล้วแอบๆยัดตั๋วราคาห้าดอลลาร์ให้เขา
ฮิวจ์คนเล็กก็ยิ้มหน้าบาน เขาเอาตั๋วตบลงไปบนโต๊ะพร้อมขยิบตาให้เชอร์ลี่ย์ แล้วพูดว่า “สองชุด…”
“แค่กๆ” ฉินสือโอวกระแอมไอออกมา
“เอ่อ ไม่ เอาเกี๊ยวห้าชุด” ฮิวจ์คนเล็กรีบเปลี่ยนคำพูดทันที
คราวนี้เชอร์ลี่ย์ก็ยิ้มออกมาด้วยความเบิกบานใจ
ไส้เกี๊ยวปรุงได้ไม่เลวเลย โดยเฉพาะไส้ปลา ใส่ผักชี ต้นหอมและขิงผสมลงไปขจัดกลิ่นคาวปลาได้จนหมด อีกทั้งยังผสมน้ำมันมะกอกและน้ำซุปลงไป ทำให้ไส้เนื้อปลานอกจากจะรักษารสชาติสดใหม่ไว้ได้ก็ยังช่วยเพิ่มความหอมอีกด้วย เมื่อกัดเข้าไปหนึ่งคำน้ำซุปก็แตกกระจายในปาก กลิ่นหอมก็โชยเข้าจมูก
ฮิวจ์คนเล็กแต่ไหนแต่ไรก็ไม่กินข้าวเช้า เมื่อได้กินเข้าไปแล้วหนึ่งชุดเขาก็กะพริบตาปริบๆ แล้วควักตั๋วราคาห้าดอลลาร์ออกมาอีกหนึ่งใบ “เอามาอีกห้าชุด รสชาติดีจริงๆ เพื่อน ผมจะซื้อไปให้พวกเควินลองชิมดูสักหน่อย”
ราวๆเก้าโมงครึ่ง คุณลุงฮิคสันก็มาแล้ว ตาเฒ่าไม่มีอะไรให้ทำ เขาสวมหมวกฟางหัวเราะเอิ๊กอ๊ากมาร่วมกิจกรรมด้วยความสบายใจ ส่วนคนที่มาพร้อมกันกับเขาก็คือเออร์บัก
ฮิคสันเห็นเด็กๆทั้งสี่คนกำลังขายเกี๊ยวอยู่ ดวงตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมาทันที เขาเข้ามาซื้อหนึ่งชุดแล้วกินเข้าไป กินไปด้วยก็พูดกับฉินสือโอวไปด้วย “สุดยอดเลย เกี๊ยว เฮ้ เมื่อก่อนตาฉินก็เคยทำของแบบนี้ให้พวกเรากิน ไม่คิดว่าวันนี้จะได้กินอีก”
เมื่อทานเสร็จแล้ว เขาก็พยักหน้าอย่างชื่นชม แล้วพูดกับคนที่อยู่รอบๆว่า “รสชาติเยี่ยมมาก ชิมดูสิ นี่เป็นอาหารเลิศรสของฝั่งตะวันออกที่แท้จริงเลยนะ ไม่เหมือนกับอึหมาที่ร้านที่ชื่อว่าภัตตาคารคนจีนในนครเซนต์จอห์นทำหรอก”
ฉินสือโอวจะหัวเราะก็ไม่ได้จะร้องห้องก็ไม่ออก ถึงคุณจะกำลังชมเกี๊ยวที่พวกเราทำ แต่พูดเรื่องอึหมาออกมาตอนนี้ ยังไงก็ไม่น่าจะใช่เรื่องที่ดีหรือเปล่านะ?
…………………………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset