ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 770 ก็ไม่ให้พวกคุณ

บทที่ 770 ก็ไม่ให้พวกคุณ
โดย
Ink Stone_Fantasy
“ให้พวกเขารอก่อน” ฉินสือโอวตอบไปแค่ประโยคเดียว
เชอร์ลี่ย์เงยหน้าขึ้นมาถาม “มีแขกมาเหรอคะ?”
ฉินสือโอวเห็นผิวที่เนียนละเอียดของเธอ ก็เลยใช้มือลูบไปที่แก้มของเธอแล้วพูดพร้อมยิ้ม “ไม่ ไม่ใช่แขก ไม่เป็นไรหรอก พวกเราไปเก็บหอยทากทะเลกันต่อเถอะ”
เขาลูบแล้วก็ปล่อยมือ รู้สึกว่าผิวของเชอร์ลี่ย์ช่างเกลี้ยงเกลาจริงๆ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกินผักและผลไม่ที่มีพลังโพไซดอนหรือเปล่า พอปล่อยมือแล้วเขาก็ลูบนิ้วไปตามจิตใต้สำนึก ความรู้สึกที่มือเมื่อครู่นี้ไม่เลวเลยจริงๆ
เชอร์ลี่ย์ทำจมูกย่นค้อนเขาไปทีหนึ่ง แล้วพูดเสียงแผ่วๆ “น่ารังเกียจ!”
พอได้ยินคำนี้ ฉินสือโอวแทบจะล้มทั้งยืน เขาทำเป็นดึงหน้าพลางพูด “พูดดีๆ ห้ามแอ๊บแบ๊ว!”
เชอร์ลี่ย์ทำปากมุ่ย ดวงตาเล็กๆ จ้องมองเขาด้วยความคับแค้นใจ และยังมีเสน่ห์ของหญิงสาวบางอย่าง
ฉินสือโอวรีบเดินออกไป เขารู้สึกว่าควรจะให้พวกเชอร์ลี่ย์ไปอยู่โรงเรียนประจำดีไหม ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปดูเหมือนจะไม่ถูกต้องเท่าไร
สาหร่ายคอมบุก็เป็นอาหารที่หอยทากทะเลชอบกิน แต่พวกมันไม่มีทางแพร่พันธุ์ที่นี่ได้ เพราะสาหร่ายคอมบุที่นี่มีฝูงตัวอันธพาลอยู่ นั่นก็คือปลาอีโต้มอญ
ปลาอีโต้มอญกินไม่เลือก จะปลากุ้งปู สัตว์ที่ไม่กระดูกสันหลัง หรือสัตว์ที่มีเปลือกมีกระดอง ขอแค่กินได้พวกมันก็จะไม่ปล่อยไปเด็ดขาด
อันที่จริงในสถานการณ์ปกติปลาอีโต้มอญจะจับอาหารได้ยากมาก เพราะที่หัวพวกมันมีสีเขียวเกินไป! เขียวถึงขนาดพวกปลาและกุ้งที่ไม่สนใจมองอะไรยังสามารถสังเกตเห็นได้
ครั้งนี้ได้เจอหอยทากทะเลที่ไม่กลัวตาย พวกมันเลยกินกันอย่างสนุกสนาน คืนก่อนหน้านี้สองวัน พวกมันเป็นกองกำลังของฟาร์มปลาเพียงชนิดเดียวที่ออกมาจัดการกับหอยทากทะเลเองโดยที่ฉินสือโอวไม่ต้องเรียก
ฉินสือโอวแหวกพุ่มสาหร่ายคอมบุออก ปลาอีโต้มอญตัวหนึ่งกำลังรออยู่ด้านล่างพอดี พอเจอแสงอาทิตย์แบบกะทันหันมันเลยตกใจนิดหน่อย โงหัวขึ้นมามองฉินสือโอว ขยับปากแสดงความประหลาดใจแล้วรีบส่ายครีบหางว่ายหนีไป
“ปลาตัวอย่างใหญ่เลย” เชอร์ลี่ย์พูดด้วยความดีใจ “สีมันสวยจัง เขียวเหมือนหญ้าเลย”
กอร์ดอนถาม “เขียว? อะไรเขียว? ฉินเขียวเหรอ?”
ฉินสือโอวถอนหายใจแล้วพูด “กอร์ดอน เด็กดีของฉัน คราวหน้าเวลาถูกเชอร์ลี่ย์บิดหู ฉันจะช่วยเชียร์เธอ”
ฉินสือโอวพูดพลางก้มตัวหยิบหอยทากทะเลที่โปร่งใสใส่ลงไปในตะกร้า ไม่นานเท่าไรก็จับได้ 45 ตัวแล้ว
มิเชลเก็บไปก็ถามอย่างสงสัยไปว่ามันกินได้จริงๆ ไหม ฉินสือโอวตอบไปหลายสิบรอบแล้ว เขาก็ยังถามอยู่
เก็บได้เกือบครึ่งตะกร้าแล้ว ฉินสือโอวรู้สึกว่าเหลืออีกไม่เท่าไรก็เลยเอาตะกร้าวางไว้บนฝั่ง แล้วเดินไปที่บ้านอย่างช้าๆ ในใจรู้สึกชื่นชมคนในตระกูลมอร์รี่อยู่นิดหน่อย ความอดทนไม่เลวเลย
คนที่ตระกูลมอร์รี่ส่งมายังคงเป็น ชาลส์ มอร์รี่คุณชายที่สามของพวกเขา ครั้งนี้เขาพาคนมาด้วย เป็นชายที่ใบหน้ากร้านแดดกร้านลมคนหนึ่ง ดูก็รู้ว่าคนคนนี้เคยใช้ชีวิตอยู่ในทะเลมาก่อน
“เฮ้ ชาลส์ ลมอะไรพัดคุณมาที่นี่ล่ะ? เห็นคุณนั่งสงบเสงี่ยมอยู่ที่นี่ ช่างดีเหลือเกิน” ฉินสือโอวพูดพลางหัวเราะ
ชาลส์ฝืนยิ้ม “ผมก็ดีใจที่ได้เจอคุณ ฉิน แต่ทำไมผมถึงรู้สึกว่าที่คุณพูดมันไม่ค่อยถูกนะ?”
“คุณคิดมากไปแล้ว” ฉินสือโอวหัวเราะพลางเดินไป ชาลส์ทำท่าจะกอด เขาเลยชิงจับมือก่อน นี่เราสนิทกันมากเลยเหรอพวก? ยังไม่ถึงขั้นกอดกันหรอกมั้ง?
“คนนี้คือ?” ฉินสือโอวเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว
ชาลส์ยิ้มพลางพูด “นี่คือพี่ชายของผม ไมเคิลแองเจโล มอร์รี่ พี่ชายของผมดูแลงานด้านธุรกิจทางทะเลน้ำลึกของบริษัท เขาได้ยินว่าผมมีเพื่อนแบบคุณ เขาก็เฝ้ารอที่จะได้พบมาตลอด ครั้งนี้เลยตั้งใจพาเขามารู้จักคุณเป็นพิเศษ”
ฉินสือโอวจับมือกับไมเคิลแองเจโลแล้วพูดชื่นชม “เป็นชื่อที่ดีจริงๆ ศิลปินชั้นยอด ผมว่าคุณต้องเชี่ยวชาญด้านศิลปะมากแน่ๆ”
“ที่จริงผมก็เรียนมานิดหน่อย แต่คงไม่สามารถแสดงต่อหน้าคุณได้ เพราะได้ยินว่าคุณเคยประมูลรูปปั้นของเพอร์ซิอัสและเมดูซามาแล้ว เห็นได้ชัดว่าคุณคือนักสะสมตัวจริง” ไมเคิลแองเจโลมีเสียงที่เหมือนระฆัง ลักษณะต่างจากน้องชายโดยสิ้นเชิง แต่นิสัยจะเป็นอย่างไรนั้นก็ไม่สามารถดูได้จากภายนอก
ตามที่บัตเลอร์เคยพูดไว้ สองพี่น้องคู่นี้ไม่ใช่คนดี ฉินสือโอวคิดว่าเขาพูดถูก สองคนนี้ไม่ใช่คนดีจริงๆ ถึงขนาดมาขโมยปลาของเขาเนี่ย? ไอ้เวรนี่ ให้อภัยไม่ได้
เขารู้ว่าสองพี่น้องมอร์รี่มาหาเขาทำไม อยากให้ตัวเองถอนฟ้อง อยากให้ตัวเองคืนเรือประมงและเรือดำน้ำให้ แต่คำตอบคือ ไม่ได้!
ดังนั้นพี่น้องมอร์รี่เลยช่วยกันดึงประเด็นที่พูดคุยให้ห่างจากเรื่องเรือของพวกเขา ฉินสือโอวสามารถมองออก อย่างไรเสียเขาก็จะไม่พูดเรื่องเรือดำน้ำ เขาจะยึดเจ้าสิ่งนี้ไว้
ในที่สุดไมเคิลแองเจโลก็ทนไม่ไหว เขาพูดขึ้นมากะทันหัน “ฉิน คุณก็รู้ ไม่กี่วันก่อนพวกเรามีเรื่องเข้าใจผิดกัน บริษัทของเรา…”
พวกเชอร์ลี่ย์เอาหอยทากทะเลกลับมา แล้ววิ่งกระโดดโลดเต้นออกไปเล่นข้างนอก ฉินสือโอวส่งสายตาให้พวกเขาให้รีบหาเรื่องคุย
ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมานานขนาดนั้น และพวกเด็กๆ ก็เป็นเด็กฉลาด เชอร์ลี่ย์มองตาเขา ยกหนังสือที่อยู่ในมือแล้ววิ่งไปถาม “เฮ้ ฉิน หนังสือ ‘อัศวินและหมู’ เล่มนี้มีสถานที่ที่แปลกมากเลย”
เห็นเด็กผู้หญิงที่สวยและไร้เดียงสาวิ่งมา ไมเคิลแองเจโลก็ได้แต่เงียบปากไว้ เขายิ้มอ่อนๆ มองฉินสือโอวคุยกับเด็กผู้หญิงคนนั้น
ฉินสือโอวรู้สึกว่ามันพูดยากไปหน่อย เขาขยิบตาแล้วถาม “อะไรนะ ‘อัศวินและหมู?’ คืออะไรเหรอ?”
“ก็เรื่องที่ลิงผู้กล้าตัวหนึ่งกับหมูตัวหนึ่งพาคนสองคนไปทางตะวันตกไง” เชอร์ลี่ย์หัวเราะอย่างไร้เดียงสา
ฉินสือโอวถอนหายใจอีกรอบ พวกเด็กๆ อยากเรียนภาษาจีน เขาก็เลยแนะนำสี่ยอดวรรณกรรมจีนให้พวกเขาอ่าน แต่เห็นได้ชัดว่าทางเลือกนี้ไม่ถูกต้อง
“นี่เรียกว่า ‘บันทึกการเดินทางสู่ตะวันตก’ ใครใช้ให้แปลเป็น…”
เชอร์ลี่ย์ส่งหนังสือให้เขา บนปกมีตัวอักษรภาษาจีนขนาดใหญ่เขียนว่า ‘บันทึกการเดินทางสู่ตะวันตก’ แต่ก็มีภาษาอังกฤษที่แปลเป็น ‘อัศวินและหมู’ อยู่
“ลบหลู่วัฒนธรรมจีนของพวกเรา!” ฉินสือโอวพูดกับพี่น้องมอร์รี่อย่างเคร่งขรึม เรื่องนี้พี่น้องมอร์รี่ไม่กล้าพูดอะไร เรื่องวัฒนธรรมและความเชื่อของชนชาติเป็นสิ่งที่ตอบได้ยาก
“นี่คือ ‘บันทึกการเดินทางสู่ตะวันตก’ โอเค ไปเล่นเถอะ” ฉินสือโอวพูด
เชอร์ลี่ย์พูดอย่างไม่พอใจ “คุณไม่มีความรับผิดชอบเลย หนูมีคำถามจะถามคุณอีกนะ”
“ถามอะไร?” ฉินสือโอวคิดในใจ ใครสอนให้เชอร์ลี่ย์เล่นหูเล่นตา? อย่าให้เขารู้นะ ไม่อย่างนั้นเจอดีแน่!
“ปีศาจกินเนื้อใช่ไหม?”
“แน่นอน”
“อย่างนั้นปีศาจกินคนไหม?”
“กินสิ คนก็มีเนื้อนะ น่ากลัวไหม? ฮ่าๆ”
เชอร์ลี่ย์เปิดการ์ตูน ชี้ไปที่ภาพภาพหนึ่งแล้วถาม “อย่างนั้นทำไมทุกครั้งที่จับคนนี้ไป ถึงได้ทิ้งม้าของเขาไว้ล่ะ? เนื้อม้าไม่อร่อยเหรอ?”
ฉินสือโอวมองดู เมื่อก่อนตัวเองไม่ได้สนใจเรื่องนี้เลย ปีศาจโง่อย่างนี้จริงๆ ทุกครั้งที่จับพระถังซัมจั๋งไปกลับทิ้งม้าขาวไว้อย่างไม่สนใจ…
แต่เขามีคำอธิบายที่มีเหตุผล เขากระแอมหนึ่งครั้งแล้วอมยิ้มพูด “ถ้าบนพื้นมีเงินหนึ่งร้อยกับหนึ่งบาท หนูจะเก็บอันไหน?”
“ก็ต้องหนึ่งร้อยสิ คำถามของคุณโง่จริงๆ เลยฉิน” กอร์ดอนหัวเราะแล้วแย่งตอบ มิเชลอมยิ้มพยักหน้า ที่พูดมานั่นใช่เลยพวก
ฉินสือโอวกำลังจะพูดว่านี่คือคำตอบ ผลสุดท้ายเชอร์ลี่ย์มองพวกเขาแปลกๆ แล้วพูด “คำถามนี้โง่ไปหน่อยจริงๆ แต่คำตอบของกอร์ดอนโง่ยิ่งกว่า ไม่ควรเก็บมาด้วยกันทั้งสองอย่างเหรอ?”
ฉินสือโอวขยิบตา “…”
…………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset