ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 778 ควรอยู่หรือควรไป

บทที่ 778 ควรอยู่หรือควรไป
โดย
Ink Stone_Fantasy
ผู้พันดึงฉินสือโอวออกมาแล้วพูดเสียงเบา “ตระกูลมอร์รี่ที่คุณพูดถึงน่ะผมไม่ค่อยคุ้น ตามผลการสอบสวนที่คนของผมได้มา พวกเขามาจากแก๊งม้ามังกร แก๊งค้ายาขนาดใหญ่แก๊งหนึ่ง”
ฉินสือโอวพูดด้วยความตกใจ “นี่มันเกี่ยวอะไรกับผม…เวรเอ๊ย!”
ผู้พันยิ้มเจื่อนๆ แล้วพยักหน้า “คุณคิดออกแล้วใช่ไหม? ใช่แล้ว เวรเอ๊ย คราวที่แล้วที่คุณรายงานเรื่องการปลูกกัญชาที่โรงงานเคมีนั่น พวกเขาเป็นคนทำ!”
ฉินสือโอวทั้งตกใจทั้งโมโห เขาพูดเสียงต่ำ “เวรเอ๊ย! แต่พวกเขารู้ได้ยังไงว่าผมเป็นคนรายงาน?! ตอนนั้นพวกคุณรับประกันเองไม่ใช่เหรอว่าจะไม่แพร่งพรายเรื่องของผม?”
“ภายในแผนกของเรามีหนอนบ่อนไส้! แก๊งม้ามังกรมันร้ายกาจมาก พวกเราอยากจะจับตัวหลักๆ ของพวกเขามาตลอดแต่ก็แพ้ทุกที! แม่งเอ๊ย!” ผู้พันก็สบถขึ้นมา
ฉินสือโอวโบกมือด้วยความร้อนใจ เขากัดฟันพูด “ตอนนี้ผมแค่อยากรู้ว่า เรื่องความปลอดภัยของผมจะทำอย่างไร?!”
เขาไม่กลัวอัลเบิร์ต ไม่กลัวตระกูลมอร์รี่ คนพวกนี้เป็นนักธุรกิจ อย่างมากก็คงมาวางยาพิษที่ฟาร์มปลาของเขา อันที่จริงตอนที่เห็นว่าคนพวกนี้มีปืนฉินสือโอวก็รู้แล้วว่าไม่เกี่ยวกับตระกูลมอร์รี่ เขาแค่หวังว่านี่จะเกี่ยวกับตระกูลมอร์รี่เท่านั้น
นักธุรกิจจะใช้แค่การเล่นลูกไม้ที่ไม่รุนแรงเกินไป
แต่พวกค้ายาไม่เหมือนกัน คนพวกนี้เอากันถึงชีวิต! ฉินสือโอวรู้สึกขอบคุณที่พวกเขาไม่ใช้ขีปนาวุธดับเพลิง ไม่อย่างนั้นครั้งนี้เขาคงตอบกลับไม่ทัน บ้านขนาดสี่สิบกิโลเมตรคงพังทลาย!
ผู้พันปลอบเขา “เรื่องไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คุณคิดหรอก อันที่จริงบางทีครั้งนี้อาจจะสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างถาวรก็เป็นได้…”
ฉินสือโอวยิ้มอย่างเย็นชาแล้วขัดจังหวะเขา “ผมถูกพ่อค้ายาจับตามอง แล้วคุณบอกผมว่าเรื่องไม่ร้ายแรงเนี่ยนะ?”
ผู้พันกดที่ไหล่ของเขาแล้วพูด “คุณฟังผมนะ พวกคุณทำได้ดีแล้ว พวกคุณจับตัวคนพวกนี้ไว้ได้ หนึ่งในนั้นมีรองหัวหน้าของแก๊งม้ามังกรอยู่ ดูเหมือนว่าเขาอยากจะมาจัดการกับคุณด้วยตัวเอง คงคิดว่าฟาร์มปลาเล็กๆ จะจัดการได้ง่ายๆ แต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ถ้ามีเขาอยู่พวกเรากวาดล้างแก๊งม้ามังกรได้แน่นอน!”
“อย่าลืมหนอนบ่อนไส้ในหมู่พวกคุณ!” ฉินสือโอวกัดฟัน
ผู้พันยิ้มแล้วพูด “พวกเราไม่ใช่บราซิลนะ หนอนในหมู่พวกเราไม่สามารถติดต่อพ่อค้ายาได้ตลอดเวลา ไม่อย่างนั้นคุณคงไม่ได้เพิ่งมาโดนแก้แค้นเอาวันนี้หรอก แต่คงมาหาถึงบ้านตั้งแต่เดือนเมษายนแล้ว”
ฉินสือโอวคิดแล้วก็น่ากลัวจริงๆ ถ้าพ่อค้ายาพวกนี้มาในเดือนเมษายนจริงๆ เขาคงแย่ไปแล้ว ในตอนนั้นที่ฟาร์มปลายังไม่มีเรดาร์เลย
ขณะที่ทั้งคู่คุยกันอยู่ ก็มีตำรวจทางทะเลอีกคนรีบร้อนเดินเข้ามาหา
ผู้พันถามอย่างไม่พอใจ “มีเรื่องอะไร?”
ตำรวจทางทะเลคนนั้นพูด “พระเจ้า พวกโชคร้ายที่อยู่ทางตะวันตก ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เท้าของพวกเขาถูกทุบจนแตก! แย่มากจริงๆ นะครับ! หัวหน้า แตกเลย! อย่างกับมีคนทุบด้วยค้อนห้าร้อยปอนด์ ผมพนันได้เลยว่าชีวิตที่เหลือของพวกนั้น คงได้แต่นั่งอยู่บนวีลแชร์”
ผู้พันมองไปทางฉินสือโอว ฉินสือโอวพูดอย่างอารมณ์ไม่ดี “คุณคิดว่าคนของผมทำเหรอ? คนของผมไม่ได้น่าเบื่อขนาดนั้นนะ ดูแล้วพวกเขาคงจะซวยเอง ฟาร์มปลาของผมมีพื้นที่ที่มีกั้งตั๊กแตนอาศัยอยู่ คุณเข้าใจเจ้าสิ่งนี้ไหม?”
ผู้พันส่ายหัวอย่างสงสัย “กุ้งชนิดนี้สามารถทุบเท้าคนจนกระดูกร้าว ไม่ ไม่ใช่กระดูกร้าว แต่เป็นกระดูกแตก!”
ฉินสือโอวหาข้อมูลกั้งตั๊กแตนในอินเทอร์เน็ตแล้วอธิบาย “กั้งตั๊กแตนที่ฟาร์มผมมีขนาดประมาณยี่สิบเซนติเมตรทั้งนั้น”
ตำรวจทางทะเลคนนั้นก็พูดขึ้นมาด้วย “ใช่แล้ว ตอนที่พวกเราอยู่ที่ชายหาดก็เจอกั้งตั๊กแตน เพื่อความปลอดภัยเลยไม่ได้แตะต้องพวกมัน หัวหน้า นั่นเป็นเรื่องที่โหดร้ายมาก”
ตอนนี้ตำรวจของเมืองมาแล้ว โรเบิร์ตติดอาวุธมาเต็มยศ ตอนกลางคืนยังใส่แว่นกันแดดอีก ฉินสือโอวเห็นแล้วก็โมโห
โรเบิร์ตทำท่าดุดันขึ้นไปถามถึงเหตุการณ์ จากนั้นก็เตะพ่อค้ายาเหล่านั้นแล้วด่า “ไอ้พวกเวรเอ๊ย ไอ้ลูกพ่อแม่ไม่สั่งสอน! ไอ้เวร! รู้ไหมว่าที่นี่เป็นที่ของใคร?”
ฉินสือโอวและพวกชาวประมงมองเขาอย่างเย็นชา โรเบิร์ตหัวเราะเย้ยแล้วด่าต่อ “ไอ้พวกเวร แม่งเอ๊ย! นี่คือที่ของฉินสือโอว! เข้าใจไหม?! พวกแกกล้ามาหาเรื่องฉิน? พระเจ้าก็ช่วยแกไม่ได้! ไปเจอซาตานซะเถอะ!”
ดูท่าทางของตำรวจเมืองแล้ว ฉินสือโอวไม่ไว้ใจจริงๆ มอบเสี่ยวหมิงของตัวเองให้พวกเขา เขาลากนีลเซ็นมา “เร่งรับสมัครคน เข้าใจไหม? ห้าคน เบี้ยเลี้ยงต่อรองได้ แต่ต้องมีฝีมือที่เก่งกาจ!”
พลิกไปพลิกมาอยู่ครึ่งคืน พวกตำรวจทางทะเลก็เอาตัวพ่อค้ายาพวกนี้ไป ว่ากันว่าต้องกลับไปโจมตีทั้งคืน ผู้พันบอกฉินสือโอวว่าตำรวจและทหารทางทะเลของนิวฟันด์แลนด์จะส่งคนมาอยู่กับพวกเขาทั้งวันทั้งคืน พวกเขาต้องทำลายแก๊งม้ามังกรให้ได้
ด้านนอกวุ่นวายขนาดนี้ ทำไมคนในบ้านถึงยังหลับกันอยู่ได้?
วินนี่เฝ้ารออย่างทุกข์ใจอยู่นานแล้ว ฉินสือโอวกลับไปเห็นวินนี่ซบพ่อแม่อยู่ ฟอกส์กอดหัวของเธอไว้ในอ้อมแขนแล้วลูบหลังปลอบใจเธอ
ฉินสือโอวเปิดไฟ พยายามยิ้มอย่างอบอุ่นแล้วพูด “เฮ้ ทำไมพวกคุณถึงไม่เปิดไฟกันล่ะ?”
วินนี่พูดเสียงอ่อน “พ่อฉันบอกว่ามีคนตะโกนว่าด้านนอกว่ามีมือปืน กลัวว่าถ้าเผยตัวแล้วจะทำให้คุณยุ่งยาก ก็เลยไม่เปิดไฟค่ะ”
เห็นฉินสือโอวเดินเข้ามา ฉงต้าก็ลุกขึ้นยืดคอคำรามขึ้นมา ขนสีน้ำตาลตั้งชันขึ้นมาทั้งตัว ดูสุดยอดมาก
หู่จือและเป้าจือชำเลืองมองมันอย่างเหยียดหยาม เมื่อครู่พวกมันอยู่ข้างๆ ฉินสือโอวตลอด อยากจะพุ่งเข้าไปคาบปืนในมือพ่อค้ายาตั้งหลายครั้ง แต่ฉินสือโอวยั้งพวกมันไว้
มาริโอ้ในฐานะผู้อาวุโสของบ้าน พยายามรักษาท่าทางให้สงบแล้วถาม “ฉิน เกิดอะไรขึ้น?”
ฉินสือโอวถอนหายใจ “ไม่มีอะไรครับ ก็แค่พวกขโมย พวกเขาก็รู้ว่าฟาร์มปลาของผมร่ำรวย ก็เลยจะมาขโมยเงิน”
เขาไม่กล้าพูดว่าคนที่มาในครั้งนี้คือพ่อค้ายา ไม่อย่างนั้นทั้งบ้านคงต้องตกใจแน่
มาริโอ้พูดอย่างกังวล “ฟาร์มปลาของนายไกลจากแผ่นดินใหญ่มาก อันตรายจริงๆ ไม่อย่างนั้นก่อนคลอดลูกให้วินนี่กลับไปอยู่บ้านก่อนไหม?…”
“หนูไม่ไป หนูจะอยู่กับสามีของหนู! และที่นี่พวกเราก็มีกันตั้งหลายคน แถมยังมีหมีสีน้ำตาลกับหมาพันธุ์สแปเนียลอีก ใครหน้าไหนหนูก็ไม่กลัว ใช่ไหม?” ครึ่งแรกวินนี่พูดกับมาริโอ้ ครึ่งหลังวินนี่พูดกับหู่จือเป้าจือฉงต้าหลัวปอทั้งสี่ตัว
ฉงต้ารีบคำรามพร้อมท่าทางองอาจ หู่จือและเป้าจือก็ไม่ยอมน้อยหน้า ระหว่างนั้นในบ้านก็มีแต่เสียงเห่าหอน ทำให้พวกชาวประมงตกใจว่าเกิดอะไรขึ้นอีก พวกเขาถือปืนแล้ววิ่งมาทางนี้
ฉินสือโอวอธิบายว่าไม่มีอะไรให้พวกเขากลับไปพักผ่อนได้ พรุ่งนี้ไม่ต้องทำงาน ไปดื่มเบียร์ที่บาร์ก็พอ แล้วกลับมาคิดบัญชีกับเขา แต่เรื่องคืนนี้ห้ามใครเอาไปพูดทั้งนั้น
พวกมาริโอ้เห็นว่าวินนี่ท่าทางยืนกราน ก็ได้แต่ถอนใจแล้วบอกให้พวกเขาระวังตัว สำหรับความใจแข็งของวินนี่ ทั้งสามคนเข้าใจดี
ไม่ง่ายเลยที่ทั้งครอบครัวจะหันมาปรองดองกัน มาริโอ้ไม่อยากก่อความขัดแย้งอะไรมาทำลายความพยายามก่อนหน้านี้อีก
แต่จะว่าไปแล้ว สำหรับความปลอดภัยของฟาร์มปลา พวกเขาก็ถือว่ายังไว้ใจได้ มีทั้งเรดาร์และขีปนาวุธแล้ว ยังต้องการอะไรอีก?
……………………………………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset