ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 132 กิจการของพวกเธอ

บทที่ 132 กิจการของพวกเธอ
โดย
Ink Stone_Fantasy

เมืองแฟร์เวลเป็นเมืองเล็กๆที่รายล้อมไปด้วยทะเลสาบและแม่น้ำ อีกทั้งคุณลุงฮิคสันยังเป็นบุคคลที่มีบารมีสูงในวงจรความเป็นอยู่ของเมืองทะเลสาบแห่งนี้
เขามีอิทธิพลต่อการขอความร่วมมือเป็นอย่างมาก เมื่อเขากล่าวชมเกี๊ยวของเด็กๆ ผู้ปกครองที่มุงดูอยู่รอบๆเกือบจะทุกคนก็ซื้อเกี๊ยวไปลองกินคนละชุด
ชาวแคนาดากับชาวอเมริกาแม้จะเป็นเพื่อนบ้านกัน แต่อุปนิสัยกลับตรงกันข้าม ชาวอเมริการักการผจญภัย และบุกเบิกทางเพื่อแสวงหาความก้าวหน้า ชาวแคนาดากลับเป็นพวกที่มีความคิดอนุรักษนิยมอยู่มากนัก นี่ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่เมื่อก่อนหน้านี้บรรดาผู้ปกครองเอาแต่มองอย่างอยากรู้อยากเห็นแต่กลับไม่ได้เข้ามาซื้อเกี๊ยวไปกิน
หลังจากที่ได้รับคำชมจากคุณลุงฮิคสันแล้ว ข้างหน้าเต็นท์หลังน้อยก็เต็มไปด้วยขบวนของคนที่มาต่อแถวซื้อ พาวเวลล์ทิ้งป้ายโฆษณาไปแล้วมาเริ่มช่วยกอร์ดอนตักเกี๊ยวใส่จานแทน มิเชลล์ก็รีบเอาเกี๊ยวลงน้ำด้วยความรวดเร็ว ส่วนเชอร์ลี่ย์ก็ทำหน้าที่คิดเงิน เด็กๆทั้งสี่คนยุ่งมากจนด้านบนจมูกมีแต่เหงื่อ
ระหว่างนั้นฉินสือโอวก็ค่อยๆแอบหนีออกไป ครั้งนี้เด็กๆทั้งสี่คนไม่ได้พยายามรั้งเขาไว้ นี่ทำให้ฉินสือโอวรู้สึกค่อนข้างปลื้มอกปลื้มใจ เขารู้สึกว่าการจัดกิจกรรมแบบนี้ของโรงเรียนในแคนาดา มีประโยชน์มากจริงๆ อย่างน้อยๆการฝึกเด็กๆพาวเวลล์ทั้งสี่คนก็นับว่าเห็นผลทันตา
แสงแดดในฤดูร้อนค่อนข้างจะร้อน ฉินสือโอวเดินเตร็ดเตร่ไปหนึ่งรอบ เขามองเห็นลูกชายของฮิวจ์กับเครื่องกดเครื่องดื่มแบบเย็น จึงเดินเข้าไปถาม “เพื่อน นี่พวกนายทำอะไรกันเหรอ?”
ฮิวจ์ตัวเล็กๆมีผมสีทองนุ่มลื่นเหมือนกันกับพ่อของเขา ปีนี้เขากำลังเรียนอยู่ในชั้นปีที่สาม ลักษณะนิสัยร่าเริง เมื่อมองเห็นว่าบนใบหน้าของฉินสือโอวมีเหงื่อ เขาก็พูดขึ้นมาอย่างมั่นใจว่า “คุณผู้ชาย ตอนนี้คุณกำลังร้อนมากๆ ใช่ไหมครับ? ที่นี่ผมมีกาแฟเย็นและน้ำส้มเย็น แต่ผมคิดว่าคุณน่าจะอยากได้น้ำปั่นสักแก้ว โยเกิร์ตเกล็ดหิมะ ชานมเกล็ดหิมะ หรือไม่ก็กาแฟเกล็ดหิมะ เพื่อดับความร้อนในตอนนี้”
ฉินสือโอวยิ้มแล้วตอบกลับไปว่า “โอเค ถ้าอย่างนั้นก็เอาชานมเกล็ดหิมะมาสี่แก้วกับกาแฟเกล็ดหิมะอีกหนึ่งแก้วแล้วกัน”
ฮิวจ์ตัวน้อยๆเร่งรีบทำงานด้วยความรวดเร็วอยู่ด้านหน้าเครื่องทำน้ำแข็ง มือเล็กๆทำงานอย่างรวดเร็ว และยังมีผู้ช่วยอีกหนึ่งคน น่าจะเป็นเพื่อนร่วมชั้นของเขา ทั้งสองคนร่วมมือกัน เพียงครู่เดียวก็ทำเครื่องดื่มเกล็ดหิมะทั้งห้าแก้วได้สำเร็จ
เครื่องดื่มเกล็ดหิมะของแคนาดาเป็นน้ำปั่นที่ได้รับความนิยมในประเทศเป็นอย่างมาก น้ำแข็งเกล็ดหิมะเม็ดละเอียดรวมเข้ากับน้ำผลไม้เป็นเนื้อเดียวกัน สีสันสวยงามสดอร่อย รสชาติหวานเย็นชื่นใจ รสชาติผลไม้เข้มข้น รสสัมผัสนุ่มละมุน
“ยี่สิบจุดห้าเหรียญครับ คุณผู้ชาย”ฮิวจ์น้อยยื่นมือออกไปและยิ้มอย่างแพรวพราว
ฉินสือโอวจ่ายเงินไป แล้วถามเขาว่า “ถามหน่อย ทำไมนายถึงเดาว่าฉันจะดื่มน้ำปั่นล่ะ?”
ฮิวจ์น้อยเก็บเอาตั๋วมา เขายักไหล่แล้วตอบไปว่า “ผมไม่ได้เดา แต่ชักจูงให้คุณเลือกแบบนี้ต่างหากล่ะ เครื่องดื่มเย็นแบบธรรมดามีราคาแค่หนึ่งดอลลาร์ น้ำปั่นเกล็ดหิมะสองจุดห้าดอลลาร์ ดังนั้นผมเลยชิงพูดก่อนเลยว่าคุณอยากซื้อน้ำปั่นเกล็ดหิมะ”
ฉินสือโอวใช้มะเหงกเขกหัวเขาไปหนึ่งครั้ง ยิ้มแล้วพูดกับเขาว่า “โตขึ้นไปนายต้องเหมือนกันกับพ่อนายแน่ๆ กลายเป็นพ่อค้าหน้าเลือด”
ฮิวจ์เดินกลับมาพร้อมรูบิกอันหนึ่ง เขาได้ยินที่ฉินสือโอวพูดออกมาพอดี จึงแกล้งด่าเขาเล่นๆว่า “ฉิน นายแอบใส่ร้ายฉันลับหลังเหรอ พระเจ้าจะลงโทษนายแน่ๆ”
พูดจบแล้ว เขาก็เอารูบิกยื่นให้เพื่อนที่อยู่ข้างๆฮิวจ์น้อยคนนั้น “นี่เป็นรูบิกที่ซีมอนสเตอร์ทำขึ้นมาเอง เจ๋งมากๆ คริส เอานี่ไปเล่นสิ”
ฉินสือโอวเดินกลับ พวกเขาเตรียมเกี๊ยวมาไม่มาก เขาออกไปเดินเล่นข้างนอกได้รอบหนึ่งก็ขายจนเกือบหมดแล้ว
“มานี่มา เด็กๆ ดื่มอะไรเย็นๆสักหน่อย”ฉินสือโอวเอาน้ำปั่นแบ่งให้ทั้งสี่คน เขาดูดเข้าไปหนึ่งอึก น้ำปั่นเกล็ดหิมะเนียนละเอียดที่ผสมกับน้ำผลไม้ไหลลงสู่ท้อง เย็นสบายไปจนถึงกระดูก ดับร้อนได้ดีมากจริงๆ
เชอร์ลี่ย์ไม่ได้สนใจจะดื่มน้ำปั่น เธอนำตั๋วทั้งหมดมาซ้อนไว้ด้วยกันอย่างเป็นระเบียบ เธอมองฉินสือโอวด้วยความตื่นเต้นแล้วพูดกับเขาว่า “นี่คือที่พวกเราขายได้ ฉิน พวกเราหาเงินได้แล้ว”
ฉินสือโอวเข้าไปกอดพร้อมทั้งจุ๊บหน้าผากเธอ อีกทั้งยังลูบหัวเด็กๆอีกสามคนที่เหลือ “ใช่แล้ว นี่คือเงินที่พวกเธอหาได้ สุดยอดไปเลย ตอนที่ฉันอายุเท่าพวกเธอฉันยังเอาแต่ชกต่อยอยู่เลย”
“เรื่องชกต่อยพวกเราก็ทำได้”กอร์ดอนรีบพูดต่อทันที
ฉินสือโอวถือน้ำปั่นขึ้นมา แล้วพูดว่า “แต่ไม่อนุญาตให้ชกต่อย มา เด็กๆ ดื่มสักหน่อยเถอะ รสชาติของน้ำปั่นพวกนี้ดีมากๆเลย ฉันไม่เคยดื่มเครื่องดื่มที่อร่อยขนาดนี้มาก่อนเลย เป็นรสชาติที่แสนอร่อยของโลกใบนี้จริงๆ”
ฮิวจ์เองก็เดินเล่นไปจนทั่ว ฉินสือโอวเห็นว่าเขาเดินมาพอดีจึงได้พูดแบบนั้นออกไป
แล้วก็เป็นไปตามคาด ฮิวจ์ที่ได้ยินเขาพูดแบบนั้นก็ดีใจจนถึงที่สุด เขาพูดขึ้นว่า “ฉิน ฉันให้อภัยเรื่องที่นายใส่ร้ายฉันไม่เมื่อครู่ก่อนหน้านี้แล้วล่ะ”
กิจกรรมนี้ดำเนินต่อไปจนถึงสิบเอ็ดโมงเช้า อุณหภูมิก็ค่อยๆเพิ่มสูงขึ้น พวกเด็กๆก็เที่ยวเล่นกันพอแล้ว อีกทั้งของที่นำมาขายก็ขายไปได้พอสมควรแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้กิจกรรมจึงมาถึงจุดสิ้นสุด
ฉินสือโอวและอีวิลสันรื้อเต็นท์ออก เชอร์ลี่ย์คิดคำนวณบัญชี ส่วนเด็กๆที่เหลือก็เก็บอุปกรณ์ครัวและทำความสะอาด
เมื่อจัดการเรียบร้อยแล้ว ฉินสือโอวเห็นว่าเชอร์ลี่ย์ยังเอาแต่นับจำนวนของตั๋วเงินไปมาหลายรอบ เขาจึงพูดขึ้นว่า “นับรอบเดียวก็พอแล้ว เชอร์ลี่ย์ ไปแลกเงินกันเถอะ”
เชอร์ลี่ย์เงยหน้าขึ้นมาด้วยความวิตกกังวล และพูดออกมาอย่างเครียดๆว่า “ไม่ใช่ค่ะ ฉิน ฉันรับเงินมาไม่ถูก พวกเราเตรียมเกี๊ยวมาทั้งหมดแปดร้อยชิ้น ขายไปจนหมดแล้ว แต่ที่หนูมีเงินอยู่แค่เก้าสิบสองดอลลาร์……”
“หายไปเหรอ? หายไปเท่าไร?”กอร์ดอนก็ร้อนใจยิ่งกว่า เขาพูดขึ้นมาอย่างไม่พอใจว่า “ทำไมเธอไม่เก็บเงินให้ดีๆล่ะ? พระเจ้า เก็บเงินนี่มันยากกว่าเอาเกี๊ยวใส่ห่อนักหรือไง?”
พาวเวลล์จึงเตือนเขาว่า “กอร์ดอน เงียบไปเลย นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะโทษเชอร์ลี่ย์ได้ เข้าใจไหม?”
กอร์ดอนตะโกนขึ้นมาอย่างไม่พอใจว่า “แล้วเงินมันหายไปเท่าไรล่ะ……” เขานับนิ้วมือไปมา แล้วพูดขึ้นมาอย่างมั่นใจว่า “เกี๊ยวแปดร้อยชิ้นก็เท่ากับสองร้อยดอลลาร์ มีเงินอยู่แค่เก้าสิบสองดอลลาร์ ก็เท่ากับว่าหายไป หายไปสิบดอลลาร์!”
ฉินสือโอวถึงกับเหงื่อตก บัญชีนี้คิดคำนวณยังไงกัน? กอร์ดอนก็ถือว่ามีความสามารถอยู่ แต่มันไม่ถูกเลยสักนิด!
ทว่าเรื่องที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ไม่ใช่การหัวเราะเยาะกอร์ดอน เมื่อถูกน้องตำหนิแบบนี้ ตาของเชอร์ลี่ย์ก็แดงขึ้นมาทันที มือเล็กๆกำตั๋วเงินไว้แน่น แล้วน้ำตาก็ค่อยๆไหลลงมา
ฉินสือโอวเห็นว่าเรื่องกำลังจะแย่ จึงนั่งยองๆลงต่อหน้าของเธอ เขายิ้มแล้วพูดกับเธอว่า “เฮ้ หนูไม่ได้คิดเงินผิดหรอก เมื่อสักครู่นี้ตอนที่พวกเธอไม่เห็น ฉันเอาตั๋วเงินออกไปแปดดอลลาร์ น้ำปั่นที่พวกเธอดื่มกันฉันเป็นคนซื้อมา ดังนั้นฉันเลยมาเก็บเงินกับพวกเธอไง ดูสิ หนึ่งแก้วก็สองดอลลาร์ พอดีกันเลยใช่ไหม?”
นี่เป็นเหตุผลข้อเดียวที่เขาคิดออก
“แต่ไม่ใช่ว่าพวกเราขายไปสองร้อยดอลลาร์หรอกเหรอคะ? นี่แค่หนึ่งร้อยดอลลาร์อยู่เลยนะ”เชอร์ลี่ย์ใช้หลังมือเช็ดน้ำตาแล้วสะอึกสะอื้นถามเขา
ฉินสือโอวไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว พวกเธออยู่ชั้นปีที่สี่แล้วนะ โจทย์เลขแบบนี้ก็ยังจะคำนวณผิดอีกเหรอ?!
เขาจึงทำได้แค่คำนวณเลขให้เด็กๆอีกครั้ง สุดท้ายแล้วขนาดเครื่องคิดเลขในมือถือก็ยังถูกหยิบออกมาใช้ เด็กๆทั้งสี่คนจึงเข้าใจขึ้นมาทันที เมื่อเป็นเช่นนี้ความสนใจของพวกเขาที่มีต่อเงินแปดดอลลาร์จึงถูกเบี่ยงเบนไป
เด็กๆจึงมีความสุขขึ้นมาได้อีกครั้ง ฉินสือโอวพาพวกเขาไปแลกเงิน ทว่าพวกเขากลับแลกเงินมาแค่แปดสิบแปดดอลลาร์ ภายใต้คำแนะนำของฉินสือโอว ที่แนะนำให้พวกเขาแต่ละคนเก็บตั๋วเงินของโรงเรียนไว้หนึ่งใบ แล้วก็ถ่ายรูปเอาไว้พร้อมกัน จากนั้นก็เอาตั๋วเงินและรูปที่ล้างแล้วมาตั้งไว้ข้างๆกัน
คิดไว้ว่าอีกหลายปีหลังจากนี้ รอให้พวกเขาย้อนกลับมาดูรูปภาพและตั๋วเงินพวกนี้อีกครั้ง ก็คงจะให้ความรู้สึกที่หลากหลายใช่ไหมล่ะ?
ระหว่างที่กำลังเดินทางกลับ เด็กๆทั้งสี่คนก็คึกคักอย่างถึงที่สุด ต่างคนต่างกอดเอารูปถ่ายของตัวเองเอาไว้ ‘จิ๊จิ๊จ๊ะจ๊ะ’ ไม่หยุดคุยกันเรื่องตั๋วเงินและเงินที่แลกมาได้
ฉินสือโอวก็รู้สึกซึ้งใจ เขาถามเด็กๆว่า “เด็กๆ พวกเธอไม่เคยคิดมาก่อนใช่ไหมว่าจะเอาเกี๊ยวมาพัฒนาเป็นอาชีพได้? หลังจากนี้ช่วงวันหยุดพวกเธอก็ทำเกี๊ยว แล้วค่อยเอาไปขายในเมือง ดีไหม?”
“ทำได้เหรอ?” เด็กๆทั้งสี่คนแทบจะถามออกมาเป็นเสียงเดียวกัน
ฉินสือโอวหมุนพวงมาลัยรถ แล้วก็พูดด้วยรอยยิ้มไปด้วย “แน่นอนอยู่แล้ว เกี๊ยวที่พวกเธอทำรสชาติดีมาก วันนี้ยังมีอีกหลายคนที่รู้สึกเสียดายเพราะยังไม่ได้กิน ถ้าพวกเธอไปขายอยู่ที่มุมถนน จะต้องขายดีมากแน่ๆ”
เขาอยากจะปลูกฝังการมองโลกในแง่ดี ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และจิตใจที่ร่าเริงหรือให้เด็กๆมาโดยตลอด บางทีการออกไปขายของริมถนนก็น่าจะเป็นความคิดที่ไม่เลวเลย
………………………………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset