ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 789 ลงสนามรบทั้งหมด

ฉินสือโอวค้นพบสาเหตุที่ทำให้จักจั่นเป็นศัตรูพืชได้อย่างรวดเร็ว
ประการแรก จักจั่นที่เติบโตเต็มที่แล้วจะกินใบไม้เป็นอาหาร ซึ่งทำให้ต้นไม้ได้รับความเสียหาย ประการที่สอง โดยปกติแล้ว จักจั่นตัวเมียจะวางไข่ตามเปลือกไม้ก่อนที่จะตกลงสู่พื้นดิน และดักแด้ก็มักจะกินของเหลวในต้นไม้ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ต้นไม้ก็จะได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง
และอีกอย่าง หลังจากที่พวกมันสัมผัสพื้นดินแล้ว ดักแด้จะทำหลุมในดินและหารากของต้นไม้ หลังจากหาเจอแล้วมันจะค่อยๆ เริ่มกัดกินไปทีละนิด ต่อจากนั้นสิบเจ็ดปี พวกมันก็จะเอารากนี้กินเป็นอาหารตลอด
สุดท้ายมันก็จะส่งเสียงรบกวนผู้คน ไม่ว่าจะเป็นอเมริกาหรือแคนาดาล้วนพยายามจัดการกับสิ่งนี้อย่างเข้มงวด ครั้งที่แล้วในงานปาร์ตี้ที่ฟาร์มของเหมาเหว่ยหลง เพื่อนบ้านทนายความบ้าบิ่นคนนั้นก็เอาเรื่องนี้มาฟ้องร้องเหมาเหว่ยหลง
นอกจากนี้ฉินสือโอวยังอ่านเจอจากข่าวว่า กลุ่มหญิงจีนสูงอายุที่เต้นระบำอยู่ที่ลานสวนสาธารณะในนิวยอร์กถูกคนในพื้นที่ร้องเรียนว่าสร้างความรำคาญให้กับผู้อื่น แม้แต่ตำรวจก็ยังเข้ามาแทรกแซง เพราะคิดว่าเพลงที่พวกเธอเปิดส่งเสียงดังรบกวนจึงถูกจับไปสถานีตำรวจ
สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นทั้งโทษและประโยชน์จากจักจั่นอย่างนั้นเหรอ? เสียใจ นั่นมันไม่ใช่ ถ้าเป็นเช่นนี้ พอฝูงจักจั่นระบาดขึ้นมา ชาวอเมริกันและชาวแคนาดาจึงคิดว่ามันเป็นหายนะ ก็คงจะจริงตามนั้น
พออ่านรายงานเหล่านี้ทำให้ฉินสือโอวถึงกับถอนหายใจ โธ่เอ๊ย ใครบอกว่าจักจั่นมันไม่มีประโยชน์กัน? นี่เป็นอาหารคุณภาพดีเยี่ยม ปริมาณของโปรตีนก็สูงมาก คราบที่มันลอกออกมายังสามารถนำมาทำเป็นยาได้อีก เจ้าสิ่งนี้ในประเทศเราถือว่าเป็นขุมทรัพย์ในร้านอาหารแท้ๆ แล้วในแคนาดายังจะให้มันเป็นแมลงที่เป็นภัยอยู่อีกเหรอ?
ที่แท้ถ้าไม่มีการค้าก็จะไม่มีการฆ่าเกิดขึ้นนี่เอง ชาวแคนาดาไม่กินจักจั่น แต่จะกินเพื่อเพิ่มแรงให้กับคนทำงาน แล้วทำไมฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์ถึงทำให้แหล่งทรัพยากรของปลาค็อดหายหมด? หรือถูกคนกินจนไม่เหลือ?
ดูจากประเทศนี้ เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาจักจั่นในแต่ละพื้นที่เริ่มลดน้อยลงเรื่อยๆ บางพื้นที่ยังบอกว่าแทบจะไม่ได้ยินเสียงร้องของพวกมันแล้ว ทำไมกันนะ? เพราะตัวอ่อนของจักจั่นรู้ว่าถ้ามุดออกมาจากหลุมจะถูกคนจับไปกิน จึงไม่สามารถมีชีวิตอยู่ถึงช่วงผสมพันธุ์ได้
เมื่อเห็นแต่ละพื้นที่ยกตัวอย่างภัยของจักจั่นที่ต้องพบในข่าวแล้ว ก็ทำให้นึกถึงจักจั่นในป่าที่ฟาร์มปลา ฉินสือโอวจึงตัดสินใจว่า ในไม่อีกกี่วันข้างหน้านี้เหล่าชาวประมงไม่ต้องไปออกทะเลแล้ว แต่ให้ทุกฝ่ายทำงานกะดึกแทน ตกเย็นเมื่อไรก็ให้ออกไปจับจักจั่น
เมื่อฉินสือโอวประกาศเรื่องนี้ออกไป กลุ่มชาวประมงก็ถึงกับตกตะลึง วินนี่รู้ทันความคิดของฉินสือโอว ด้วยครอบครัวและสภาพแวดล้อมในการทำงานของเธอทำให้เธอคุ้นเคยกับนิสัยการกินอาหารของคนจีนมากขึ้น
ชาร์คคิดว่าฉินสือโอวคงกังวลกับภัยของจักจั่น จึงพูดว่า “ไม่เห็นต้องทำให้ยุ่งยากเลยบอส ในป่าของเรามีนกจมูกหลอดหางสั้นฝูงใหญ่อยู่ พวกมันไม่กินแค่ปลาเท่านั้น แมลงพวกมันก็กินและจักจั่นก็เป็นอาหารของพวกมันเหมือนกัน”
“ถ้าเราต้องการควบคุมภัยพิบัติ เราสามารถใช้คลอรีนเจือจาง 100 เท่าเพื่อฆ่าไข่และตัวอ่อนของพวกมันได้ เพียงแค่พ่นใส่ลำต้นและใบก็ใช้ได้แล้ว หรือใช้ยาฆ่าแมลงจัดการหน้าดิน เพื่อให้ตัวอ่อนของพวกมันไม่สามารถมีชีวิตอยู่ในใต้ดินได้” นีลเซ็นพูดโน้มน้าวช่วยอีกแรง
ฉินสือโอวโบกมือใส่ แล้วพูดอย่างเอื่อยเฉื่อย “ที่ฉันให้พวกแกไปจับคือตัวอ่อนไม่ใช่จับตัวโตมันมา จุดประสงค์ของฉันคืออะไรน่ะเหรอ? ก็ต้องเอามากินสิ!”
“กินเหรอ?” กลุ่มชาวประมงถึงกับตกตะลึง
ฉินสือโอวนึกถึงตอนเด็กที่แม่ของเขาทอดดักแด้ให้กิน เขาหัวเราะดังขึ้นพร้อมพูดว่า “ใช่ เอามากินไง มันเป็นอาหารที่รสชาติดีและมีคุณค่าทางโภชนาการด้วย พวกแกเข้าใจไหม?”
เหล่าชาวประมงจ้องมองเขาที่ต้องการพูดอะไรบางอย่าง แบล็คไนฟ์และคนอื่นๆ จึงยืนตรงขึ้นแสดงความเคารพวันทยหัตถ์แบบสไตล์อเมริกัน “เยส เซอร์!”
เป็นหน้าที่ของพวกเขาที่ต้องปฏิบัติตามคำสั่ง
เมื่อเป็นเช่นนี้ เหล่าชาวประมงจึงไม่สามารถพูดอะไรได้ ในที่สุดบูลก็มองฉินสือโอวด้วยสายตาเคารพแล้วพูดว่า “กัปตัน ผมขอพูดจากใจจริง คุณเป็นผู้ชายที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารจริงๆ ครับ!”
แอร์แบ็คมองไปที่หู่จือและเป้าจือด้วยความกังวล แล้วกระซิบถามเบิร์ดว่า “ฉันได้ยินมาว่าคนจีนกินเนื้อสุนัขด้วย บอสเลี้ยงพวกมันทั้งสองจนโตขนาดนี้ไม่ใช่เพื่อที่จะกินมันใช่ไหม?”
เบิร์ดจ้องมองไปที่เขาแล้วพูดว่า “อย่าพูดเหลวไหลน่า บ้าไปแล้ว หู่จือและเป้าจือเป็นลูกๆ ของบอสนะ!”
เขาลังเลไปครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นอย่างฝืนใจ “แต่บอสก็กินเนื้อสุนัขนะ”
ช่วงตรุษจีนเมื่อปีที่แล้วเขากลับบ้านกับฉินสือโอว แล้วเห็นเจ้านายกินเนื้อสุนัขอยู่ในบ้านอย่างไม่เกรงกลัวเลยสักนิด ซึ่งตอนนั้นมันทำให้เขากลัวจนฉี่แทบราด
ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ไม่กินเนื้อสุนัขและการกินเนื้อสุนัขยังเป็นเรื่องที่ไม่สามารถยอมรับได้ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะไม่กิน
เมื่อก่อนตอนอยู่ประเทศจีน ฉินสือโอวเคยได้ยินคนที่บ้านพูดกันว่าชาวอเมริกันปฏิบัติต่อสุนัขราวกับว่าเป็นคนในครอบครัว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่นิยมกินเนื้อสุนัขกัน
แต่หลังจากมาแคนาดาเขาถึงรู้ว่า มันเป็นแค่เรื่องไร้สาระเท่านั้น ชาวแคนาดาส่วนใหญ่ก็ไม่กินเนื้อสุนัขเช่นกัน แต่เหตุผลที่ไม่กินส่วนใหญ่คือได้รับอิทธิพลทางศาสนา แน่นอนว่าพวกเขาก็ปฏิบัติต่อสุนัขราวกับเป็นคนในครอบครัวและผู้ช่วยด้วยเช่นเดียวกัน และเมื่อเอาหลายๆ สาเหตุมารวมกัน จึงทำให้พวกเขาไม่ค่อยกินเนื้อสุนัข
คนที่ไม่กินเนื้อสุนัขอย่างเคร่งครัดจะเป็นพวกคริสเตียน ซึ่งในข้อตกลงเดิม ‘เลวีนิติ’ หน้าที่สิบเอ็ด มาตราที่สองถึงสามกล่าวว่า “พวกคุณต้องบอกชาวอิสราเอลว่าสรรพสัตว์ทั้งหลายบนพื้นดินที่พวกคุณสามารถกินได้คือ สัตว์เคี้ยวเอื้องและสัตว์ที่มีกีบเท่านั้น ถึงจะสามารถกินเป็นอาหารได้”
นอกจากนี้ บทที่สิบเอ็ดวรรคที่ยี่สิบเจ็ดยังกล่าวว่า “ในบรรดาสัตว์ที่ใช้สี่เท้าเดินหรือใช้ฝ่าเท้าเดิน คุณควรคิดว่ามันไม่สะอาดและผู้ที่สัมผัสซากศพของพวกมันก็จะไม่สะอาดไปทั้งคืน”
เป็นที่ทราบกันดีว่าในข้อปฏิบัติทางศาสนาคริสต์ ผู้คนสามารถกินได้แค่สัตว์เคี้ยวเอื้อง จำพวกวัวและแกะ หมูเป็นสัตว์จำพวกมีกีบเท้า แต่ไม่ใช่สัตว์เคี้ยวเอื้อง ดังนั้นเมื่อก่อนจึงไม่ค่อยกินกันเท่าไร สำหรับสุนัข แมวและหนู พวกมันไม่ใช่ทั้งสัตว์ที่มีกีบเท้าและสัตว์เคี้ยวเอื้อง โดยปกติแล้วจึงไม่สามารถกินได้
ในอดีตผู้ที่นับถือศาสนาเป็นหลักและชนชั้นสูงในสังคมคนผิวขาวล้วนเป็นศาสนิกชนเกือบทั้งหมด ดังนั้นการไม่กินเนื้อสุนัขจึงกลายเป็นที่ยอมรับของคนทั่วไป ต่อมาสิ่งนี้จึงกลายเป็นกฎที่ได้รับการอนุมัติโดยส่วนตัว แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ปฏิบัติตาม เพราะผู้ที่อาศัยอยู่ในสลัมอเมริกันถ้ารู้สึกหิว อย่าว่าแต่เนื้อหมาเลย แม้แต่หนูพวกเขาก็ยังสามารถย่างกินได้
ในเวลากลางคืน ชาวประมงและทหารทั้งสองทีมจูงสุนัขและพาหมีถือไฟฉายเริ่มออกไปหาจักจั่น
เชอร์ลี่ย์และเด็กๆ รวมตัวไปด้วยกันอย่างสนุกสนาน พวกเขาหิ้วไฟฉายและขวดพลาสติกมองหาจักจั่นอย่างมีความสุข เพราะฉินสือโอวบอกว่ามันอร่อยมาก พวกเขาจึงตัดสินใจจับมันกลับมาลองชิมดู
สองข้างทางในเกาะแฟร์เวลจะเป็นต้นเมเปิล ต้นหยางและต้นเซลโคว่ายืนเรียงกัน ดังนั้นฉินสือโอวจึงให้ทุกคนเดินหาไปตามทาง เพราะมันอันตรายเกินไปที่จะเข้าป่าในตอนกลางคืน หากไม่ระวังบังเอิญเจองูหรือสัตว์ป่าเข้าก็จะยิ่งลำบาก
ฉินสือโอวเดินนำหน้าสุด ตามที่คาดไว้จักจั่นกำลังระบาดหนัก บนต้นไม้ต้นหนึ่งบางครั้งก็มีเจ็ดถึงแปดตัวที่ร่วงกระจายลงมาและกำลังปีนกลับขึ้นไป มีเปลือกหอยจำนวนมากร่วงลงรอบๆ พงหญ้าและกิ่งไม้ ถ้าลองนับดูคร่าวๆ เดาว่าคงจะมีจักจั่นที่เกิดมากกว่าห้าสิบตัวบนต้นไม้
เชอร์ลี่ย์ที่เดินตามหลังเขามาติดๆ ไฟฉายขนาดเล็กในมืออยู่ๆ ก็มีแสงสีชมพูออกมา ฉินสือโอวที่กำลังเมาอยู่ด้วย จึงถามว่า “เธอเอาไฟฉายมาจากไหน?”
เชอร์ลี่ย์จึงอวดว่า “เป็นรางวัลที่หนูได้จากที่โรงเรียนค่ะ เป็นอย่างไรบ้างคะ สวยไหม? ดูสิ ข้างบนมีเซเลอร์มูนด้วยนะคะ”
ฉินสือโอวแบะปากแล้วพูดว่า “เอาไว้ดูอย่างเดียว แต่ใช้งานไม่ได้ สีก็ใช้ไม่ได้…”
เชอร์ลี่ย์จึงมองดูแสงสีชมพูและมองไปที่ฉินสือโอวอีกครั้งด้วยความอายเล็กน้อยพร้อมพูดว่า “หนูไม่ได้ตั้งใจเลือกแสงสีชมพูสักหน่อย สีชมพูไม่ได้หมายถึงแค่การดึงดูดและความกำกวมเท่านั้นนะ…”
ฉินสือโอวตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก ที่เธอพูดหมายถึงอะไร? ฉันหมายความว่าแสงสีชมพูมันไม่เหมาะสมเพราะทำให้ไม่สามารถมองเห็นตัวอ่อนชัดๆ ได้ต่างหาก!
และขณะนี้อยู่ๆ ก็มีแสงสว่างจากไฟฉายส่องขึ้น
ฉินสือโอวรู้ตัวว่าเป็นคนเดินนำหน้าสุดและไฟฉายที่ส่องใส่หน้าเขาก็ไม่ใช่คนของเขาจึงถามขึ้นว่า “ใครอยู่ตรงนั้น?”
เชอร์ลี่ย์ดึงเสื้อผ้าของเขาด้วยความกังวลและถามอย่างไม่สบายใจ “เขาจะมาจับเราไปทำอะไรมิดีมิร้ายหรือเปล่าคะ?”
ฉินสือโอว “…”
…………………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset