ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 797 ผู้บัญชาการทหารบก

เรือขโมยปลาส่วนใหญ่มาจากทางตะวันออก ทางใต้ และทางตะวันตกสามเส้นทางนี้ ดังนั้นเรือความเร็วสูงทั้งสามนี้มีสองลำที่ติดตั้งขีปนาวุธดับเพลิง และเรืออีกลำก็จะติดตั้งจรวดดับเพลิง
จรวดดับเพลิงชนิดนี้จะเป็นจรวดที่เซี่ยงเฮ่าทำขึ้นมาให้ฉินสือโอว แต่ทำขึ้นมาเพียงชุดเดียวเท่านั้น จึงนำไปติดตั้งบนเรือกำปั่นทะเลตะวันออก
จรวดดับเพลิงใช้การบังคับควบคุมสิบแปดตัวและมีระบบป้องกันไฟป่าอัตโนมัติระยะไกลซีเอ็มเอฟ-วัน  ซึ่งระบบนี้ไม่ได้มีประโยชน์มากนัก ส่วนใหญ่จะใช้เพื่อตรวจจับแหล่งที่มาของไฟและควบคุมทิศทางการนำทางของจรวด
บนเรือกำปั่นทะเลตะวันออกแบบมาพร้อมกับคอมพิวเตอร์ระบบการควบคุมปืนอย่างเรียบง่าย ซึ่งเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เล็งเป้าและอุปกรณ์ควบคุมการปล่อย แต่แนะนำว่าการทำจรวดง่ายๆ นี้ จะทำให้การปล่อยจรวดระยะไกลมีระยะค่อนข้างสั้น ซึ่งมีระยะเพียง 400 ถึง 600 เมตรเท่านั้น และถ้าเกินกว่าระบบควบคุมไฟระยะไกลนี้ก็จะทำให้ระบบล้มเหลว
แน่นอนว่าถ้าต้องการจัดการกับไฟป่าจริงๆ จรวดนี้ใช้ระบบป้องกันไฟป่าอัตโนมัติระยะไกลซีเอ็มเอฟ-วัน จากนั้นการโจมตีระยะไกลจะสามารถเพิ่มระยะทางออกไปได้อีกเล็กน้อย ซึ่งระยะทางจะเพิ่มขึ้นประมาณสองกิโลเมตร
ระยะทาง 400 เมตรเพียงพอที่จะจัดการกับเรือประมงหนึ่งลำ หลังจากทำตามคำสั่งของฉินสือโอว เรือกำปั่นทะเลตะวันออกจึงถอยทัพพร้อมกับหันหัวเรือกลับ เครื่องส่งสัญญาณจรวดรังผึ้งรูปแบบสิบแปดตัวที่ติดตั้งอยู่ท้ายเรือก็ปรากฏขึ้น
ชาวประมงที่อยู่บนเรือประมงเคียฟคิดว่าเรือกำปั่นทะเลตะวันออกกลัวจนหนีไป จึงหัวเราะเยาะเสียงดังและมีบางคนโยนกระป๋องเบียร์ที่ดื่มหมดแล้วโยนใส่เรือกำปั่นทะเลตะวันออก
แต่ไม่นานนักพวกเขาก็กลับหัวเราะไม่ออก เพราะมีชาวประมงดึงชุดป้องกันวัตถุอันตรายที่คลุมเครื่องส่งสัญญาณจรวดออก จึงทำให้เห็นเครื่องส่งสัญญาณรังผึ้งเอียงขึ้นท้องฟ้า
“ตะ ตายแน่! ปืนจรวด!” มีคนตะโกนขึ้นมาอย่างตกใจ
คนอื่นๆ จึงขยี้ตามองดู สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ชายร่างสูงใหญ่คนหนึ่งวิ่งพรวดพราดออกมาจากห้องบังคับเรือ เขาถือกล้องส่องทางไกลเอาไว้ในมือ เดาว่าคงส่องดูจากในห้องบังคับเรือไม่ชัดเจนจึงตั้งใจวิ่งออกมาดูอย่างละเอียด
เมื่อระยะทางห่างออกไปเกือบ 400 เมตรแล้ว ชาวประมงก็จัดเครื่องส่งสัญญาณรังผึ้งเพื่อเล็งเป้าไปที่เรือประมง มีคนเปิดคอมพิวเตอร์ควบคุมเพื่อรับข้อมูลที่ส่งกลับมาจากเรดาร์
สิ่งนี้จะใช้วิธีการคุมเครื่องในรูปแบบง่าย ซึ่งเดิมจะมีไว้สำหรับให้นักดับเพลิงใช้ หลังจากนำเข้าระยะทางและทำมุมยิงแล้วให้กดปุ่มสีแดงเพื่อ ‘ปล่อยจรวด’
“บุกๆๆ!” หางเปลวไฟพุ่งออกมา รอให้ตัวเครื่องส่งสัญญาณรังผึ้งเต็มไปด้วยควันและปืนใหญ่หัวจรวดทั้งสามจะถูกยิงออกไปตามลำดับ…
ชาวประมงสองคนที่นั่งยองๆ อยู่ข้างเครื่องส่งสัญญาณบนเรือลุกขึ้นยืน หลังจากที่ยิงปืนใหญ่หัวจรวดแล้ว จึงมองไปที่เรือลำนั้นด้วยสีหน้าเบิกบานใจ
ความเร็วในการทะยานของปืนใหญ่หัวจรวดพลเรือนนี้ค่อนข้างช้า ความเร็วต่อวินาทีอยู่ที่ประมาณยี่สิบเมตร แต่ถึงอย่างไรปืนใหญ่หัวจรวดปากกระบอกลำกล้อง 122 ของทหารก็มีความเร็วต่อวินาทีอยู่ที่ประมาณหกสิบเมตร ดังนั้นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญคือมุ่งเน้นไปที่การโจมตีที่ครอบคลุม ไม่ใช่การโจมตีที่แม่นยำ
ถ้าใช้บนพื้นดิน การจัดการของปืนใหญ่หัวจรวดชนิดนี้ไม่มีประโยชน์กับเป้าหมายเคลื่อนที่ แต่มันมีผลอย่างมากต่อทะเล เรือประมงต้องใช้เวลาในการตอบสนองนานกว่าสิบวินาทีเพื่อเริ่มเคลื่อนที่และความเร็วเริ่มต้นในการเคลื่อนที่ก็จะช้ามาก…
ผู้คนบนเรือประมงกรีนแลนด์กรีดร้องอย่างสิ้นหวัง เมื่อพวกเขามองเห็นภาพหางเปลวไฟจากปืนใหญ่หัวจรวดสามลูกที่กำลังยิงตรงมาจากระยะไกล
กัปตันจึงตะโกนขึ้นว่า “กระโดดลงน้ำ! ทุกคนกระโดดลงน้ำเดี๋ยวนี้!”
“พวกเราถูกกองทัพเรือแคนาดาโจมตีแล้ว” คนที่อยู่ในห้องบังคับเรือตะโกนออกมาทางวิทยุโดยหวังว่าคำพูดนี้จะแพร่กระจายออกไป พวกเขามองดูสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างสิ้นหวัง คงไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้อีกต่อไป จึงทำได้แค่ฝากความหวังไว้กับรัฐบาลให้คืนความยุติธรรมให้กับตัวเอง
‘ตู้มตู้ม’ ชาวประมงที่อยู่บนเรือพากันค่อยๆ กระโดดลงน้ำ สิบวินาทีต่อมา ปืนใหญ่หัวจรวดสามลูกก็ตกลงบนดาดฟ้าและท้ายเรืออย่างต่อเนื่อง และอีกหนึ่งลูกยิงพลาดตกลงไปในน้ำ จึงทำให้เกิดระลอกคลื่นสูงขึ้น
ชาวประมงที่อยู่ในน้ำต่างพากันแหวกว่ายไปทั่วทิศทางอย่างไม่คิดชีวิต พวกเขาคิดว่าปืนใหญ่หัวจรวดจะระเบิดและจมเรือของพวกเขา เมื่อเรือจมลงก็จะทำให้คลื่นน้ำสูงขึ้น ดูเหมือนว่าจะหนีออกไปไม่ได้สุดท้ายก็คงต้องตาย นอกจากนี้ระยะห่างก็ใกล้มากจนอาจจะถูกเศษซากของปืนใหญ่หัวจรวดหรือเรือที่ระเบิดออกมา ไม่ว่าอย่างไรมันก็ไม่ปลอดภัยอยู่ดี
แต่ปืนใหญ่หัวจรวดที่ตกลงมาบนเรือ กลับไม่มีเสียงระเบิดขึ้น เหล่าชาวประมงที่อยู่ในน้ำจึงหันกลับมาด้วยความประหลาดใจ เห็นหมอกขาวจำนวนมากปรากฏขึ้นบนเรืออย่างรวดเร็ว
“พระเจ้า! นี่มันอะไรกัน? ทำไมมันถึงลุกไหม้ขึ้นมาอย่างรวดเร็วขนาดนี้?” มีคนที่อยู่ในน้ำพูดขึ้นด้วยความหวาดกลัว
ทหารรับจ้างต่างไม่พอใจ บีบีซวงจึงบังคับทิศทางของเฮลิคอปเตอร์ลงไปที่พื้นผิวทะเล ตามการบินของปีกเครื่องบินจะถูกสายลมทะเลที่อ่อนโยนพาขับเคลื่อนไปอย่างรวดเร็ว และมีคลื่นลูกใหญ่พัดขึ้นอยู่รอบๆ
ชาวประมงในทะเลถูกทรมานจากเหตุการณ์นี้ ยังดีที่ฉินสือโอวไม่ได้ต้องการฆ่าพวกเขาจริงๆ หลังจากให้บทเรียนกับพวกเขาแล้ว ก็ส่งสัญญาณให้บีบีซวงเอาเฮลิคอปเตอร์ขึ้น ทิ้งให้เหล่าชาวประมงตื่นตระหนกตกใจอยู่ในน้ำ
ชาวประมงที่อยู่บนเรือกำปั่นทะเลตะวันออกก็คึกคักกันขึ้นมาไม่จบไม่สิ้น “ให้ตายเถอะ ในที่สุดฉันก็รู้แล้วว่าทำไมถึงมีบางคนอยากเป็นทหาร เพราะมันเป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมมากตอนที่ได้ควบคุมอาวุธหนักนี้ ฉันอยากจะยิงมันอีกจริงๆ เลย!”
จากนั้นฉินสือโอวก็ดีดนิ้ว เฮลิคอปเตอร์จึงแล่นไปใกล้เรือประมง เขากระโดดลงไปและให้บีบีซวงกลับไปก่อน เขารอให้ตำรวจทางทะเลมาเพื่อร่วมมือกันไต่สวน
การจัดการพื้นที่ทางทะเลไม่ใช่เรื่องง่าย หลังจากผ่านไปครึ่งวัน เรือด่วนของตำรวจทางทะเลก็บุกป่าฝ่าดงเข้ามา ตำรวจทางทะเลของนิวฟันด์แลนด์และฉินสือโอวรู้จักคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เพราะฟาร์มปลาของเขามักจะเกิดเรื่องขึ้นบ่อยและในฟาร์มปลาของเขาก็มีปลาจำนวนมาก
หลังจากที่ร้อยโทนำทีมขึ้นเรือกำปั่นทะเลตะวันออก จึงกล่าวคำขอโทษ “ขอโทษจริงๆ วันนี้คดีเยอะมาก มีการใช้อาวุธต่อสู้กันระหว่างเจ้าของฟาร์มปลาที่น่านน้ำทางเหนือ ให้ตายเถอะ ทำไมทุกคนถึงไม่ยอมทำตัวดีๆ กันบ้างเลย?”
ในเครื่องดับเพลิงเต็มไปด้วยผงแห้งแรงดันสูงและน้ำแข็งแห้งที่ปล่อยออกมาอย่างรุนแรง และตอนนี้จึงปกคลุมไปด้วยควันสีขาวและหมอกสีขาว ชาวประมงที่แช่อยู่ในน้ำเกือบตลอดทั้งวัน จึงสูญเสียอุณหภูมิความร้อนเป็นจำนวนมากจนเกือบช็อก เมื่อเห็นตำรวจทางทะเลมาก็ถึงกับร้องไห้ออกมาด้วยความตื่นเต้น
หลังจากขึ้นเรือแล้วตำรวจทางทะเลก็เริ่มเก็บหลักฐานเพื่อทำการตรวจสอบ ประการแรกเรือประมงกรีนแลนด์ทั้งสองลำมีใบอนุญาตจับปลาจริง ประการที่สองพวกเขาเข้ามาในฟาร์มปลาส่วนตัวของฉินสือโอวจริง ดังนั้นเรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่จัดการได้ยาก
กัปตันของเรือประมงเคียฟพาดผ้าห่มไว้บนบ่าแล้วร้องตะโกนขึ้นว่า “พวกเราไล่ตามฝูงปลามา! ฝูงปลาแซลมอนเหล่านี้ไม่ใช่ของฟาร์มปลาเขา แต่เป็นของทะเลหลวงต่างหาก พวกเราตามมันมาจากทะเลหลวง! โอ้ ให้ตายเถอะ! ให้ตายเถอะ! ต้องลงโทษเขาให้ได้! บนเรือของเขามีจรวด!”
ฉินสือโอวยักไหล่ใส่พร้อมเอาใบรับรองบนเรือออกมาให้ตำรวจทางทะเลดู “อันที่จริงนี่คือเรือดับเพลิงของเมือง คุณก็รู้ว่าบนเกาะของเรามีทั้งภูเขาและป่าไม้ และถ้าเกิดไฟป่าขึ้นมันยิ่งทำให้วุ่นวายมาก”
“แล้วทำไมเรือดับเพลิงของเมืองถึงมาอยู่ที่คุณได้?” ตำรวจทางทะเลถาม
ฉินสือโอวจึงอธิบายว่า “บังเอิญว่าเรือดับเพลิงของเมืองแสดงอยู่ใกล้ๆ หลังจากที่ฉันยื่นคำร้องกับทางรัฐบาลเมือง จึงขอให้เรือดับเพลิงของเมืองมาช่วยดูลาดเลาว่ามีอะไรเกิดขึ้นไหม”
ตำรวจทางทะเลยักไหล่แล้วพูดกับเจ้าของเรือกรีนแลนด์ว่า “โอเค เรื่องก็จบแล้วนะ คุณกลับไปเถอะ รีบออกไปจากน่านน้ำแคนาดาได้แล้ว!”
เจ้าของเรือโกรธเป็นอย่างมาก จึงตวาดกลับไปว่า “พวกคุณมันพวกเดียวกัน! พวกเรามีสิทธิ์ที่จะเข้ามาจับปลาในน่านน้ำพิพาทนี้และเขาก็ไม่มีสิทธิ์จะใช้ปืนใหญ่หัวจรวดพวกนี้มาโจมตีเรือของพวกเรา…”
“ฟังนะ นี่คุณ เขามีสิทธิ์ที่จะทำแบบนี้ คุณรู้ไหมว่าเขาเป็นใคร? จะบอกคุณให้ นี่คือผู้บัญชาการทหารท้องถิ่นของทหารบกแห่งนิวฟันด์แลนด์ เข้าใจไหม? และตอนนี้คุณเป็นผู้บุกรุก เข้าใจหรือยัง?” ตำรวจทางทะเลพูดตักเตือนเขา
เจ้าของเรือกรีนแลนด์ถึงกับตกตะลึงขึ้นมาในทันที จากนั้นจึงชี้ไปที่ฉินสือโอวแล้วพูดว่า “คนเอเชียตะวันออกเนี่ยนะจะเป็นผู้บัญชาการทหารบก?”
“ดูสิ เขาเหยียดเชื้อชาติเกินไปแล้ว!” ฉินสือโอวประณามเขาทันที
………………………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset