ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 803 แขกที่ไม่ทันตั้งตัว

การเฉลิมฉลองในค่ำคืนนี้เพื่อแสดงความยินดีให้กับแฮมเล็ตที่ได้รับตำแหน่งนายกเทศมนตรี นี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของเมืองแฟร์เวลที่มีนายกเทศมนตรี
ฉินสือโอวเป็นเจ้าภาพงาน ดังนั้นจึงถูกบังคับให้ต้องดื่มเหล้าเยอะที่สุด ซึ่งเวลานี้ทำให้เขามองเห็นประโยชน์ของลูกน้อง
ฉินสือโอวโบกมือครั้งแรก ชาร์คก็พาพวกชาวประมงมาช่วยดื่มแต่ก็แพ้คนกลุ่มนั้น
พอโบกอีกครั้ง นีลเซ็นและเบิร์ดก็พาพวกทหารมาด้วยแต่ก็ยังแพ้อยู่ดี
โบกมือรอบที่สาม ไม่มีคนแล้ว? เป็นไปได้อย่างไร! ฉินสือโอวจึงกวักมือเรียกหุ้นส่วนอย่างฮิวจ์และซาโกร พวกนายก็มาด้วยกันเถอะ
น่าเสียดายที่หวงเฮ่าเจียที่มาแค่ชมความสนุกสนานเท่านั้น แต่ก็ยังถูกลากไปดื่มเหล้าแทนอีกด้วย ใบหน้าขาวๆ ของเขาก็เริ่มซีดมากกว่าเดิม เขาค่อยๆ ส่ายหัวแล้วพูดว่า “อายุมันสั้นนะ ให้ตายเถอะ ฉันไม่ดื่ม! อย่าเอามาใส่ปากฉัน!”
บิลลี่พรวดพราดออกมาระหว่างทาง เพลย์บอยแห่งไมอามีที่เมื่อก่อนดูไม่มีความสุขเลย ในตอนนี้เขาเจอใครก็ดื่มกับคนนั้น เทเหล้าเข้าปากอย่างไม่คิดชีวิต จนทำให้ประชาชนในเมืองตกใจกลัว เพียงเพราะทำอะไรไม่นึกถึงผลที่จะตามมา
แต่เดิมฉินสือโอวจะยกนิ้วโป้งให้บิลลี่และพูดชมเชยวิธีการแก้ปัญหาที่ถูกต้องของเขา แต่หลังจากเห็นภาพเพลย์บอยคนนี้ดื่มหนักขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งดูไม่เหมือนเป็นการแสดง ฉินสือโอวดึงหวงเฮ่าเจียไว้แล้วถามว่า “พี่สาวหรือน้องสาวนายคือคนไหน ปัญหาความรักของเธอเป็นอย่างไร?”
“นั่นแหละๆ ผมให้เธอพูดเองแล้วกัน!” หวงเฮ่าเจียยกขวดเบียร์ในมือขึ้นอย่างร้อนใจและร้องตะโกนว่า “เอาล่ะ ผมจะให้พี่สาวของผมหมั้นกับคุณ!”
ฉินสือโอวถอนหายใจ แล้วพูดกับอีวิลสันว่า “อันนี้ก็หาที่โยนทิ้งซะ งั้นก็ทิ้งไว้ในรถของซาโกร ดูแล้วซาโกรไม่น่าจะมีปัญหา”
หลังจากเอาซาโกรไปโยนทิ้งแล้ว เขาจึงชี้ไปที่บิลลี่อีก “นี่ก็โยนทิ้ง โยนไว้…ช่างมันเถอะ ทิ้งไว้ในบ้านเรานั่นแหละ ทำความสะอาดห้องให้เขาแล้วพาเขาไปนอน ให้ตายเถอะ ถึงอย่างไรเขาก็ดื่มและเมาแทนฉัน”
ฉินสือโอวคนนี้เป็นถึงเจ้าภาพงานจะไม่ส่งทุกคนกลับบ้านได้อย่างไร งานก็ยุ่งกันจนถึงเช้ามืด ยังดีที่ไม่มีคนเมาจนไม่ได้สติบนถนนแล้ว ดังนั้นเขาจึงจะกลับบ้านได้
จากนั้นเขายืนอยู่บนทางเท้าแล้วมองดูขวดเหล้าที่เกลื่อนถนน มีทั้งเบียร์ ไวน์แดงและแชมเปญกระจายเต็มไปหมด คาดว่าสัปดาห์หน้าคงจะมีกลิ่นเหล้าคลุ้งไปทั่วถนนสายนี้
พอกลับเข้ามาในบ้าน ฉินสือโอวเข้าห้องน้ำไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมงถึงออกมา เขาออกมาเห็นเจ้าหลัวปอกำลังหลับสบาย จึงอุ้มมันขึ้นมาอยู่ที่สบายๆ ดวงตาเล็กๆ ของหลัวปอค่อยๆ ลืมขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ แล้วมองฉินสือโอวอย่างไร้เดียงสา
รู้สึกว่าหลัวปอก็ไม่ได้น่ารังเกียจอะไร ฉินสือโอวจึงขึ้นไปนอนอย่างสบายใจและทิ้งหลัวปอจอมดื้อรั้นไว้
เจ้าหลัวปอมีจมูกที่ไวต่อกลิ่นมาก วินนี่มักจะใช้ให้มันไปดมกลิ่นเหล้าตามตัวของฉินสือโอว ถ้ามันไม่แสดงปฏิกิริยาอะไรออกมาเป็นพิเศษ นั่นก็หมายความว่าเขาไม่ได้ดื่มเหล้ามา
ฉินสือโอวจึงต้องไม่ให้วินนี่และเด็กๆ ได้กลิ่นเหล้า
จริงๆ แล้วตอนนี้มันเป็นเวลาที่ดึกมากแล้ว การเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงฉลองแบบนี้กินแรงเยอะมาก ยิ่งไปกว่านั้นคือปัญหาเรื่องแอลกอฮอล์ ที่ทำให้ฉินสือโอวตื่นนอนไม่เป็นเวลา ซึ่งความจริงแล้วตอนที่เขากำลังจะเอนตัวลงนอนก็เกือบจะตีสี่แล้ว
พอเขาตื่นขึ้นมาดูเวลาก็สิบโมงตรงแล้ว เขาลุกขึ้นยืนอย่างสะลึมสะลือ วินนี่ผลักประตูเข้ามาช่วยเขาจัดเสื้อผ้า เตรียมน้ำอาบ ยาสีฟันและแปรงสีฟันไว้ให้ เพื่อให้เขาอาบน้ำล้างหน้า จากนั้นจึงบอกเขาว่า “มีสามีภรรยาคู่หนึ่งมาที่บ้าน บอกว่ามาหาคุณ”
ฉินสือโอวที่กำลังล้างหน้าอยู่ จึงถามอย่างคลุมเครือว่า “ใครเหรอ? ทำไมไม่ปลุกผมให้เร็วกว่านี้ล่ะ?”
“พวกเขาเพิ่งจะมาได้ไม่นาน ฉันเลยว่าจะเข้ามาดูคุณสักหน่อยแล้วคุณก็ตื่นขึ้นมาพอดี” วินนี่พูดออกมาด้วยสีหน้าที่อ่อนโยน
ฉินสือโอวรู้ว่าพวกเขาไม่ได้เพิ่งมาแน่ๆ และวินนี่ก็ไม่ได้เข้ามาดูเขาแค่รอบเดียวเช่นกัน เมื่อคืนนี้ภรรยามองดูเขานอนหลับอย่างยากลำบาก จึงทนไม่ได้ที่จะปลุกเขาขึ้นมา
อันที่จริงแล้วร่างกายของฉินสือโอวในตอนนี้ ไม่จำเป็นต้องนอนให้ครบแปดชั่วโมงเลย แค่สี่หรือห้าชั่วโมงก็เพียงพอแล้ว แต่หลังจากเขาล้างหน้าล้างตาแล้ว เขาก็มีแรงขึ้นมาทันที จึงเดินลงบันไดเพื่อไปดูที่ห้องโถง
และก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ สามีภรรยาคู่หนึ่งอายุประมาณห้าสิบปีขึ้นไปกำลังนั่งคุยกระซิบกระซาบกันอยู่ที่โซฟา พอได้ยินเสียงฝีเท้าก็เงยหน้ามองไปที่บันได
พอได้เห็นลักษณะของสามีภรรยาชัดๆ แล้ว ฉินสือโอวก็รีบเร่งฝีเท้าเดินทันที “อาเหมา น้าตู้ ทั้งสองคนมาได้อย่างไร? พระเจ้า ผมนึกไม่ออกเลยว่าทั้งสองคนมากันตั้งแต่เมื่อไร?!”
สองคนนี้เป็นพ่อและแม่ของเหมาเหว่ยหลง ผู้ชายเป็นผู้มีอำนาจอันดับที่สองของกององครักษ์เสื้อแพรแห่งเมืองหลวง ส่วนผู้หญิงจะเป็นแม่บ้านของครอบครัว
เขาเคยเห็นพ่อและแม่ของเหมาเหว่ยหลงหลายครั้ง ตอนเรียนอยู่ก็เคยเจอไม่กี่ครั้ง แต่ไม่เคยรู้เลยว่าพวกเขาจะมีตำแหน่งและอำนาจมากในเมืองหลวง เพราะพ่อเหมาไม่เคยใช้อำนาจและอิทธิพลกดขี่พวกเขาเลย และยังปฏิบัติต่อเหมาเหว่ยหลงด้วยความสุภาพมาก
“มาถึงเซนต์จอห์นเมื่อวานนี้และเพิ่งจะมาที่นี่ สบายดีนะเสี่ยวฉิน?” พ่อเหมายิ้มถามเขา คิ้วที่เรียงกันเป็นเส้น รอยยิ้มที่เคร่งขรึมและมีสไตล์มาก
ฉินสือโอวจึงเชิญให้ทั้งสองนั่งลงก่อน แล้วจึงพูดว่า “ใช่ครับ ผมสบายดี เมื่อคืนนี้เรามีประชุมกัน จึงทำให้ผมนอนดึกมาก ภรรยาผมคงเป็นห่วง เธอเลยไม่ได้ปลุกผม ต้องขอโทษจริงๆ นะครับ”
แม่เหมายิ้มอย่างสุภาพ พ่อเหมาจึงยื่นมือออกไปถามว่า “ขอโทษอะไรกัน? วินนี่เป็นภรรยานายเหรอ? ตอนอยู่บ้านเสี่ยวหลงเคยบอกว่า นายจะหาภรรยาดีๆ คงจะจริงสินะ เมื่อสักครู่วินนี่ก็ดูแลเราได้ดีมาก ดูสิ เอาชามาเสิร์ฟตลอดเลย”
ฉินสือโอวหันไปทำหน้าตลกใส่วินนี่ วินนี่ที่ยืนอยู่ตรงหัวบันไดก็ยิ้มออกมาอย่างสง่างามและแอบกะพริบตาใส่อย่างเงียบๆ
หลังจากเสิร์ฟชาให้ทั้งสองอีกครั้ง ฉินสือโอวจึงถามว่า “ที่คุณทั้งสองมาครั้งนี้มีอะไรหรือเปล่าครับ?”
สีหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของพ่อก็ค่อยๆ จางหายไปและแสดงสีหน้ากังวลใจออกมาแทน เขาถอนหายใจแล้วพูดว่า “ทำไมพวกเราถึงมาน่ะเหรอ? ไม่ได้มาเพื่อลูกของเสี่ยวหลงหรอก? แต่ลูกไม่รักดีนั่นน่ะ ทำให้ฉันและแม่ของเขาโกรธมากจริงๆ…”
“อย่าเอาฉันไปเกี่ยวด้วยเลย ฉันก็เห็นว่าเด็กตั๋วตั่วคนนั้นเธอก็เป็นเด็กดี” แม่เหมาพูดอย่างไม่เต็มใจ
พ่อเหมาจึงขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ตั๋วตั่วเป็นเด็กดี แต่คนที่ลูกชายของคุณต้องแต่งงานด้วยเป็นตั๋วตั่วเหรอไง? วุ่นวายจริง! นี่คุณว่าเขา…”
“อะแฮ่มๆ!” แม่เหมาทำเสียงกระแอม
พ่อเหมาถอนหายใจอย่างแรงและหยิบบุหรี่ออกมา พอหันไปเห็นวินนี่จึงเก็บมันเข้าไว้ที่เดิม
ฉินสือโอวบอกว่าสูบได้ตามสบายไม่เป็นไร ที่นี่พวกเราไม่มีคำสั่งห้ามสูบบุหรี่ พ่อเหมายิ้มแล้วพูดว่า “ช่างมันเถอะ ผู้หญิงมักจะไม่ชอบกลิ่นบุหรี่อยู่แล้ว ฮ่าๆ เดี๋ยวออกไปแล้วมีแค่เราสองคนค่อยสูบก็ได้”
ฉินสือโอวถูมือไปมา ไม่รู้ว่าต้องพูดอะไร จริงๆ แล้วพ่อเหมาและแม่เหมายังไม่ได้บอกเขาก็รู้ว่าพ่อและแม่มาทำไม ต้องเป็นเรื่องของเหมาเหว่ยหลงและหลิวซูเหยียนแน่ๆ
แต่พูดตามตรงแล้ว เขาไม่รู้จริงๆ ว่าจะปลอบใจพ่อและแม่อย่างไร ถ้าเอาใจเขามาใส่ใจเรา หากพบว่าแม่เล้าที่ไนต์คลับเป็นภรรยาของตัวเอง พ่อและแม่ที่บ้านจะมีปฏิกิริยาอย่างไร? ต้องตีขาตัวเองให้หักถึงจะถือว่าเป็นการรักตัวเอง
ยิ่งกว่านั้น ตระกูลเหมาเป็นตระกูลขุนนางทางการเมือง พ่อเหมาจึงเป็นคนที่มีหน้ามีตาอยู่ทั่วประเทศจีนอยู่บ้างเล็กน้อย
พอพูดถึงเหมาเหว่ยหลง พ่อเหมาและแม่เหมาต่างก็กังวลใจ พวกเขาทั้งคู่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเช่นกัน ในที่สุดพ่อเหมาก็กลั้นใจพูดออกมา “ไม่มีพ่อแม่คนไหนไม่รักลูก แต่ลูกไม่รักดีคนนี้มันทำเกินไปแล้ว! เฮ้อ เดิมทีก็ไม่ได้อยากจะยุ่งเลย แต่ถ้าไม่ยุ่งก็คงไม่ได้ เจ้าลูกคนนี้จะแต่งงาน แล้วพวกเราจะทำอย่างไร?”
ฉินสือโอวได้ยินเช่นนั้น เขาก็ลุกขึ้นยืน ‘ฮะ’ แล้วพูดด้วยความตกใจ “เขาจะแต่งงานแล้วเหรอ?! ใครบอกกัน?!”
…………………………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset