ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 806 เกือบพลาดแล้ว

พอจัดการเรื่องเที่ยวบินของพ่อและแม่เรียบร้อยแล้ว ฉินสือโอวจึงกำชับกับพี่สาวและพี่เขยอีกรอบ หลังจากที่มาถึงเซนต์จอห์นแล้วเขาจะไปรับที่สนามบิน
หลังจากแฮมเล็ตได้รับตำแหน่งนายกแล้ว วันต่อมาเขาก็ได้รับมอบงานกับนายกเทศมนตรีเมืองรักษาการแทน ในเมืองเล็กๆ จะไม่มีตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมือง ดังนั้นตามกฎหมายของประเทศแคนาดาแล้ว นายกเทศมนตรีเมืองผู้ช่วยจะเป็นนายกเทศมนตรีเมืองรักษาการแทน
แฮมเล็ตจะให้ความสำคัญกับฉินสือโอวผู้สนับสนุนที่ซื่อสัตย์คนนี้มาก เพราะคำสั่งลงนามครั้งสุดท้ายคือให้เก็บตัวอ่อนจักจั่น และยังเป็นการยื่นคำร้องเกี่ยวกับตัวอ่อนของเขา
ฉินสือโอวเสนอราคารับซื้อห้าดอลลาร์แคนาดาต่อหนึ่งปอนด์ ดูแล้วเหมือนจะไม่แพง เพราะราคานี้ก็สามารถซื้อไข่ไก่ได้ แต่ในเมืองกลับไม่พอใจกัน แต่ถึงอย่างไรก็ถือเป็นโอกาสในการสร้างรายได้
เด็กๆ และผู้สูงอายุในเมืองต่างพากันกระตือรือร้นที่จะทำสิ่งนี้ พอตกเย็นถ้าขยันเก็บหน่อยก็จะทำให้เก็บได้ถึงสิบกว่าปอนด์ เพราะช่วงนี้เป็นช่วงระบาดของจักจั่นระยะสิบเจ็ดปีพอดี บางครั้งบนต้นไม้ต้นหนึ่งสามารถจับได้มากเจ็ดถึงแปดตัว
เย็นวันนั้น ก็เริ่มมีคนถือขวดตัวอ่อนมาหาฉินสือโอว ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเด็กๆ และผู้สูงอายุ เพราะพวกเขามีเวลาและความอดทนมาก มันจะดีแค่ไหนถ้าสามารถหารายได้พิเศษได้?
ฉินสือโอวไปหาเบิร์ดที่เชี่ยวชาญในเรื่องนี้ เขาตั้งใจซื้อกล่องรักษาอุณหภูมิมาหลายๆ กล่องเพื่อวางตัวอ่อนชั้นหนึ่งและแยกน้ำแข็งออกอีกชั้นหนึ่ง แล้วส่งไปห้องแช่เย็นเก็บรักษาไว้อีกครั้ง จะทำให้สามารถเก็บได้นานถึงสองสามปีก็ไม่มีปัญหา
อาหารที่มีโปรตีนสูงและไขมันสูง ขอแค่ใช้อุณหภูมิต่ำในการเก็บรักษา อายุการเก็บรักษาก็จะนานมากขึ้น เช่นปลาทูน่าครีบน้ำเงิน จะนำมาเก็บรักษาแบบนี้ ซึ่งปัจจุบันในตลาดญี่ปุ่นส่วนใหญ่ก็จะขายแบบนี้
ถ้านับเวลาแล้วก็พอๆ กัน ฉินสือโอวขับเรือลาดตระเวนไปที่ท่าเรือ ผลคือตอนที่กำลังจอดเทียบท่าก็บังเอิญไปเจอกับตำรวจทางทะเลกำลังตรวจใบขับขี่ พอเป็นเช่นนี้ฉินสือโอวถึงกับปวดประสาท
การขับเรือจำเป็นต้องมีใบรับรองหรือที่เรียกว่าใบขับขี่เรือยนต์ ซึ่งมีหลายประเภท เช่นเรือกลไฟ เรือประมง เรือโดยสารและเรือเล็กทุกชนิด ซึ่งฉินสือโอวยังไม่ได้สอบใบขับขี่เรือยนต์ เพราะไม่มีใครมาตรวจสอบและเขาก็ขับเรือออกไปข้างนอกเองไม่บ่อย
และครั้งนี้ก็ไม่ง่ายที่จะหันหัวเรือกลับ สุดท้ายก็ถูกตำรวจทางทะเลตรวจใบขับขี่ โชคดีที่เขาพานีลเซ็นมาช่วยถือกระเป๋าด้วย พอเห็นตำรวจทางทะเลเข้ามาใกล้ๆ ก็รีบออกจากที่นั่งคนขับทันที
แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะตบตาตำรวจทางทะเล หลังจากพวกเขากระโดดขึ้นมาบนเรือลาดตระเวน จึงพูดกับฉินสือโอวโดยตรงว่า “คุณครับ ช่วยแสดงใบขับขี่เรือยนต์ของคุณด้วย พวกเราจำเป็นต้องทำการตรวจสอบ”
ฉินสือโอวกระแอมออกมา นีลเซ็นจึงหยิบเอาใบขับขี่ออกมาให้พวกเขา แต่ตำรวจทางทะเลยังคงจ้องไปที่ฉินสือโอวอยู่ แล้วพูดซ้ำอีกครั้งว่า “คุณครับ ช่วยแสดงใบขับขี่เรือยนต์ของคุณด้วย พวกเราจำเป็นต้องทำการตรวจสอบ”
นีลเซ็นจึงพูดอย่างไม่พอใจว่า “คุณถามหาผิดคนแล้ว คุณตำรวจ ดูสิ ผมเป็นคนขับเรือลำนี้มาตลอดทาง คุณก็ควรจะถามผมสิ”
ตำรวจหนุ่มทางทะเลคนหนึ่งดึงดันพูดว่า “ไม่ใช่คุณ ผมเห็นชัดๆ เลยว่าคุณผู้ชายข้างหน้านี้เป็นคนขับเรือ”
ตำรวจแคนาดาทำงานอย่างละเอียดรอบคอบมากและไม่ง่ายที่จะตบตาพวกเขา รัฐบาลจัดสรรเงินทุนให้กับหน่วยงานต่างๆ ทุกปี ซึ่งเป็นระบบตำรวจจะได้รับเงินมากที่สุด ประชากรทั้งหมดในแคนาดามีมากกว่าสามสิบสามล้านคนและมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมากกว่าหกหมื่นนาย ซึ่งเป็นกองทัพที่ใหญ่มาก
นีลเซ็นทำได้เพียงพูดเรื่อยเปื่อย “ใช่ คุณไม่ได้ดูผิดหรอก เพราะสุดท้ายคนจอดเรือคือเพื่อนของผม แต่ก่อนหน้านั้นผมเป็นคนขับมาตลอด ที่เขาเป็นคนจอดเรือเมื่อสักครู่นี้ เป็นเพราะว่าผมคิดได้พอดีว่าเขาจะสอบใบขับขี่ ผมเลยถือโอกาสสอนเขาขับเรือ”
“เป็นอย่างนั้นเหรอครับ คุณผู้ชาย?” ตำรวจหนุ่มทางทะเลถามอย่างไม่ยอมรับฟัง
ฉินสือโอวพยักหน้าสุดแรงแล้วพูดว่า “เป็นอย่างนี้แหละ ผมกำลังจะไปสอบใบขับขี่เรือขนาดเล็ก ช่วงนี้ก็เลยกำลังเรียนอยู่”
ตำรวจหนุ่มทางทะเลก็ยังไม่วางใจเขา จึงถามอีกว่า “คุณจะพิสูจน์เรื่องนี้อย่างไร คุณผู้ชาย?”
ฉินสือโอวถูกเขาเรียกคำก็ ‘คุณผู้ชาย’ สองคำก็คุณผู้ชาย ซึ่งมันทำให้เขาไม่พอใจเล็กน้อย และระหว่างนั้นก็อลหม่านวุ่นวายกันอยู่สักพัก ระบบกฎหมายของแคนาดานั้นเข้มงวดมาก อย่าว่าแต่ว่าเป็นเจ้าของแหล่งประมงเล็กๆ แล้วทำผิดกฎหมายเลย แม้แต่การทำผิดกฎหมายต่างๆ ของนายกเทศมนตรีก็ต้องสืบสวนหาความรับผิดชอบ
ยกตัวอย่างเช่นอ็อกเฟอร์จอมซวย เนื่องจากเขาเคยใช้รถยนต์ที่มีท่อไอเสียขนาดใหญ่ จนทำให้ถูกประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งวิพากษ์วิจารณ์ สุดท้ายจึงถูกแผนกตรวจสอบวินัยสอบสวน
และตอนนี้ก็มีเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวและกระโปรงทรงเอสีดำวิ่งกระโดดโลดเต้นเข้ามาพร้อมกับถือไมโครโฟนไว้ในมือ แล้วถามว่า “เจ้าหน้าที่ชาร์ลี ขอถามหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
หลังจากนักข่าวตัวเล็กวิ่งเข้ามา เธอก็ได้พบกับฉินสือโอวแล้วยิ้มขึ้นมาทันที ทั้งคู่รู้จักกัน เพราะนักข่าวตัวเล็กคนนั้นคือแพรีสน้องสาวของแฮมเล็ต
ฉินสือโอวกะพริบตาใส่เธอ แพรีสจึงถามตำรวจหนุ่มทางทะเลดูว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากจัดการเรียบร้อยแล้วเธอจึงพูดว่า “อ้อ คุณผู้ชายคนนี้ จริงๆ แล้วฉันเป็นพยานให้ได้ว่าเขาเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในเมืองแฟร์เวล หลายๆ คนรู้เรื่องที่เขากำลังเรียนขับเรือเพื่อไปสอบใบขับขี่”
ตำรวจหนุ่มทางทะเลสังเกตฉินสือโอวอย่างละเอียดอยู่สักพัก แล้วถามว่า “คุณผู้ชาย คุณคือฉินสือโอวเหรอ?”
ฉินสือโอวพยักหน้าพร้อมลูบคางไปด้วย สีหน้าของเขาจึงผ่อนคลายขึ้นทันที “คุณฉิน ต่อไปไม่ควรเรียนฝึกขับเรือในท่าเรืออีก ผมแนะนำว่าควรไปขับที่ฟาร์มปลาของคุณ จะทำให้หลีกเลี่ยงปัญหายุ่งยากมากมายที่จะตามมาได้”
มีแพรีสช่วยไกล่เกลี่ยให้ เรื่องนี้จึงจบลงเสียที พอขึ้นฝั่งฉินสือโอวถึงรู้ว่า วันนี้เป็นวันบังคับใช้กฎหมายของตำรวจทางทะเล ซึ่งสื่อหลายแห่งกำลังศึกษาและสัมภาษณ์งานของตำรวจทางทะเล
ฉินสือโอวแอบคิดในใจว่าตัวเองดวงซวยมาก จากนั้นเขาจึงเรียกแท็กซี่ไปที่สนามบิน โชคดีที่เขาเดินทางเร็ว จึงทำให้ไม่เสียเวลาในการรับพ่อแม่และคนอื่นๆ ในบ้าน
เนื่องจากมีบัตรวีไอพีของสายการบิน พนักงานต้อนรับที่สนามบินได้รับประกาศว่า เมื่อพ่อของฉินและครอบครัวลงเครื่องแล้วให้เดินไปรับ
พ่อฉินและแม่ฉินรู้สึกร้อนใจเล็กน้อย เมื่อลงเครื่องก็ถูกพนักงานมารับไป พวกเขาคิดว่าคงจะเกิดปัญหาอะไรขึ้น
เมื่อเห็นฉินสือโอว เสี่ยวฮุยจึงวิ่งกระโดดโผเข้าไปกอดขาอย่างกับหมีโคอาลากำลังห้อยโหนบนตัวเขา
ฉินสือโอวหัวเราะและหมุนตัวสองรอบเปลี่ยนเป็นเสียงร้องไห้เหมือนกับตุ๊กตาหุ่นผ้า จากนั้นจึงปล่อยลง
หลังจากลงมาแล้ว เสี่ยวฮุยก็วิ่งไปซ่อนข้างหลังพี่สาวฉิน แล้วทำปากจู๋พร้อมพูดว่า “คนนิสัยไม่ดี เมื่อกี้ฉันตกใจแทบตาย!”
แม่ฉินจ้องไปที่ฉินสือโอวแล้วพูดว่า “แกนี่นะ ใกล้จะเป็นพ่อคนอยู่แล้ว ยังจะเล่นอะไรไม่รู้เรื่องแบบนี้อยู่อีก แกกลัวว่าเสี่ยวฮุยจะชอบแกมากเกินไปเหรอไง?”
ฉินสือโอวรับกระเป๋าเดินทางมาและให้พนักงานต้อนรับเข็นรถไปส่งที่รถบัสเช่ารับส่งในสนามบิน หลังจากนั้นก็พูดคุยกันอย่างเฮฮาพร้อมกับขึ้นเรือลาดตระเวน
สไตล์การตกแต่งของเรือลาดตระเวนนั้นดูหรูหราและสวยงามมาก หลังจากเสี่ยวฮุยขึ้นเรือ ก็เริ่มจับนั่นจับนี่ในเรืออย่างสนใจ จนลืมเรื่องที่เพิ่งโดนฉินสือโอวแกล้งให้ตกใจไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงดึงมือเขามาถามนั่นถามนี่ด้วยความอยากรู้ไปหมด
นีลเซ็นเริ่มขับเรือ ดวงตาของเสี่ยวฮุยลุกวาวไปมาและถามว่า “คุณลุง คุณขับเรือเป็นไหม?”
ฉินสือโอวหัวเราะแล้วพูดว่า “แน่นอน นายอยากเรียนไหมล่ะ?”
เสี่ยวฮุยพยักหน้าอย่างสุดแรง แล้วพูดว่า “อยากๆๆ ผมอยากเรียนครับ คุณลุง อนาคตผมอยากขับเรือลำใหญ่ๆ ไม่เหมือนพ่อ ขับแต่รถคันเล็กๆ!”
พี่เขยตบก้นเขาเบาๆ จากข้างหลัง แล้วพูดว่า “แกอยากขับเรือ งั้นก็ต้องตั้งใจเรียน ถ้าขับเรือใหญ่ก็ต้องเก่งภาษา คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ และภาษาอังกฤษ ต้องได้หมดทุกอย่าง!”
เสี่ยวฮุยมองดูโลโก้ภาษาอังกฤษบนเรือ หัวเล็กๆ ของเขาก็พยักหน้าไปมา แล้วพูดว่า “ได้!”
จากนั้นเสี่ยวฮุยก็ดึงมือฉินสือโอวมาจะให้เขาขับเรือให้ดู พอฉินสือโอวกำลังจะขับเรือ ก็คิดได้ว่าช่วงนี้มักจะมีเรือลาดตระเวนของตำรวจทางทะเลแล่นในทะเลอยู่บ่อยๆ เขาจึงไม่อยากถูกจับได้อีก
เมื่อขับเรือลาดตระเวนออกมาได้ครึ่งทาง และไม่มีเรือลาดตระเวนของตำรวจทางทะเลแล้ว ฉินสือโอวจึงเปลี่ยนไปขับแทนนีลเซ็น เขาเร่งความเร็วการคุมหางเสือแล้วขับออกไป
………………………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset