ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 815 หน้าที่สำคัญในตอนนี้

เมื่อออกค้นหาและรับซื้อมันด้วยตัวเอง คืนหนึ่งฉินสือโอวได้รับตัวอ่อนจักจั่นมามากกว่า 100 กิโลกรัมซึ่งทั้งหมดถูกหมักไว้ในน้ำเกลือและแช่ไว้ในตู้แช่แข็งเป็นอย่างดี
พ่อของฉินถามราคาของที่เขาซื้อมาและหลังจากที่รู้ก็เลียริมฝีปาก “มันราคาถูกมากจริงๆ ถ้าอย่างนั้นพวกเรามาทำธุรกิจนี้กัน แกอยู่ทางนี้คอยรับจักจั่น ส่วนฉันกับพี่เขยแกจะกลับไปหาร้านเหล้าใหญ่ๆ ขายเอง”
ฉินสือโอวไม่สนใจ “คิดว่าสิ่งนี้สามารถทำกำไรได้เท่าไหร่กันครับ? มันจะดีกว่าถ้าผมเอาไปเลี้ยงปลาหลายตัวนะครับ ถ้าให้พูดอีกก็คือ พ่อคิดว่าของแบบนี้จะหาลูกค้าได้ง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ? แค่สำนักงานตรวจสอบสินค้าและควบคุมโรคติดต่อก็ทำให้ติดขัดแล้ว”
พ่อของฉินพูดต่อ “งั้นแกเก็บไว้มากขนาดนั้นเพื่ออะไร?”
อาหารหลายมื้อที่เขาเห็นมานั้น ผู้คนในฟาร์มปลานอกจากฉินสือโอวกับเออร์บักที่ชอบกิน บางครั้งวินนี่ก็ออกไปกินข้างนอก และคนอื่นๆ ก็ไม่มีใครกินเลย พวกเด็กๆ ก็ปกติ เดิมทีตอนที่พวกเขาเป็นเด็กเร่ร่อนก็กินจักจั่นย่างกัน แต่นั่นเป็นเพราะไม่มีทางเลือกซึ่งพวกเขาหิวและไม่มีอะไรให้กินจริงๆ
ฉินสือโอวหัวเราะ “ของสิ่งนี้มีโปรตีนสูง ถ้าเก็บเอาไว้ก็จะไม่เน่าเสีย กินได้อร่อย สามารถกินได้เป็นปีสองปี”
เขาไม่ได้กังวลว่ามันจะเน่าเสีย อย่างไรที่ฟาร์มปลาก็ยังมีคนที่มีความสามารถที่กินเนื้อสัตว์และผักพวกนี้โดยไม่เกรงกลัวอย่างอีวิลสัน นอกจากนั้นหู่จือและเป้าจือก็ชอบกินจักจั่นทอดเหมือนกัน
ตอนเช้าขณะที่ฉินสือโอวกำลังพูดคุยกับชาร์คเรื่องฟาร์มปลาที่มีลูกปลาฟักไข่ออกมาเพิ่ม เหมาเหว่ยหลงก็โทรศัพท์เข้ามาและถามว่า “ไอน้องชาย พ่อกับแม่ของฉันยังอยู่ที่นั่นไหม?”
ฉินสือโอวส่งสัญญาณให้ชาร์คออกไปก่อนอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นก็เอ่ยปากตอบ “อยู่ จะให้ฉันบอกว่าลูกของคุณจะพาลูกสะใภ้และหลานๆ มาเมื่อไหร่ดีครับ? ถึงอย่างไรก็เป็นพี่น้องกันฉันเห็นอย่างชัดเจนว่าพ่อและแม่ของแกก็ยังรักแกอยู่”
เหมาเหว่ยหลงถอนหายใจและหลังจากนั้นก็ไม่พูดอะไรอีกจนในสายเกิดความเงียบ
ฉินสือโอวรู้ว่าภายในใจของพี่ชายเขากำลังเจ็บปวด แต่เขาก็ไม่สามารถพูดอะไรมากมายได้ นี่เป็นเรื่องภายในครอบครัวของคนอื่น ถ้ามองจากทางนี้เขาก็เป็นแค่คนนอก
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เหมาเหว่ยหลงก็พูดด้วยน้ำเสียงที่เหนื่อยล้า “ฉันอยากไปพบพวกเขา น้องชาย ฉันอยากไปมากๆ แต่ฉันรู้จักนิสัยของสองคนนั้นดีกว่าแก ฉันต้องพาซูซูไปด้วย เฮ้อ แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้”
“ทำไมถึงไม่ได้ล่ะ? ฉันก็อยู่ข้างๆ นอกจากนั้นยังมีวินนี่และครอบครัวของฉันอีก มันต้องเป็นไปได้สิ!” ฉินสือโอวพูดอย่างมั่นใจ
เหมาเหว่ยหลงหัวเราะอย่างขมขื่นและพูดด้วยน้ำเสียงที่เปล่าเปลี่ยว “ถ้ามันเป็นไปได้ง่ายขนาดนั้นจริง ฉันจะต้องตัดความสัมพันธ์กับพวกเขาเหรอ? ฉันอยากให้แกอยู่เป็นเพื่อนพ่อแม่ของฉันมากๆ เพื่อให้พวกเขาสบายใจขึ้น ส่วนทางฉันยังต้องเตรียมตัวเรื่องงานแต่งงานอีกหน่อย ความจริงก็ไม่เหลือเรี่ยวแรงแล้ว”
ฉินสือโอวตกใจ “แกจะจัดงานแต่งงานเร็วๆ นี้จริงๆ เหรอ?”
เหมาเหว่ยหลงพูด “คิดว่าฉันพูดเล่นเหรอ? ซ่งจวินเหมยกับเยียนเฟยแต่งงานกันแล้วช่วงวันชาติ ฉันรู้มาจากพวกเขาก่อนหน้านี้ จนถึงตอนนี้ก็เรียกได้ว่าผ่านมานานแล้ว ทุกคนต่างรำลึกถึงอดีตกัน ความรู้สึกตอนเรียนมหาลัยยังไม่กลับมาอีกเหรอ?”
ฉินสือโอวได้ยินเขาพูดแบบนั้นก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาทันที เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมเหมาเหว่ยหลงถึงรีบแต่งงานก็เป็นเพราะคำสัญญาก่อนหน้านี้
ประมาณ 2 เดือนก่อน เหมาเหว่ยหลงกับฉินสือโอวได้คุยกันว่ามีเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยจะแต่งงาน แต่ไม่มีใครมาแจ้งให้ฉินสือโอวรู้ ระหว่างตัวเขากับเพื่อนร่วมชั้นมีเรื่องบาดหมางที่ยากจะก้าวข้ามได้ บ่อยครั้งที่ภายในใจของเขารู้สึกเจ็บปวด
จากนั้นเหมาเหว่ยหลงก็พูดอีกว่าเรื่องนี้ถูกส่งต่อมาให้เขาแน่นอนว่าก็สามารถช่วยเขาแก้ไขปัญหานี้ได้
เดิมทีเหมาเหว่ยหลงก็คิดถึงวิธีนี้ โดยใช้งานแต่งงานของเขามาเป็นสื่อกลางระหว่างเขากับเพื่อสมัยเรียนมหาวิทยาลัยอีกครั้ง
อะไรคือพี่น้อง? ก็นี่ไงพี่น้อง!
ฉินสือโอวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และพูดว่า “แกพูดจริงแหละ พี่หลง แกรีบแต่งงานเพราะจะช่วยเรื่องระหว่างฉันกับเพื่อนมหาวิทยาลัยใช่ไหม?”
เหมาเหว่ยหลงไม่ได้ปิดบัง “มีส่วน แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าคือ ฉันไม่อยากเลื่อนออกไปอีก ฉันต้องแต่งงานกับซูซูให้เรียบร้อย และเป็นครอบครัวที่แท้จริงให้กับตั๋วตั่ว!”
จากนั้นก็เข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง ก่อนที่เหมาเหว่ยหลงจะพูดว่า “ช่วงเวลานี้ที่พวกเราสามคนใช้ชีวิตอยู่ที่ฟาร์มมีความสุขกันมาก นายอาจไม่รู้ น้องชาย ตอนที่ตั๋วตั่วอยู่ประเทศจีนเธอไม่เคยยิ้มเลย ฉันพาเธอไปหาจิตแพทย์ เขาบอกว่าเธอมีภาวะซึมเศร้า”
“ตอนนี้ล่ะ?” ฉินสือโอวตกใจเล็กน้อย ครั้งแรกที่เขาเจอตั๋วตั่วก็รู้สึกว่าเด็กสาวมีปัญหาเรื่องบุคลิกนิดหน่อย แต่ไม่ได้คิดว่าจะเป็นปัญหาที่ร้ายแรงเช่นภาวะซึมเศร้า
“ตอนนี้มีรอยยิ้มทุกวันแล้ว! เมื่อวานฉันกับเธอพาลูกสุนัขไปไล่จับกระต่ายป่าที่วิ่งหนีเข้าไปในพื้นที่เพาะปลูก แกคงไม่เคยเห็นว่าเธอมีความสุขเป็นอย่างไร! ฉันคิดนะว่าแค่ใช้ชีวิตเรียบง่ายแบบนี้ก็พอแล้ว! ฉันไม่ต้องคอยไล่ตามหาอะไรอีก!”เหมาเหว่ยหลงพูดประโยคหลังๆ ด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นมากยิ่งขึ้น
ฉินสือโอวพยักหน้าอย่างเงียบๆ และถามอีกว่า “งานแต่งงานจัดเมื่อไหร่?”
“ประมาณกลางฤดูใบไม้ร่วมครั้งหน้า คนที่จะเชิญมาครั้งนี้ก็ง่ายมากเป็นพี่ไห่ กลุ่มเพื่อนสนิทสมัยเด็กๆ กับพวกเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยของพวกเรา เพื่อนสมัยเด็กของฉันมีเวลาว่างตลอด ตอนนี้ก็รอตารางเวลาของพวกเพื่อนร่วมชั้น ช่วงเวลาไหนที่พวกเขารวมตัวกันได้ ฉันก็จะเลือกช่วงนั้นจัดงานแต่งงาน” เหมาเหว่ยหลงตอบ
ฉินสือโอวขมวดคิ้ว “ไม่ต้องหาวันที่เหมาะสมเหรอ?”
เหมาเหว่ยหลงได้ยินคำพูดนี้ก็หัวเราะและพูดว่า “หาวัน? ไม่ต้องหรอก ที่แคนาดายังให้ความสนใจกับเรื่องแบบนี้อยู่อีกเหรอ? เลือกวันที่ทุกคนสะดวกมาก็พอแล้วล่ะ!”
ฉินสือโอวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ อีกครั้ง “งั้นแกก็เลือกวันเถอะ เลือกได้แล้วก็มาบอกฉัน ไม่ต้องกังวลเรื่องอื่นๆ หรอก”
เขาวางสายแล้วก็คิดว่าจะไปโทรหาเบลค
เบลครับสายของเขาและหัวเราะขึ้นมา “ฉิน นายยังจำได้ใช่ไหมว่ามีฉันคนนี้เป็นหุ้นส่วนอยู่? ฉันคิดว่านายลบเบอร์โทรศัพท์ของฉันทิ้งไปแล้วเสียอีก”
ฉินสือโอวหัวเราะ “จะเป็นอย่างนั้นไปได้อย่างไร ไม่มีเรื่องไร้สาระแบบนั้นหรอก เมื่อเร็วๆ นี้ฉันไปเจอเงาของเรืออับปางลำหนึ่ง…”
“เรืออะไร แล้วมีอะไรบ้าง? พอดีเลย งานประมูลฤดูใบไม้ร่วมกำลังจะเริ่มแล้ว รีบติดต่อหาบิลลี่ให้ไปดำขึ้นมา ถึงตอนนั้นก็จะทำเงินได้จำนวนหนึ่ง!” เบลครู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที
ความจริงฉินสือโอวเจอเรืออับปางที่ไม่ได้มีค่าอะไร และเขาก็ไม่ได้ไปตามหาอย่างจริงจัง เพียงแต่งานประมูลฤดูใบไม้ร่วงก็ใกล้เข้ามาแล้ว อันที่จริงเขาควรจะหาเรือลำหนึ่งเพื่อนำของที่หาเจอออกมาขาย ตอนนี้เงินที่อยู่ในมือของเขามีไม่มากนักซึ่งเป็นช่วงที่เขามีน้อยที่สุดตั้งแต่ครอบครองหัวใจของโพไซดอนมา
อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงแค่เหยื่อที่ใช้ล่อปลาเท่านั้น ความจริงฉินสือโอววางแผนที่จะพักผ่อนหลังจากนี้ แต่เหตุผลที่เขาทำหน้าที่นี้เป็นเพราะ “เมื่อเร็วๆ นี้ฉันไม่มีเวลาไปยุ่งกับเรื่องของเรืออับปางนัก เพราะพี่ชายที่ดีมากๆ ของฉันคนหนึ่งกำลังจะแต่งงาน…”
“เขาอยู่ที่ไหน? ประเทศจีนหรือแคนาดา?” เบลคติดเบ็ดอย่างง่ายดายและยังดูกระตือรือร้นอย่างมาก
ฉินสือโอวพูดว่า “กำลังทำงานอยู่ที่ฟาร์มแห่งหนึ่งในแฮมิลตัน…”
“โอเคเลย รายละเอียดการติดต่อและเรื่องอื่นๆ มอบให้ฉัน ฉันกับแบรนดอนจะจัดการให้นายอย่างเหมาะสมแน่นอน!” เบลคพูดขัดจังหวะเขาอย่างร้อนรน “เพื่อน จำหน้าที่ของนายได้ไหม ตามหาเรืออับปาง หลังจากนั้นก็ให้พวกฉันจัดการเปลี่ยนเป็นเงิน!”
“โอเค งั้นนายช่วยฉันจัดการเรื่องงานแต่งให้เรียบร้อย ฟังคำพูดนี้ให้เรียบร้อย เพราะนี่เป็นงานแต่งงานของพี่ชายฉันซึ่งเป็นงานแต่งครั้งเดียวในชีวิตของเขา! ฉันไม่สนใจเรื่องเงิน ฉันต้องทำให้เขารู้สึกพอใจ!” ฉินสือโอวพูดเตือนหลายครั้ง
เบลคหัวเราะ “คอยดูเถอะฉันจะทำให้เขาพอใจอย่างแน่นอน!”
ฉินสือโอววางสายและเอนกายนอนอยู่บนเก้าอี้ ก่อนจะปล่อยจิตสำนึกแห่งโพไซดอนเข้าสู่ท้องทะเลเพื่อแยกย้ายออกไปค้นหาเรืออับปางอย่างเต็มกำลัง
แม้ว่าเขาเพิ่งจะหลอกเบลคไป แต่ตอนนี้เขาได้คำตอบแล้ว ดังนั้นเขาก็จะจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยอย่างสุดความสามารถแน่นอน
…………………………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset