ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 136 พวกเด็กๆ

บทที่ 136 พวกเด็กๆ
โดย
Ink Stone_Fantasy

ฉินสือโอวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรกลับไปหาเหมาเหว่ยหลง เมื่อปลายทางรับสายแล้ว “เด็กน้อย แกคิดถึงฉันขนาดนี้เลยเหรอ? รอฉันแทบไม่ไหวแล้วใช่ไหมล่ะ? ไอ้ลูกหมา ถ้าพี่ชายไปถึงนิวฟันด์แลนด์จะดูแลแกอย่างดีเลยนะ”
“คิดไปไกลแค่ไหน แกก็ไสตูดไปให้ไกลเท่านั้นเลยนะ! ฉันจะพูดเรื่องจริงจังกับนายอย่างนะ พ่อแกน่าจะรู้จักแพทย์ทหารหรือหมอยาจีนเก่งๆอะไรพวกนั้นใช่ไหม ช่วยฉันหน่อยสิ สั่งยารักษาอาการเนื้องอกในสมองมาให้หน่อย แล้วต้องพกมาด้วยนะ”
“แกจะเอาไปทำอะไร? ไอ้น้อง ฉันนี่แหละแพทย์แผนจีน…….”
“แกเป็นแพทย์แผนจีนด้านการตอแหลน่ะเหรอ? นี่เป็นภารกิจทางการเมืองของแก แกต้องทำให้สำเร็จ ไม่งั้นถ้ามาถึงแล้วฉันเอาแกตายแน่!”
“ไอ้เวรเอ๊ย เว่อร์จริงๆ ช่างเถอะ ฉันไม่เอาพิมเสนไปแลกกับเกลือหรอก แต่ว่าถ้าฉันทำภารกิจเสร็จแล้ว จะมีรางวัลให้ไหม? พูดจริงๆเลยนะ ฉันต้องการรางวัลตอบแทน”
“มี มีรางวัลแน่นอนอยู่แล้ว แกต้องเซอร์ไพรส์แน่ๆ!”
เหมาเหว่ยหลงก็กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที เขาแกล้งทำเสียงเขินอายแล้วพูดว่า “มันคืออะไรอะ รางวัลอันนี้จะได้ติดต่อกับพวก สาวฝรั่ง ผู้หญิงขาวๆสวยๆ หรือพวกดารา A-Vของญี่ปุ่นอะไรพวกนี้หรือเปล่า?”
ฉินสือโอวจินตนาการถึงภาพทุเรศๆของไอ้คนทะลึ่งที่อยู่ปลายสาย เขาหัวเราะเหอะเหอะแล้วตอบกลับไปว่า “แน่นอนอยู่แล้ว แกวางใจเถอะ ต้องเป็นของที่แกไม่เคยคิดมาก่อนแน่นอน น่าตื่นเต้นสุดๆ! A-V ญี่ปุ่นน่ะเล็กน้อย เดี๋ยวฉันจัดอลังการแบบฮอลลีวูดให้นายไปเลย จริงๆ! ใช่แล้ว ช่วงนี้แกก็ออกกำลังกายเยอะๆล่ะ เดี๋ยวถึงเวลาแล้วจะรับไม่ไหว เหอะเหอะ”
เมื่อวางสายแล้ว ฉินสือโอวก็ดูเวลา อืม ยังเตรียมของเซอร์ไพรส์ทัน
“ชาร์ค ซีมอนสเตอร์ นีลเซ็น เรียกอีวิลสันมาประชุมที!” เขายื่นหัวออกจากหน้าต่างแล้วตะโกนเรียกชาร์คและซีมอนสเตอร์ ที่กำลังจัดการกับแหจัดปลาอยู่บนชายหาดพอดี
นอกจากยาจีนแล้ว ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ฉินสือโอวต้องการเช่นกัน นั่นก็คือ สื่อกลางที่เชื่อมต่อเออร์บักกับพลังของจิตสำนึกโพไซดอนเข้าด้วยกัน ซึ่งก็คือน้ำนั่นเอง
เดิมทีเรื่องนี้ไม่ง่ายเท่าไรนัก แต่ตอนนี้ฟาร์มปลามีน้ำพุร้อนที่ยังไม่เคยถูกใช้งานมาก่อน ดังนั้นทุกอย่างก็สามารถจัดการได้ง่ายแล้ว
ตอนที่กำลังทานอาหารกลางวัน ฉินสือโอวพูดกับเออร์บักว่า “คุณปู่เออร์ ผมเจอวิธีการรักษามาแบบหนึ่ง”
เออร์บัก ทานสเต๊กเนื้อไปด้วยแล้วยิ้มพูดกับเขาไปด้วย “ขอบใจนะ ฉิน ฉันว่าวิธีนั้นต้องได้ผลแน่ๆ”
“ใช่แล้วครับ ต้องได้ผลแน่ๆ ปู่ คือผมได้ยาสมุนไพรของแพทย์แผนจีนมากฝีมือท่านหนึ่งมาจากเพื่อนของผม ดื่มพร้อมอาบน้ำอุ่น ได้ผลดีมากๆ” ฉินสือโอวกล่าว
เขาวางแผนไว้ว่า จะให้เออร์บักแช่น้ำพุร้อนส่วนเขาจะใช้พลังของจิตสำนึกโพไซดอนปรับปรุงสภาพร่างกายของเขาแล้วลองดูว่าจะรักษาเนื้องอกในสมองได้หรือไม่ ขณะเดียวกันก็ให้เออร์บักดื่มยาจีนไปด้วย
เออร์บักหัวเราะ แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาไม่เชื่อของที่เรียกว่ายาเทวดาพวกนี้ แต่เขาก็ไม่สามารถปฏิเสธความหวังดีของฉินสือโอวได้
ตอนบ่าย ฉินสือโอวเตรียมตัวพาชาร์คและคนอื่นๆออกไปข้างนอก ก็เห็นแม่กระรอกดินพาลูกๆที่อ้วนพีของมันทั้งห้าตัวเดินเล่นอยู่ในฟาร์มปลา
เมื่อเห็นฉินสือโอว แม่กระรอกดินก็ชำเลืองเขาอย่างใจเย็นไปหนึ่งที ลูกกระรอกดินตัวอ้วนทั้งห้าตัวก็ไม่มีเขาอยู่ในสายตา วิ่งเล่นไล่กันอยู่บนพื้นทรายอย่างโง่เง่า พวกมันกลิ้งไปตามพื้นอยู่บ่อยๆ เหมือนกับว่าฟาร์มปลาแห่งนี้ได้กลายเป็นรังของพวกมันแล้ว
“WHAT THE FUCK นี่มันอะไรกันเนี่ย?”ฉินสือโอวอึ้งไปนิดๆ กระรอกดินพวกนี้จะปรับตัวง่ายเกินไปหรือเปล่า?
เล่นไปได้สักพัก อากาศก็ร้อนขึ้นมาแล้ว แม่กระรอกดินพาลูกๆของมันวิ่งไปตากอากาศที่ใต้ร่มไม้ เสี่ยวหมิงกำลังสัปหงกอยู่บนต้นไม้ เมื่อก้มหน้าลงก็มองเห็นพวกตัวเล็กๆที่ดูเหมือนจะไม่รู้ขอบเขตอยู่ข้างล่าง มันก็กะพริบตาไปมา แล้วกระโดดลงมาจากกิ่งไม้
หางใหญ่ที่นุ่มฟูก็แผ่กว้างออก ดูเหมือนกำลังกางร่มชูชีพ เสี่ยวหมิงกระโดดลงมาถึงพื้นอย่างปลอดภัย มันอยู่ห่างจากพวกกระรอกดินประมาณสองสามเมตร
เมื่อมองเห็นกระรอกแดงเสี่ยวหมิงที่มีลักษณะเหมือนกันกับตัวเองอยู่สี่ห้าส่วน ลูกกระรอกดินทั้งหลายก็หยุดเล่นกัน ดวงตาเล็กใหญ่ของพวกมันจ้องไปที่เสี่ยวหมิงอย่างอยากรู้อยากเห็นอยู่สักพัก ตากนั้นจึงพากันลองหยั่งเชิงเดินเข้าไปหามัน
ฉินสือโอวนั่งคร่อมอยู่บนรั้วไม้ด้านหน้าอาคาร เขายิ้มแล้วพูดว่า “พวกนายว่า เด็กๆพวกนั้นกำลังคิดว่าเสี่ยวหมิงเป็นพ่อพวกมันหรือเปล่า?”
ชาร์คหัวเราะฮ่าฮ่าแล้วตอบว่า “คุณเล่นอะไรเนี่ย ตัวของกระรอกดินมีขนาดยี่สิบเซนติเมตรนะ แล้วเสี่ยวหมิงล่ะ? ยังใหญ่ไม่ถึงสิบเมตรเลยด้วยซ้ำ!”
ซีมอนสเตอร์หัวเราะหึหึออกมา เขาผลักชาร์คหนึ่งครั้งแล้วพูดว่า “นายหมายความว่ายังไง เพื่อน บางทีเสี่ยวหมิงอาจจะมีพรสวรรค์ก็ได้นะ? ร่างกายเล็กก็ไม่ได้หมายความว่าอย่างอื่นจะเล็กนี่”
นีลเซ็นก็หัวเราะออกมาบ้าง เขาส่ายหัวแล้วพูดขึ้นมาว่า “พวกนายสองคนทะลึ่งเกินไปแล้ว ฉันรับไม่ได้ ตรงนี้ยังมีคนสามคนที่ยังไม่ได้แต่งงานนะ คิดถึงพวกเราหน่อย โอเค้?”
อีวิลสันมองฉินสือโอวและคนอื่นๆที่เหลือที่กำลังหัวเราะอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย ผ่านไปสักพักเขาก็พูดว่า “อันนั้น อร่อย แต่ว่าเล็กเกินไปหน่อย รอให้พวกมันโต แล้วค่อยถลกหนังแล้วย่างมันกินจะอร่อยมาก”
ที่จริงเสี่ยวหมิงก็เป็นกระรอกเด็กเหมือนกัน มันชอบเล่นสนุกมากๆ ที่ฟาร์มปลามีแค่มันกับกระรอกแดงอีกตัวหนึ่งในป่ามีกระรอกอยู่เยอะมากแต่มันก็ไม่อยากไป ดังนั้นปกติแล้วมันจึงเหงามากๆ ตอนนี้เจอกระรอกพันธุ์ใกล้เคียงกัน ก็ต้องตื่นเต้นเป็นธรรมดา
ลูกๆกระรอกดินมุงดูมันด้วยความสนใจ มันกางหางใหญ่ๆของตัวเองออกเพื่อให้เด็กๆได้เล่น แม่กระรอกจึงหาที่นอนสบายๆบนพื้นหญ้าแล้วฟุบลงไป ไม่เหลือท่าทีของแม่ที่รักลูกอย่างเมื่อหลายคืนก่อนหน้าแล้ว มันไม่ได้สนใจลูกตัวเอง เพียงแค่ปิดตาลงแล้วก็เริ่มหลับไป
“มันดูสบายใจจังเลยนะ แถมยังไม่กลัวเสี่ยวหมิงจะกินพวกมันด้วยน่ะเหรอ?”ชาร์คพูดหยอก
นีลเซ็นยักไหล่แล้วตอบว่า “พวกเรานี่น่าเบื่อจริงๆ จะมาดูกระรอกแดง กระรอกดินพวกนี้ทำไมกัน? ฉันว่า เรารีบซ้อมกันดีกว่า ระยะห่าง 10อันดับก็นับว่าใกล้มากแล้ว”
ต่อมาหู่จือและเป้าจือก็วิ่งเล่นออกมาจากอาคาร เมื่อเห็นกระรอกดินตัวเล็กที่อยู่ใต้ร่มไม้ พวกมันก็พวกมันก็เอียงหัวดูอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เลียปาก แล้ววิ่งเหยาะๆไปที่ต้นไม้ต้นนั้น
สุนัขพันธุ์แลบราดอร์ริทรีฟเวอร์มีฝีเท้าที่เงียบและเบา พวกมันเป็นดาวเด่นของหมูสุนัขล่าสัตว์
แต่ปรากฏว่าหู่จือและเป้าจือวิ่งออกไปได้ไม่กี่ก้าว แม่กระรอกดินตัวนั้นก็ลืมตาขึ้น เมื่อมันมองเห็นสุนัขน่าชังที่เคยเกือบจะฆ่าครอบครัวของตัวเอง แม่กระรอกดินก็รีบลุกขึ้น แล้วพุ่งไปทางด้านหน้าของลูกๆของมันแล้วจ้องมองหู่จือและเป้าจือที่วิ่งเข้ามาด้วยความกังวล
หู่จือและเป้าจือมองพวกกระรอกดินอย่างไม่มีเจตนาดี พวกมันไม่ได้อยากจะกัดเจ้าพวกสัตว์ตัวเล็กพวกนี้ เพียงแต่อยากจะขู่ลูกกระรอกดิน สักหน่อยก็เท่านั้น นี่เป็นนิสัยโดยธรรมชาติของลูกหมา ของกลั่นแกล้งสัตว์ตัวอื่น
เสี่ยวหมิงที่เพิ่งจะสะบัดหางเล่นกับลูกๆกระรอกดินเมื่อเห็นหมาพันธุ์แลบราดอร์ริทรีฟเวอร์วิ่งเข้ามา ก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที หางของมันตั้งตรงขึ้นมาเหมือนกับเสาธง มันวิ่งราวกับลูกธนูที่พุ่งปราดออกไป มันแยกเขี้ยวโชว์ฟันหน้าสีขาววาววับให้หู่จือและเป้าจือ
เอาน้ำเกลือต้มเต้าหู้ ของสิ่งหนึ่งต้องจัดการด้วยของอีกอย่างหนึ่ง
หู่จือและเป้าจือองอาจกล้าหาญและเชี่ยวชาญเรื่องศึกมาตั้งแต่เด็ก แต่ก็มักจะหมดปัญญากับกระรอกตัวน้อยนี้ ตอนที่เพิ่งจะมาถึงฟาร์มปลาพวกมันมักจะขัดแย้งกันอยู่หลายครั้ง พวกมันต้องเจ็บช้ำบ่อยๆแต่เสี่ยวหมิงกลับได้เปรียบพวกมันอยู่เสมอ ทุกครั้งที่ทะเลาะกันพวกมันล้วนแต่เป็นฝ่ายเสียเปรียบ
ต่อมาหมาแลบราดอร์ก็เติบโตขึ้นในที่สุด ฉินสือโอวก็ไม่ปล่อยให้พววกมันทะเลาะกันอีกแล้ว ดังนั้นหู่จือและเป้าจือจึงไม่เคยเป็นฝ่ายได้เปรียบในการต่อสู้ระหว่างพวกมันกับเสี่ยวหมิงมาโดยตลอด ถึงแม้ว่าทุกวันนี้จะมีร่างกายที่ได้เปรียบอย่างแน่นอน ทว่าพวกมันก็ยังคงหวาดกลัวเสี่ยวหมิงอยู่เล็กน้อย
เสี่ยวหมิงมีท่าทางดุดันกระฟัดกระเฟียด หู่จือและเป้าจือจึงหมดอารมณ์ที่จะแกล้งขู่ให้กลัวแล้ว พวกมันทั้งสองตัววิ่งวนพวกกระรอกดินอยู่ไม่กี่รอบ ก็รีบวิ่งกลับไปที่อาคารอย่างหมดสนุก
ฉงต้าหาวออกมาหนึ่งครั้งแล้วจึงส่ายก้นที่นับวันก็ยิ่งอ้วนขึ้นของมันเพื่อปีนออกมา หู่จือและเป้าจือฉลาดมาก พวกมันคิดจะกลั่นแกล้งยั่วยุ จึงเห่าไปทางกระรอกน้อยอย่างบ้าคลั่ง
ฉงต้ามองไปอย่างอยากรู้อยากเห็น เมื่อมองไปเห็นพวกสัตว์ตัวเล็กกระจิริดก็รู้สึกสนใจขึ้นมาทันที รังแกผู้ที่อ่อนแอกว่าแต่กลัวคนที่แข็งแกร่งกว่าเป็นของถนัดของมันมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
มองเห็นฉงต้าที่สูงขนาดครึ่งเมตร กับรอบเอวที่กว้างอีกครึ่งเมตรของมัน ขาหน้าของแม่กระรอกดินก็ยิ่งเพิ่มความเร็วในการขุด ใช้ความเร็วราวกับสายฟ้าแลบขุดรูเล็กๆออกมาหนึ่งรู แล้วพาลูกๆของมันมุดเข้าไป
เมื่อเป็นเช่นนี้ฉงต้าก็กระหยิ่มยิ้มย่องขึ้น มันวิ่งไปข้างหน้าหลายก้าว แล้วจึงใช้อุ้งตีนอ้วนๆของมันตบลงไปที่พื้นดิน แล้วส่งเสียงคำราม ‘โฮกโฮก’ ออกมา ท่าทางแบบนั้นดุดันน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก
ฉินสือโอวหลุดยิ้มออกมา เขาเดินเข้าไปใช้มือหิ้วหูของฉงต้าแล้วลากกลับเข้ามา “ชาร์ค นายพาหมาไปด้วย พวกเราควรจะฝึกซ้อมกันสักหน่อย”
นีลเซ็นสตาร์ทรถกระบะ ที่นั่งด้านหลังมีปืนพกและปืนยามอยู่หลายกระบอก ดูแล้วน่าสะพรึงกลัว
………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset