ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 825 ตราของต้าฉิน

ความก้าวหน้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของการล่าสมบัติในยุคปัจจุบันคือการร่างแผนที่ก้นทะเลได้
หลังจากซูเปอร์คอมพิวเตอร์ให้ตำแหน่งที่จมโดยประมาณของซากเรือ บิลลี่ก็สั่งเรือกอบกู้ให้ปล่อยเรือสปีดโบ๊ทสำรวจ 2 ลำออกไปทันที บนเรือสปีดโบ๊ททุกลำติดตั้งอุปกรณ์โซนาร์ที่ผลิตโดยบริษัทเอดจ์เทคเอาไว้สองเครื่อง
ด้วยวิธีการสำรวจผ่านคลื่นโซนาร์ คอมพิวเตอร์จะระบุภูมิประเทศบริเวณรอบๆ ที่ตั้งของซากเรือและร่างออกมาได้อย่างสมบูรณ์ แล้วจะมองเห็นความโค้งกับความนูนของมิติใต้ก้นทะเลสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน จากสิ่งนี้เห็นได้ชัดเจนว่าพลังของวิทยาศาสตร์กับเทคโนโลยีในยุคปัจจุบันทรงพลังมากขนาดไหน
ตามธรรมชาติ ลักษณะของซากเรือทั้ง 3 ลำที่ยังหลงเหลืออยู่แสดงออกมาแล้ว ความลึกลับเรื่องรูปร่างของพวกมันที่ถูกปกปิดไว้ได้ถูกเปิดเผยแล้ว
ฉินสือโอวอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ เดิมทีบิลลี่ไม่ได้ทำอะไรเลยก็แค่ป้อนชุดคำสั่งลงไปเท่านั้น ทุกอย่างก็อยู่ภายใต้การควบคุมแล้ว ไม่อยากจะยอมรับ เขาประเมินพลังของเทคโนโลยีกับวิทยาศาสตร์ในยุคปัจจุบันต่ำไป
จริงสิ ถ้าพึ่งพาแค่หัวใจโพไซดอน การค้นพบซากเรือทั้ง 3 ลำก็ไม่ใช่ปัญหา แม้ว่าระยะเวลาในการใช้จะสั้นมาก แต่พลังที่ใช้ก็จะยิ่งใหญ่กว่า ซากเรือทั้ง 3 ลำอยู่ไกลจากกันและกันมาก ระหว่างซากเรือ 2 ลำที่ไกลที่สุดมีระยะห่างถึง 10 กิโลเมตร!
ซากเรือถูกพบแล้ว สิ่งที่ต้องทำต่อมาก็คือขนสิ่งของทุกอย่างที่มีค่าขึ้นมาบนเรือ บิลลี่ชวนฉินสือโอวให้อยู่ต่อและคอยดู แต่กระบวนการนี้ซับซ้อนและช้าเกินไป เพียงแค่ควบคุมหุ่นยนต์ใต้ทะเลลึกให้ลงไปที่ซากเรือทั้ง 4 ส่วนก็ใช้เวลาถึง 40 ชั่วโมงกว่าแล้ว
ฉินสือโอวไม่ได้มีความอดทนมากขนาดนั้น เขาถามบิลลี่ว่าใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะจัดการสมบัติใต้ทะเลที่อยู่ด้านในนั้นได้จนเสร็จสมบูรณ์ บิลลี่ประเมินดูนิดหน่อยและตอบว่าอย่างน้อยก็ประมาณ 5 ถึง 6 วัน
เมื่อเห็นอย่างนั้น ฉินสือโอวก็ตบไปที่หลังและพูดว่าเขาขอไปไมอามีจัดการเรื่องสินค้าที่อยู่บนเรือก่อน ให้บิลลี่จัดการที่นี่ด้วยตัวเอง เขาต้องไปพักผ่อนนิดหน่อย
หลังจากล่องลอยอยู่บนทะเลมาเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ ฉินสือโอวก็รู้สึกว่าการกลับขึ้นฝั่งครั้งนี้ค่อนข้างดี อย่างไรปลาบนเรือที่จับมาได้ก็เพียงพอแล้ว
นอกจากปลาจะละเม็ดขาวกับปลาแมคเคอเรล เรือฮาวิซทยังจับปลาดุกทะเล ปลามะได ปลาดาบและอื่นๆ ได้อีกจำนวนมาก น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมามากกว่า 60 ตันจึงต้องกำจัดทิ้งไปบ้าง ไม่อย่างนั้นน้ำมันดีเซลที่ใช้ในการทำความเย็นทุกวันจะน่ากังวลมาก
ระหว่างทางฉินสือโอวโทรศัพท์หาบัตเลอร์ ลุงดำหนวดใหญ่แห่งไมอามีเก่งกาจจนน่าสับสนจริงๆ แถมมีความสัมพันธ์อันเป็นพิเศษและใกล้ชิดกับพวกยามชายฝั่งอีก ช่วงเวลานั้นจะเจอยามชายฝั่งมาตรวจสอบเรือ แต่เมื่อลุงดำหนวดใหญ่พูดกับพวกยามชายฝั่งไม่กี่ประโยค ประสิทธิภาพของพวกยามชายฝั่งก็เร็วขึ้นมาก
มันน่าทึ่งมาก ถ้าเรือต่างประเทศลำหนึ่งต้องการที่จะหลีกเลี่ยงการซักถามของยามชายฝั่งกับศุลกากรอย่างสมบูรณ์ นั้นเป็นไปไม่ได้เลย ถ้าเกิดเรื่องขึ้นยามชายฝั่งกับเจ้าหน้าที่จะต้องถูกไล่ออกเพื่อเป็นการรับผิดชอบ
ดังนั้นการดูซีรีส์อเมริกันทีวีกับหนังฮอลลีวูด บางครั้งก็มีพล็อตเรื่องที่เล่าว่าเมื่อเอฟบีไอหรือเจ้าหน้าที่พิเศษอะไรนั่งเรือเข้าประเทศพร้อมกับข้อมูลลับสุดยอด ยังต้องได้รับการตรวจสอบจากยามชายฝั่ง ถึงแม้ว่าจะแสดงหนังสือรับรองที่เกี่ยวข้องก็ไม่ได้รับการยกเว้น
ทว่านี่ไม่ใช่หนังที่ฉายในโทรทัศน์ที่ทำให้การบังคับใช้กฎหมายของสหรัฐดูดี แต่เพราะนี่เป็นกฎที่บังคับใช้กฎหมาย การละเมิดกฎหมายบางอำนาจหรือบางส่วนอย่างมากที่สุดก็จะถูกวิพากษ์วิจารณ์ แต่ถ้ามีช่องโหว่การบังคับใช้กฎหมายเกิดขึ้นก็จะถูกไล่ออกจากงาน
บัตเลอร์รอผู้สัญจรอย่างฉินสือโอวอยู่บนท่าเรือ เมื่อเห็นเรือฮาวิซทเข้ามาเทียบท่า ลุงดำหนวดใหญ่ก็ถอดแว่นกันแดดสีดำเข้มออกและขึ้นไปต้อนรับฉินสือโอว หลังจากเจอกันก็ให้อ้อมกอดทีหนึ่งกับเขา
“ผมพึ่งพูดกับเพื่อนว่าในที่สุดคุณก็ยอมออกเดินทางจากเกาะสมบัติเล็กๆ นั่น มาเถอะ ผมจะพาคุณไปดูร้านค้าสุดพิเศษของพวกเรา ผมกล้าพนันเลยว่าคุณจะต้องพึงพอใจอย่างแน่นอน!” บัตเลอร์กอดคอฉินสือโอวและพูดอย่างใกล้ชิด
ตั้งแต่รู้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างฉินสือโอวกับตระกูลมอร์รี่ บัตเลอร์ก็มีความประทับใจต่อฉินสือโอวเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า หากไม่ใช่เพราะสีผิวของทั้งสองคนแตกต่างกัน พวกเขาอาจจะกลายเป็นพี่น้องกันไปแล้วก็ได้
บัตเลอร์ไม่ได้พาฉินสือโอวไปที่ร้านขายอาหารทะเลสุดพิเศษในทันที แต่ส่งพวกเขาไปพักผ่อนที่โรงแรมก่อน บนเรือมีห้องโดยสาร แต่ที่ทะเลมีลมและคลื่น คุณภาพการพักผ่อนบนเรือที่สั่นสะเทือนอย่างไม่หยุดหย่อนคงพักได้ไม่เท่าไหร่อย่างแน่นอน
ฉินสือโอวพักไปแล้ว 2 ชั่วโมง พลังก็เกือบจะฟื้นตัวแล้ว บัตเลอร์กลับไปจัดการเรื่องธุรกิจและปล่อยให้คนขับรถคนหนึ่งรอให้เขาตื่นขึ้นมาและติดต่อกับคนขับรถโดยตรง
ลุงดำหนวดใหญ่มองดูเหมือนคนหยาบคาย แต่ความจริงแล้วเป็นคนเอาใจใส่ คนขับรถที่เขาจ้างก็เป็นคนสัญชาติจีนคนหนึ่ง ฉินสือโอวคุยเล่นกับเขาหลังจากขึ้นไปบนรถ ไม่คาดคิดว่ายังเป็นคนบ้านเดียวกันที่เพิ่งจะย้ายมาอยู่ที่ไมอามีได้ไม่ถึง 2 ปี
หลังจากพูดคุยก็ได้รู้ว่า ตอนที่เพื่อนบ้านคนนี้อยู่ประเทศจีนเคยเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยอีกด้วย ฉินสือโอวประหลาดใจในทันทีและถามว่า “ไมอามีตอนนี้เงินเดือนต่างกันขนาดนี้? ปกติอาจารย์ยังต้องทำงานส่วนตัวเพื่อช่วยเหลือครอบครัวด้วยใช่ไหม?”
คนขับรถวัยกลางคนยิ้มอย่างขมขื่น “ผมตอนนี้ไม่ใช่อาจารย์แล้ว บางครั้งก็รับงานติวเตอร์นิดหน่อย แต่ก็เป็นติวเตอร์สอนคนดำ เอเจนซี่รับเงินไปพวกเราก็ได้เงินไม่เท่าไหร่ ตอนนี้คนขับรถก็ถือเป็นงานหลักของผม”
ฉินสือโอวถามว่า “งั้นในกรณีแบบนี้ ทำไมคุณไม่อยู่ที่ประเทศจีนล่ะ? ย้ายมาที่นี่มีความจำเป็นอะไร?”
คนขับรถวัยกลางคนถอนหายใจอย่างผิดหวัง “ทุกอย่างเกิดจากภรรยาของผมเอง เธอถูกส่งมาสหรัฐอเมริกาเพื่อทำธุรกิจ หลังจากมาถึงแล้วก็รู้สึกว่าทุกอย่างดีและเธอต้องย้ายมาอยู่ที่นี่ ผมไม่มีทางเลือก นอกจากจะต้องทำเรื่องย้ายมาด้วยกันกับภรรยา ผลคือเมื่อมาถึงไมอามีและพบว่าหนังสือรับรองส่วนใหญ่ของผมที่ประเทศจีนไม่มีประโยชน์ โรงเรียนของผมก็ไม่เป็นที่รู้จัก กลับกันก็มีแค่ใบขับขี่ใบนั้นที่ใช้งานได้”
หลังจากพูดจบ เขาก็ยิ้มอย่างขมขื่นขึ้นมาอีกครั้ง
ฉินสือโอวมองเขาด้วยความเห็นอกเห็นใจและพูดว่า “งั้นทำไมไม่กลับไปล่ะ? ก็ทำเหมือนว่ามาสหรัฐอเมริกาเพื่อท่องโลกรอบหนึ่งก็ได้”
คนขับรถวัยกลางคนส่ายหน้าและพูดว่า “ไม่ได้ครับ หนึ่งคือไม่สามารถรักษาหน้าได้ สองคือไม่สามารถกลับไปได้ การนำสัญชาติของประเทศแม่กลับมาไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น ผมเคยลองมาแล้วหลายครั้ง แต่ก็ล้มเหลวทุกครั้ง!”
ฉินสือโอวไม่มีอะไรจะพูดอีก เขาไม่มีความรู้เกี่ยวกับด้านนี้ นอกจากนี้เขากับคนขับรถก็ไม่ได้รู้จักกันเป็นอย่างดี
ตรงกันข้ามคนขับรถวัยกลางคนกลับสนุกสนานกับการสนทนาเป็นอย่างมาก และคุยเล่นกับเขาไปตลอดทาง ก็อาจจะเป็นเรื่องยากที่จะเจอเพื่อนที่สามารถใช้ภาษาบ้านเกิดสื่อสารกันได้ ซึ่งเป็นความรู้สึกที่แปลกเหมือนกัน
เขาถามถึงความสัมพันธ์ของฉินสือโอวกับบัตเลอร์ ฉินสือโอวจึงถามเขากลับว่ารู้จักบัตเลอร์ด้วยเหรอ เขาก็พูดว่านั่นเป็นหนึ่งในลูกค้าคนสำคัญของเขา ภายในหนึ่งเดือนธุรกิจ 1 ใน 4 ต้องให้บัตเลอร์เป็นคนดูแล
ได้ยินความหมายของคนขับรถวัยกลางคน ตอนนี้บัตเลอร์เป็นคนที่เก่งมากในไมอามี เขาเปิดทางที่จะนำเขาไปสู่วงชั้นสูงผ่านอาหารทะเล ทุกๆ วันจะมีงานปาร์ตี้ งานสังสรรค์และกิจกรรมอื่นๆ ยิ่งกว่านั้นยังมีรสนิยมสูงมาก
ที่ตั้งของร้านขายอาหารทะเลแบรนด์ต้าฉินนั้นตั้งอยู่ที่ปลายถนนแอนท์ของเมืองไมอามี อีกชื่อหนึ่งของถนนสายนี้ก็คือตลาดอาหารทะเล ซึ่งไม่ใช่ถนนตลาดที่สกปรกแบบนั้น บนถนนสายนี้เรียงรายไปด้วยร้านค้าอาหารทะเล กลุ่มลูกค้าที่สำคัญคือการทำธุรกิจของร้านอาหารนักท่องเที่ยวกับชนชั้นสูง
ถนนแอนท์มีความยาวประมาณ 200 เมตรกว่า นักท่องเที่ยวกับรถขนส่งอาหารทะเลมักจะมาตามถนนสายนี้ ที่ปลายทางของถนนเป็นอาคารเล็กๆ 2 ชั้นที่กว้างมาก บนอาคารขนาดเล็กมีป้ายบิลบอร์ดขนาดใหญ่อยู่ ซึ่งใช้ภาษาอังกฤษกับภาษาจีนเขียนไว้ว่า ‘ต้าฉินอาหารทะเลพรีเมียม’
ฉินสือโอวลงจากรถและเงยหน้าขึ้นดูป้ายนี้พลางคิดว่าการทำงานร่วมกับบัตเลอร์เป็นการหาคนที่ถูกต้องแล้วจริงๆ ภาษาจีนที่เพื่อนคนนี้ใช้ไม่ใช่อักษรจีนตัวย่อ แต่เป็นตัวอักษรจีนที่ใช้ในราชวงศ์ฉินเหมือนกับบอร์ดที่ปู่คนที่ 2 ของฉินสือโอวที่ทิ้งไว้ให้ที่ฟาร์มปลาต้าฉินซึ่งตัวอักษรที่ใช้ก็คือตัวอักษรจีนที่ใช้ในราชวงศ์ฉิน
พื้นหลังของป้ายเป็นนักกีฬาคนหนึ่งซึ่งเป็นฮีโร่ประจำเมืองไมอามี ‘ดเวน เวด’
เมื่อเห็นคนดังคนนี้ยิ้มบนป้ายบิลบอร์ดและมองดูตัวเอง ฉินสือโอวก็เสียวสันหลังขึ้นมานิดหน่อย
…………………………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset