ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 137 บิ๊กเซอร์ไพรส์

บทที่ 137 บิ๊กเซอร์ไพรส์
โดย
Ink Stone_Fantasy

วันที่ 10 มิถุนายน สนามบินนครเซนต์จอห์น ฟอกเกอร์F50 เครื่องบินโดยสารลำเล็กก็ค่อยๆลดระดับลงสู่รันเวย์
นี่เป็นเครื่องบินโดยสารขนาดเล็ก มีที่นั่งเพียงสิบหกที่เท่านั้น เป็นเครื่องบินบินตรงสำหรับขนส่ง เครื่องยนต์ที่ใช้ก็ยังเป็นแบบ Twin engine turboprop ผลิตขึ้นมาตั้งแต่สามสิบปีก่อนแล้ว แต่เนื่องจากว่าการบำรุงรักษาไม่ยุ่งยาก ปริมาณการเผาผลาญน้ำมันต่ำ จึงเป็นที่นิยมมากในอเมริกาเหนือ
เครื่องบินหยุดลง เหมาเหว่ยหลงก็สะพายเอากระเป๋าสวิสส์เกียร์ และถือเอากระเป๋าเดินทางเดินออกมา เขามองเครื่องบินที่จอดอยู่ผ่านกระจกที่กั้นอยู่ตรงระเบียงทางเดิน ก็พูดพึมพึมพำพำกับตัวเองว่า “ที่แคนาดาก็ยังมีเครื่องบินเล็กแบบนี้อยู่อีกเหรอเนี่ย น่าสนใจจริงๆ แต่คุณภาพของแอร์โฮสเตสแย่เกินไป ต้องโดนวิจารณ์แน่ๆ!”
เขาบ่นพึมพำมาตลอดทาง ภายใต้การนำทางของพนักงานบริการภาคพื้นดิน เขาก็เดินมาถึงโถงใหญ่ของสนามบินแล้ว เขาหยิบสัมภาระที่เหลืออยู่ของตัวเองออกมาจากสายพาน บนสายพานมีกระเป๋าอยู่ถึงแปดใบเต็มๆ! กระเป๋าเล็กกระเป๋าใหญ่ จำนวนมากกว่าของคนสองคนเสียอีก!
เขาจ่ายเงินร้อยดอลลาร์ เพื่อเช่ารถขนของไฟฟ้ามาหนึ่งคัน เหมาเหว่ยหลงเดินออกมาจากสนามบิน แล้วจึงโทรหาฉินสือโอว
ต่อสายโทรออกไปแล้ว แต่กลับไม่มีคนรับ เหมาเหว่ยหลงเกาศีรษะแกรกๆ ในใจเริ่มจะกังวล ก่อนจะขึ้นเครื่องบิน ฉินโซ่วยังรับโทรศัพท์อยู่เลย เขาก็บอกเวลาลงเครื่องไปแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงไม่มีคนรับสายโทรศัพท์ล่ะ?
รถขนของไฟฟ้าของสนามบินส่งถึงแค่บริเวณทางออกเท่านั้น เด็กวัยรุ่นใจดีคนหนึ่งที่ขับรถมาก็เตือนเขาว่า “คุณผู้ชาย คุณมาเที่ยวที่นครเซนต์จอห์นเหรอ? อยากให้ผมช่วยเรียกรถให้ไหม?”
เหมาเหว่ยหลงกดโทรศัพท์โทรออกอีกครั้ง เขาส่ายหัวแล้วพูดว่า “ขอบคุณมาก แต่ไม่ต้องหรอกครับ เดี๋ยวเพื่อนผมมารับ”
เด็กวัยรุ่นคนนั้นไม่ได้พูดอะไรอีก เขาช่วยเหมาเหว่ยหลงยกกระเป๋าลง แล้วพูดว่า ‘ขอให้เที่ยวให้สนุกนะครับ’ แล้วจึงจากไป
เหมาเหว่ยหลงรออยู่ที่ริมถนนด้วยความวิตกกังวล รถแท็กซี่คันหนังขับเข้ามาถามเขาว่าต้องการจะเรียกรถไหม เขาจึงปฏิเสธไปด้วยความเร่งรีบ
แค่ครู่เดียว รถคาดิลแลคที่หรูหราโอ่อ่าก็ขับเข้ามา เหมาเหว่ยหลงมองดูรถคันนั้น ไม่ต้องดูภาพถ่าย ก็รู้ว่าฉินสือโอวมาถึงแล้ว
รถหยุดลง ฉินสือโอวเดินยิ้มลงมาจากรถ เขาไม่ได้พูดอะไรมากแต่เข้าไปกอดเขาโดยทันที
“เป็นยังไงบ้าง เหนื่อยไหม? นั่งมาตลอดทางคงจะลำบากแย่เลย”
“เหนื่อยสิ แต่พอได้มาเจอนายก็ไม่เหนื่อยแล้ว ฮ่าฮ่า นายทำได้ไม่เลวเลย แถมยังขับรถคาดิลแลค วันมาด้วย! แต่ว่านะ แล้วกระเป๋าของฉันจะต้องเก็บยังไงอะ?”
มองดูกระเป๋ากองใหญ่ ฉินสือโอวแบะปาก เขาฝืนยิ้ม ไอ้หมอนี่จะย้ายมาอยู่ถาวรหรือยังไง เขาจึงตัดสินใจหารถเพื่อมาขนกระเป๋าไปอีกคัน
เหมาเหว่ยหลงก็กลับมาร่าเริงกระฉับกระเฉงอีกครั้ง เมื่อสิบชั่วโมงก่อนบนเครื่องบินไม่ได้พูดกับใครเลย เขาเกือบจะขาดใจตายแล้ว ดังนั้นเมื่อเจอกับฉินสือโอวเขาจึงพูดออกมาไม่หยุด สุดท้ายก็ลากฉินสือโอวมาแอบถามว่า “นี่ ไหนนายบอกว่าถ้าเจอฉันจะจัดเซอร์ไพรส์ครั้งใหญ่ให้ยังไงล่ะ แค่กแค่ก……”
รถกระบะฟอร์ดF150คันใหญ่หนึ่งคันก็ขับเข้ามาด้วยความรวดเร็ว ต่อมาประตูรถก็ถูกเปิดออก ผู้ชายสูงใหญ่ ร่างกายบึกบึนก็ลงมาจากรถแล้วมุ่งตรงมาทางพวกเขา
ชายสองคนที่ปรากฏตัวล้วนแต่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว เนกไทสีดำ สวมสูทสีดำบนใบหน้าสวมใส่แว่นตากันแดด BOLON สีดำ ปรากฏให้เห็นเพียงครึ่งหนึ่งของใบหน้า บนคางเต็มไปด้วยหนวดหนาแน่น เหมาเหว่ยหลงลองมองดู ก็สัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิตที่พุ่งเข้ามา จึงได้รีบหลบ
ทว่า เรื่องนี้ถูกกำหนดไว้ให้มาหาพวกเขา ต่อให้เขาหลบก็ไม่มีประโยชน์อะไร ชายร่างใหญ่คนหนึ่งก็เดินเข้าไปหาฉินสือโอวโดยตรงและพูดต่อหน้าเขาอย่างเย็นชาว่า “สวัสดีครับ คุณฉินจากฟาร์มปลาต้าฉินใช่ไหม?”
เหมาเหว่ยหลงก็นิ่งไปทันที เขารู้สึกได้ถึงสีหน้าที่เปลี่ยนไปของฉินสือโอว ในใจของเขาก็แอบรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไร
ฉินสือโอวกระแอมไอแล้วพูดขึ้นว่า “ขอโทษด้วยครับ พวกเราหารถขนของได้แล้ว ดังนั้นจึงไม่ต้องใช้รถกระบะของพวกคุณ……โคโกโร่ รีบวิ่งตามฉันมา……”
เมื่อพูดจบ เขาก็ทิ้งกระเป๋าเดินทางที่อยู่ในมือแล้วลากเหมาเหว่ยหลงให้วิ่งตามมา
เหมาเหว่ยหลงตกตะลึง นี่มันอะไรกันเนี่ย?
ชายร่างใหญ่อีกคนที่หน้าตาดูน่ากลัวยิ่งกว่าก็รีบวิ่งเข้าไปขวางฉินสือโอวเอาไว้ ชายร่างใหญ่ท่าทางน่ากลัวทั้งสองคนก็ล้อมเอาไว้ทั้งซ้ายและขวา เหมาเหว่ยหลงก็ตะโกนขึ้นมาด้วยความลุกลี้ลุกลน “ตำรวจ รปภ. …….”
ชายสองคนประกบพวกเขาไว้ ชายร่างใหญ่ทั้งสองคนลากแขนพวกเขาเอาไว้คนละข้าง เปิดประตูออก แล้วดันพวกเขาเข้าไปในรถ จากนั้นก็ตามมานั่งในรถด้วยกัน
“ปล่อยฉันลงรถ พวกแก……” เหมาเหว่ยหลงทั้งดิ้นรนขัดขืน ทั้งตะโกนไปด้วย ปรากฏว่าพอเขาพูดได้แค่ครึ่งเดียวก็ถูกปิดปากเอาไว้อยู่ดี เขามองด้วยสายตาหวาดกลัว ชายหนุ่มคนขับที่มีใบหน้าเคร่งขรึม ก็ควักปืน M1911A1 ออกมาหนึ่งกระบอก !
มีชายร่างใหญ่อีกคนที่นั่งอยู่บนเบาะข้างคนขับ ก็หยิบเอาปืนพกออกมา แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “คุณฉิน คุณบอกให้เพื่อนของคุณเงียบดีกว่านะ บอส ของพวกเราแค่อยากเชิญคุณไปเป็นแขก ไม่ได้มีเจตนาอื่น”
ในฐานะที่เป็นคนที่ชื่นชอบทหารเหมาเหว่ยหลงมองดูแค่แวบเดียวก็ดูออก ปืนที่อยู่ในมือของผู้ชายคนนั้นคือ ปืนกล็อก 17 ที่มีชื่อเสียงดังระดับโลก และเนื่องจากเหตุผลเกี่ยวกับครอบครัว เขาเคยลองเล่นปืนจริงมาแล้วหลายครั้ง ตอนนี้เมื่อลองวินิจฉัยดู ปืนที่อยู่ในมือของสองคนนี้ ต่างก็ไม่ใช่ของปลอมแน่นอน!
คราวนี้เหมาเหว่ยหลงจึงเริ่มกลัวขึ้นมาแล้ว เขามองฉินสือโอวด้วยความกระวนกระวายใจ ในใจของเขาก็กลัดกลุ้มเป็นอย่างมาก นี่มันเรื่องอะไรกัน วะเนี่ย? ตัวเขาว่าวางแผนว่าจะมาเที่ยวกับมหาเศรษฐีแท้ๆ ทำไมถึงได้ถูกลักพาตัวมาพร้อมกับมหาเศรษฐีซะได้?”
เขาหันหลังกลับไปดู ก็พบว่าฉินสือโอวมีสีหน้าเรียบนิ่ง สองมือจับโทรศัพท์ไว้ด้านหลังของตัวเองแล้วขยับนิ้วด้วยความรวดเร็ว แสดงให้เห็นว่ากำลังพยายามส่งข้อความ
ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เหมาเหว่ยหลงก็ไม่กล้าพูดออกมา จึงทำได้แค่มองฉินสือโอวตาปริบๆ
ฉินสือโอวยิ้มให้เขาน้อยๆ เพียงแต่รอยยิ้มนี้มองอย่างไรก็ซีดเซียวเหลือเกิน “ไม่ต้องกลัว ไม่มีอะไรหรอก เจ้านายของคนพวกนี้แค่สนใจฟาร์มปลาของฉันน่ะ ตอนนี้พวกเรากำลังเจรจาต่อรองราคาขายกันอยู่”
เหมาเหว่ยหลงก็นิ่งไป เขาเดาขึ้นมาได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น เห็นได้ชัดว่าฟาร์มปลาของฉินสือโอวถูกพวกอันธพาลจับจ้องไว้ ต้องการบังคับให้เขาขาย คาดว่าฉินสือโอวน่าจะไม่ยอม พวกมันถึงได้ลงมือเช่นนี้!
รถถูกสตาร์ทแล้ว ขับออกจากทางด่วนของสนามบินอย่างช้าๆ เหมาเหว่ยหลงร้อนใจเหมือนถูกไฟเผา ที่นี่ไม่ใช่เมืองจีน ที่นี่อำนาจของตระกูลเขาไม่มีประโยชน์แม้แต่น้อย!
เมื่อส่งข้อความแล้ว ฉินสือโอวก็เลื่อนมือถือไปไว้ที่ใต้เบาะ เหมาเหว่ยหลงไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แล้วก็ยังไม่กล้าที่จะพูดขัดขึ้นมาตามอำเภอใจ คิดหาทุกวิถีทางที่พอจะนึกออกว่าจะแก้ไขสถานการณ์ที่ตกอยู่ในอันตรายตอนนี้ได้อย่างไร
ปรากฏว่าถึงแม้เขาจะทำงานสำนักงานตำรวจ แต่เรื่องแบบนี้ก็เหมือนกับชายหนุ่มบริสุทธิ์เจอหญิงสาวครั้งแรก ไม่มีประสบการณ์แม้แต่น้อย เมื่อคิดไปเรื่อยๆก็ยิ่งเริ่มเพ้อเจ้อ
มองดูปืนสีดำขลับที่อยู่ด้านหน้าสองกระบอก ในใจของเหมาเหว่ยหลงก็เศร้ารันทดหาใดเปรียบ เดิมทีเขาหวังว่าฉินสือโอวจะหาเรื่องเซอร์ไพรส์มาให้เขา ตอนนี้เรื่องเซอร์ไพรส์ก็เกิดขึ้นแล้ว แถมยังเป็นบิ๊กเซอร์ไพรส์อีกต่างหาก!
เมื่อดื่มด่ำกับเรื่องเซอร์ไพรส์นี้เสร็จแล้ว เขาก็ต้องคิดถึงผลลัพธ์ที่จะเกิดกับตัวเขาบ้างแล้ว ลองพิจารณาจากสถานการณ์ตอนนี้แล้วนั้น มีความเป็นไปได้สูงมากที่พรุ่งนี้สื่อใหญ่ของจีนคงจะออกข่าว
ข้าราชการขาดการติดต่อหลังจากเดินทางไปท่องเที่ยวที่แคนาดา ต่อมาพบว่าเป็นศพอยู่ในป่า กระทรวงการต่างประเทศของจีนจึงขอคัดค้าน……
ปรากฏว่าอันนี้ก็นับว่าดีมากแล้ว ถ้าแย่กว่านั้นหน่อย ก็คงเป็นหนึ่งปีต่อมาถึงได้เป็นข่าว ข้าราชการขาดการติดต่อหลังเดินทางไปท่องเที่ยวที่แคนาดา จนถึงวันนี้ยังไร้ร่องรอย เพื่อนชาวเน็ตในประเทศตบมือร้องสะใจ……
ในระหว่างที่เขากำลังคิดเพ้อเจ้อ รถก็ลงมาจากทางด่วนสาธารณะแล้วเข้าสู่เส้นทางแคบๆ ยิ่งขับมาทางก็ยิ่งเปลี่ยว
นี่ทำให้เหมาเหว่ยหลงอดเกลียดตัวเองไม่ได้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าที่ทางด่วนในประเทศของเขามีด่านเก็บเงินก็เป็นเรื่องที่ดีมากๆแล้ว ถ้าหากเมื่อสักครู่มีคนตรวจรถคันนี้ ไม่แน่ว่าพวกเขาก็คงจะถูกช่วยลงไปแล้ว
รถยังคงขับต่อไปเรื่อยๆ และเมื่อรถขับมาถึงสี่แยกแห่งหนึ่ง ทันใดนั้นก็มีรถขับตรงเข้ามาจากทางแยกทั้งสองทาง
รถสองคันนี้ทาสีเขียวพรางตา ล้วนแต่เป็นรถแลนด์โรเวอร์ที่บุกเข้ามา ที่หน้ารถมีตัวอักษรสีขาวตัวใหญ่เขียนไว้ว่าJTF-2
“น่าตายจริงๆ! JFT!”บรรยากาศของการขับรถก็เปลี่ยนไปทันที เขาเหยียบเบรกหนักๆ รถฟอร์ด150ที่วิ่งมาด้วยความรวดเร็วก็หยุดลงทันที ล้อยางที่หนาและใหญ่ของรถก็เสียดสีกับพื้นถนน หน้ารถหยุดลงส่วนท้ายรถสะบัดไปข้างหน้า ครู่ต่อมาก็หยุดนิ่งลงในที่สุด
ขณะเดียวกัน ขณะที่มีรถบุกเข้ามา ฉินสือโอวก็ลากเหมาเหว่ยหลงไว้แล้วตะโกนว่า “หลบเร็ว นี่คือกำลังทหารกองบัญชาการร่วมปฏิบัติการพิเศษที่สองของแคนาดา!”
กองบัญชาการร่วมปฏิบัติการพิเศษที่สองของแคนาดา เหมาเหว่ยหลงก็รู้จัก นี่คือกองกำลังต่อต้านการก่อการร้ายแบบพิเศษที่จัดตั้งขึ้นโดยแคนาดาโดยได้รับความช่วยเหลือจากกองกำลังเดลต้าอเมริกา ที่แคนาดามีชื่อเสียงเป็นรองแค่กองกำลังพิเศษฉุกเฉินที่องอาจห้าวหาญ
เขาทายถูกแล้ว เมื่อสักครู่ที่ฉินสือโอวแอบใช้โทรศัพท์อยู่ด้านหลัง น่าจะเป็นการแจ้งเหตุร้ายฉุกเฉินนั่นเอง
………………………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset