ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 835 คนครบแล้ว

รถจอดตรงหน้าประตูทางเข้าฟาร์ม ฉินสือโอวเปิดประตูรถออก เฉินเจี้ยนหนานที่นั่งเบาะข้างคนขับพุ่งตัวออกไปกอดประตูรถไว้และเริ่มร้องไห้ “โคโกโร่ นายออกมาเลยนะ ให้ตายเถอะ เรามาที่นี่เพื่อร่วมงานแต่งงานของนายหรือมาเสี่ยงชีวิตเพื่อเข้าร่วม ‘เร็วแรงทะลุนรก’ กันแน่”
ฉินสือโอวหัวเราะเสียงดัง แต่หม่าจินกลับพูดด้วยสีหน้าตื่นเต้นว่า “อีกสักรอบไหมล่ะ? 200 ไมล์ช้าไป เอาสัก 300 ไมล์เลยดีไหม?”
เสียงหัวเราะหยุดในทันที ฉินสือโอวมองดูหม่าจินที่ทำท่าตั้งหน้าตั้งตารอ จากนั้นก็โค้งคำนับแล้วพูดว่า “ท่านหัวหน้าชั้นเสแสร้งได้มีชั้นเชิงมาก ข้าน้อยแพ้แล้วล่ะ!”
พวกเขากำลังยืนวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ที่หน้าประตูฟาร์ม พิทบูลกลุ่มหนึ่งวิ่งออกมาหลังจากที่ได้ยินเสียงรถ เมื่อเห็นว่าเป็นคนแปลกหน้า จึงรวมตัวกันส่งเสียงเห่า ‘โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง’
แต่ตอนนี้พวกมันยังหนุ่มไปหน่อย เสียงร้องของพวกมันไม่เพียงแต่ไม่น่ากลัว แต่กลับรู้สึกว่าน่ารักมากกว่า
เมื่อชายร่างใหญ่ทั้งสี่เห็นพิทบูลน้อยที่น่ารัก พวกเขาพุ่งเข้าไปจับมาคนละตัวและเริ่มลูบคลำ “ให้ตายเถอะ สุนัขตัวนี้น่ารักจริงๆ ดูหน้าของมันสิ ตลกชะมัด”
“ฮิฮิ ของฉันเป็นตัวผู้ มานี่ ลุงจะตรวจร่างกายให้!”
“โอ้โห สุนัขตัวนี้อ้วนจริงๆ เอาไว้ทำหม้อไฟตอนเย็นเป็นไง? ฤดูใบไม้ร่วงที่แสนสดชื่น เนื้อสุนัขถือเป็นยาชูกำลังที่ดีที่สุดเลยล่ะ”
เหล่าพิทบูลน้อยตกใจกันมาก พยายามดิ้นรนเพื่อจะวิ่งหนี เหลือตัวเดียวที่โชคดีเพราะไม่มีใครจับไป มันวิ่งไปอยู่ข้างหลังของตั๋วตั่วที่เดินออกมาทีหลัง มันมุดหัวเข้าไประหว่างขาของเธอ แต่ก้นอ้วนๆ ของมันยังโผล่ออกมาข้างนอก แต่มันกลับคิดว่าตัวเองปลอดภัยแล้วหลังจากที่มองไม่เห็นอาประหลาดทั้งสี่คนนั้นแล้ว
โลลิต้าเองก็ตกใจมาก เธอกัดนิ้วชี้และมองไปที่พวกลุงประหลาดทั้งสี่อย่างหวาดกลัว
เหมาเหว่ยหลงวิ่งออกมาทีหลัง เมื่อเห็นคนทั้งสี่กำลังเตะสุนัขของตัวเอง จึงตะโกนออกไปว่า “พวกเดรัจฉาน ปล่อยพวกมันแล้วมาให้ฉันซะ!”
โลลิต้ามองดูหม่าจินด้วยความกลัว เธอยื่นมือออกไปทำท่าจะอุ้มสุนัขของตัวเองกลับ แถมลุงประหลาดคนนี้ยังได้บอกวิธีกินไปแล้วด้วย
หม่าจินมองโลลิต้าแล้วยิ้มอย่างชั่วร้าย จากนั้นย่อตัวลงแล้วพูดว่า “หอมแก้มลุงสักที แล้วลุงจะคืนสุนัขให้ ฮ่าๆ”
โลลิต้ามองไปที่พ่อของเธออย่างทำอะไรไม่ถูก แต่พ่อกลับเป็นคนจำพวกชอบแกล้งลูกสาว เขากำลังตบตีกับเฉินเหลยอยู่ สนใจลูกสาวที่ไหนกันล่ะ
ไม่มีทางเลือกอื่น โลลิต้าเดินไปข้างๆ หม่าจินอย่างน้อยอกน้อยใจ แล้วยื่นมือออกไปปิดตาของเขา
หม่าจินไม่ติดอะไร เขาหลับตาลงและรอให้โลลิต้าหอมแก้มอย่างมีความสุข แต่ไม่นานเขาก็รู้สึกว่ามีลิ้นขนาดใหญ่ที่เหนียวเหนอะกำลังเลียหน้าของเขา
หม่าจินเริ่มรู้สึกแปลก จึงลืมตาขึ้น เขาเห็นโลลิต้ากำลังหัวเราะชอบใจ และพิทบูลน้อยในอ้อมแขนของเธอก็กำลังแลบลิ้นออกมาพร้อมกับหายใจอย่างแรง
ฉินสือโอวหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง เดินหน้าไปเตะหม่าจินจนล้มลงบนสนามหญ้า จากนั้นชี้หน้าเขาแล้วหัวเราะเสียงดังว่า “หัวหน้าห้องนายนี่มันห่วยแตกจริงๆ ฮ่าๆ ตลกชะมัด ฮ่าๆ ฉันจะถ่ายรูปเก็บไว้ หัวหน้าเสียตัวให้กับหมาแล้ว!”
“บ้าเอ๊ย ฉินโซ่ว ลบวิดีโอในโทรศัพท์ซะ!” หม่าจินกระโดดขึ้นมาไล่ตามฉินสือโอว
ฉินสือโอวไปหลบอยู่ข้างหลังเฉินเหลย หม่าจินตะโกนไปว่า “มีพระบัญชา ท่านหัวหน้าห้องมีรับสั่งว่า ให้จับฉินโซ่วเสีย…”
“รับสั่งบ้าบออะไร สั่งแค่ตอนเรียนมหาวิทยาลัยก็พอแล้ว ตอนนี้ยังจะสั่งอยู่อีกเหรอ? ยังไงฉันก็เป็นถึงครูของประชาชน จำเป็นจะต้องกลัวหัวหน้าห้องอย่างนายอีกเหรอไง? ฉินโซ่ว ส่งวิดีโอมาให้ฉันด้วย” เฉินเหลยพูดอย่างไม่สนใจ
“หนานจื่อ นายช่วยฉันแย่งวิดีโอมา คืนนี้ฉันจะดื่มแทนนายทั้งหมด!”
เฉินเจี้ยนหนานเป็นคนคออ่อน ทุกครั้งที่ไปดื่มกันเขาจะเป็นคนแรกที่ร่วงก่อนเสมอ
เมื่อได้ยินคำสัญญาของหม่าจิน เขาก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที และพูดว่า “ไม่เพียงแค่คืนนี้ รวมถึงบนโต๊ะจีนด้วย นายต้องดื่มแทนฉันทั้งหมด!”
“ได้!” หม่าจินกัดฟันพูด
เฉินเจี้ยนหนานหันหลังไปจับฉินสือโอว แต่คนที่ถูกจับกลับเป็นเหมาเหว่ยหลง พวกเขาวุ่นวายกันไปหมด ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาก็ลงไปกลิ้งบนสนามหญ้าด้วย
สมัยเรียนมหาวิทยาลัยพวกเขาหกคนสนิทกันมาก ครั้งนี้เหมาเหว่ยหลงบอกว่าจะแต่งงาน คนทั้งสี่ขอลามางานแต่งในทันที นี่ไม่ใช่ความสัมพันธ์ธรรมดาๆ เพราะอีกไม่นานก็จะถึงวันชาติแล้ว การขอลาในวันหยุดชาติเป็นเรื่องที่ยากที่สุด
เมื่อหลิวซูเหยียนกลับมา เหตุการณ์วุ่นวายจึงได้สิ้นสุดลง
เฉินเหลยเดินหน้าไปจับมือกับหลิวซูเหยียน เขาถอนหายใจแล้วพูดว่า “ลำบากคุณแล้วล่ะ ฝากโคโกโร่ผู้ที่ชอบนำมาซึ่งหายนะด้วยล่ะ คุณต้องให้อภัยเขามากๆ ถ้าคุณรู้สึกว่าทนไม่ไหวแล้ว ก็ให้นึกถึงวัฒนธรรมในชั้นเรียนของเรา”
“วัฒนธรรมในชั้นเรียนของเราคืออะไร หัวหน้า?”
หม่าจินชูกำปั้นโบกไปมาแล้วตะโกนออกมาว่า “เฉินโซ่ว (อดทน) ! เฉินโซ่ว (กลายเป็นสัตว์ร้าย) !”
หลิวซูเหยียนหัวเราะ เธอต้มกาแฟไปแล้วพูดไปว่า “ฉันจะอดทนให้มาก ถ้าฉันรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ฉันจะไปหาพี่ชายทั้งหลาย เมื่อถึงตอนนั้นพี่ชายทุกคนต้องช่วยคืนความเป็นธรรมให้ฉันด้วยนะคะ”
“แน่นอนอยู่แล้ว!” ทุกคนในนั้นแย่งกันตอบ “อย่าลืมมาหาผมก่อนล่ะ”
ฉินสือโอวนำอาหารทะเลมาจากฟาร์มปลาเป็นจำนวนมาก ทั้งหมดถูกเก็บไว้ในกล่องเก็บของสด มีทั้งกุ้งมังกร เพรียงตีนเต่า ปลาลิ้นหมาและปูราชินี มีหมดทุกอย่างที่ต้องการ นอกจากนี้ยังมีปลาทูน่าครีบเหลืองที่มีความยาวกว่าหนึ่งเมตรครึ่งถูกห่อเอาไว้อีกต่างหาก
มีปลาทูน่าครีบน้ำเงินด้วย แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ถูกส่งมาที่นี่
หลังจากนั้นสองวัน เพื่อนร่วมห้องคนอื่นๆ ที่สามารถมาได้ก็มาถึงกันแล้ว ก่อนเข้าพิธีแต่งงาน ซ่งจวินเหมยและเยียนเฟยก็มาถึง พวกเขาสองคนจะแต่งงานกันในวันชาติ ดังนั้นพวกเขาจึงมีเรื่องให้จัดการมากที่สุด ที่พวกเขาสามารถมาร่วมงานแต่งงานได้ ก็ถือว่าดีมากแล้วล่ะ
แน่นอนว่า พวกเขาเองก็เข้าใจในวัตถุประสงค์อื่นในการจัดงานแต่งงานของเหมาเหว่ยหลงในครั้งนี้ นั่นก็คือต้องการผ่อนคลายความตึงเครียดของความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมห้อง พวกเขาเองก็ไม่อยากสูญเสียมิตรภาพระหว่างฉินสือโอวไปเหมือนกัน จึงรีบตามมาด้วยความร่วมมือ
ฉินสือโอวเป็นมีหน้าที่จัดแจงเรื่องทั้งหมดนี้ เขาไม่เพียงต้องจัดแจงเพื่อนร่วมห้องเหล่านี้ แต่ยังรวมถึงเพื่อนเที่ยวและเพื่อนร่วมงานที่ค่อนข้างสนิทที่เหมาเหว่ยหลงเชิญมาจากประเทศจีนด้วย
แน่นอนว่า ฉินสือโอวทุ่มเทกับการจัดแจงเพื่อนร่วมห้องเก่าเหล่านั้นมากกว่า ตั้งแต่ที่เขามาอยู่แคนาดา ความสัมพันธ์ของเขากับเพื่อนร่วมห้องก็เริ่มห่างเหิน เงินทองและสถานะกลายเป็นช่องว่างที่ทุกคนก้าวข้ามยากที่สุด
เพื่อนร่วมห้องเก่าทุกคนล้วนแต่เป็นบุคคลธรรมดา มีชะตาชีวิตของคนธรรมดา ไม่มีความมั่งคั่ง ไม่มีความตื่นเต้น ดังนั้นจึงไม่กล้าที่จะเป็นฝ่ายติดต่อฉินสือโอวก่อน เพราะกลัวว่าคนอื่นจะเอาไปนินทา
ในห้องมีทั้งหมด 50 คน ครั้งนี้มากัน 12 คน รวมฉินสือโอวและเหมาเหว่ยหลง รวมกันก็เป็น 14 คน นี่ถือเป็นตัวเลขที่ไม่น้อยแล้ว หลังจากเรียนจบต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไป การที่จะได้มารวมตัวกันอีกครั้งนั้น เป็นเรื่องที่ยากมากจริงๆ
บางคนบอกว่า หลังจากเรียนจบไปแล้ว การรวมตัวกันของเพื่อนร่วมห้องก็คืองานชิงดีชิงเด่นกัน
ความจริงแล้วฉินสือโอวไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ การรวมตัวกันของเพื่อนร่วมห้องอาจจะเกิดการเปรียบเทียบกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ไม่ถึงกับเป็นงานชิงดีชิงเด่นกัน มิตรภาพระหว่างเพื่อนร่วมห้องเป็นสิ่งที่ล้ำค่ามาก ฉินสือโอวก้าวเข้าสู่สังคมมาเป็นเวลา 5 ปี มีเพื่อนที่รู้จักมากกว่าเพื่อนในสมัยเรียนกว่าสิบเท่า แต่ที่นับเป็นเพื่อนได้จริงๆ รวมกันแล้วยังไม่ถึง 1 ใน 10 ของเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัย
การคบเพื่อนในสมัยเรียนมหาวิทยาลัยนั้น ล้วนแต่คบด้วยใจ!
ก่อนหน้านี้เป็นเพราะปัญหาด้านความมั่งคั่งและสถานะ ทุกคนจึงดูห่างเหินกันเล็กน้อย แต่หลังจากได้เจอกันแล้ว ความห่างเหินเหล่านี้ก็หายไปในกลีบเมฆ ทุกคนยังคงเป็นคนที่คุ้นเคยกัน ยังคงพูดถึงเรื่องราวที่คุ้นเคยเหล่านั้น
เมื่อคนครบแล้ว คืนก่อนวันแต่งงาน ตามประเพณีของแคนาดา เจ้าสาวและเจ้าบ่าวจะต้องจัดงานปาร์ตี้สละโสด
หลิวซูเหยียนบอกว่าเธอไม่ไปร่วมงานแล้วล่ะ เธอต้องอยู่ดูแลตั๋วตั่ว ดังนั้นฉินสือโอวและคนอื่นๆ จึงลากตัวเหมาเหว่ยหลงไป ปาร์ตี้สละโสดงั้นเหรอ? ไม่จัดแล้วล่ะ แต่ก็ยังมีกิจกรรมนั่งดื่มกัน เบียร์ถูกเปิดออกทีละขวด เหมาเหว่ยหลงเริ่มหลับตาดื่ม เดินไปล้มลงตรงไหน คนที่นั่งอยู่ตรงนั้นก็ต้องลุกขึ้นมาดื่มต่อ!
เฉินเจี้ยนหนานพูดขึ้นว่า “คนหลอกลวง หัวหน้านายเคยบอกว่าจะดื่มแทนฉัน”
หม่าจินพูดว่า “ตายซะ ฉันนั่งอยู่ด้านหน้านาย ต้องรอให้ฉันล้มลงก่อนค่อยถึงตานาย วางใจเถอะ วันนี้ไม่มีใครหนีรอดไปได้หรอก!”
เฉินเจี้ยนหนานพูดว่า “ให้ตายเถอะ มาแคนาดาครั้งนี้ยังไม่ได้ซื้อประกันเลย!”
……………………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset