ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 837 ฟาร์มข้างๆ

ขบวนรถแล่นเข้าไปในฟาร์ม ปืนสลุตถูกลากออกมาเป็นสองแถวอย่างเป็นระเบียบ ตอนที่เจ้าบ่าวจับมือเจ้าสาวเดินลงจากรถ ปืนสลุตดังขึ้นมาพร้อมกันอย่างต่อเนื่อง
แต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถจุดประทัดได้ แฮมิลตันเข้มงวดมากในการควบคุมคุณภาพอากาศ โดยปกติแล้วจะไม่สามารถจุดประทัดหรือยิงสลุตได้ แต่ถ้ามีงานแต่งงาน จะสามารถยื่นเรื่องขอยิงสลุตได้ อย่างไรก็ตาม ก็ยังคงจุดประทัดไม่ได้เหมือนเดิม
แต่ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เมืองแฮมิลตันทำเกษตรกรรมเป็นหลัก ในเดือนกันยายนมีการเก็บเกี่ยวพืชผลผลิตมากมาย ซึ่งอากาศค่อนข้างแห้ง ถ้าไม่ระวังประกายไฟแค่จุดเดียวก็อาจจะทำให้เกิดไฟไหม้ฟาร์มได้
มีคนมาเข้าร่วมงานแต่งงานไม่มากเท่าไร ฝั่งหลิวซูเหยียนมีแค่เพื่อนสนิทคนเดียวเท่านั้น ส่วนฝั่งของเหมาเหว่ยหลงก็เป็นเพื่อนที่โตมาด้วยกันและเพื่อนร่วมห้อง รวมกันแล้วมีประมาณ 20 คน และมีเพื่อนบ้านข้างเคียงที่ค่อนข้างสนิทอีก 20 กว่าคน งานแต่งงานครั้งนี้มีผู้มาร่วมงานแค่ 40 – 50 คน
เหมาเหว่ยหลงและหลิวซูเหยียนเดินจับมือเข้าไปในฟาร์ม โดยมีตั๋วตั่วอยู่ตรงกลางระหว่างพวกเขา และมีพิทบูลน้อยอีกกลุ่มหนึ่งตามหลังไปอย่างรีบเร่ง
โอวหยางไห่นำผู้คนโห่ร้องและตะโกนว่า “อุ้มหน่อย! อุ้มหน่อย! ปล่อยให้เจ้าสาวเดินคนเดียวได้ยังไง?”
เหมาเหว่ยหลงปฏิเสธด้วยรอยยิ้มและพูดว่า “ฉันกำลังจับมือลูกสาว จะให้อุ้มยังไงล่ะ? ฉันอุ้มทั้งสองคนพร้อมกันไม่ไหวหรอก”
ในฐานะเพื่อนเจ้าบ่าว ฉินสือโอวก็ต้องช่วยเจ้าบ่าวคลายความลำบาก เขาอุ้มตั๋วตั่วขึ้นมา เหมาเหว่ยหลงไม่มีทางเลือก จึงอุ้มหลิวซูเหยียนที่สวมชุดเจ้าสาวขึ้นด้วยท่าทางที่เหมือนกับกำลังอุ้มเจ้าหญิง
แขกที่มาร่วมงานแต่งงานต่างผิวปากกันสนั่น เหล่าพิทบูลส่งเสียงร้องอย่างกระวนกระวาย พวกมันไล่ตามอยู่ข้างหลัง และต้องการให้กอดพวกมันด้วย แต่ไม่มีใครสนใจพวกมัน ทำให้หัวใจดวงน้อยๆ ของพวกมันรู้สึกเจ็บปวด
บนสนามหญ้าที่ถูกตัดแต่งอย่างประณีตมีประตูพระจันทร์ที่ทำจากดอกไม้และกิ่งมะกอก เหมาเหว่ยหลงเดินไปที่หน้าประตูพระจันทร์ แล้ววางหลิวซูเหยียนลง ทั้งสองจับมือของตั๋วตั่วอีกครั้ง และเดินผ่านประตูแห่งความสุขบานนี้ไปด้วยกัน จากนั้นพิธีกรก็เดินขึ้นไปบนเวที พิธีแต่งงานจึงได้เริ่มขึ้น
ที่เหลือคือประเพณีไหว้ฟ้าดิน วินนี่เตรียมน้ำชาพร้อมแล้ว ตอนไหว้พ่อแม่หลิวซูเหยียนใช้สองมือยื่นถ้วยชาให้พ่อเหมาและแม่เหมาอย่างนอบน้อม และพูดว่า “พ่อ แม่ เชิญดื่มน้ำชาค่ะ”
ใบหน้าของแม่เหมาเปี่ยมด้วยรอยยิ้ม เธอหยิบซองแดงออกมาซองหนึ่งแล้วยื่นให้หลิวซูเหยียน พ่อเหมาไอหนึ่งครั้ง แล้วหยิบซองแดงยื่นให้เธอ จากนั้นถอนหายใจแล้วพูดว่า “เสี่ยวซู พ่อและแม่ จะคอยสนับสนุนพวกลูกในอนาคต และหวังว่า พวกลูกจะมีชีวิตที่ดี เคารพผู้อาวุโส และอยู่ด้วยกันอย่างสมานฉันท์”
หลิวซูเหยียนใช้ฟันกัดริมฝีปากสีแดงเบาๆ จากนั้นพยักหน้าอย่างว่านอนสอนง่ายและพูดว่า “ขอให้พ่อและแม่วางใจ หนูจะพยายามเป็นภรรยาที่ดีที่สุดค่ะ”
หลังจากแลกเปลี่ยนแหวนแต่งงานกัน งานแต่งงานนี้ก็ถือว่าสิ้นสุดลงแล้ว ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างเรียบง่าย แต่ความสุขบนใบหน้าของคู่สามีภรรยาใหม่ทำให้งานแต่งงานดูสมบูรณ์แบบมากขึ้น
หลังจากที่พิธีกรประกาศว่าทั้งสองคนได้กลายเป็นสามีภรรยากันแล้ว โอวหยางไห่ยืนขึ้นแล้วพูดเสียงดังว่า “มาเถอะ พี่น้องทั้งหลาย เจ้าบ่าวและเจ้าสาวจะมาดื่มอวยพรกันแล้ว พวกนายคิดจะทำอะไรบ้าง?”
“มอมสิ!” คนทั้งกลุ่มตะโกนขึ้น
ฉินสือโอวถอดเสื้อคลุมและส่งให้วินนี่ จากนั้นตบหน้าอกแล้วพูดว่า “ฉันไม่มีปัญหากับการมอมเหล้า แต่พวกนายต้องล้มฉันให้ได้ก่อน!”
พูดจบ เขาก็หันไปพูดกับเหมาเหว่ยหลงว่า “แกพาภรรยาของแกไปดื่มอวยพรกับผู้อาวุโสได้อย่างสบายใจเถอะ ทางนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉัน ฉันจะจัดการให้แน่นิ่งไปเลย!”
เหมาเหว่ยหลงพูดอย่างตื้นตันใจว่า “เพื่อนกันตลอดไป!”
เขายังคงรู้สึกตื้นตันใจ แต่หลังจากที่ฉินสือโอวและโอวหยางไห่ดื่มไปหนึ่งขวด ฉินสือโอวก็ฟุบลงบนโต๊ะ ตามด้วยประโยคที่ว่า “ไม่สามารถเอาชนะแอลกอฮอล์ได้” จากนั้นก็นอนแน่นิ่งและไม่ขยับอีกเลย
เหมาเหว่ยหลงตกใจ โอวหยางไห่ หม่าจิน และคนอื่นๆ มองเหมาเหว่ยหลงด้วยเจตนาที่ไม่ดีเท่าไร และพูดว่า “จัดการเพื่อนเจ้าบ่าวได้แล้ว ยังไงล่ะ เจ้าบ่าว นายจะมาด้วยตัวเองหรือให้เริ่มจากเมียนายก่อนล่ะ?”
สิ่งที่งานเลี้ยงต้องการก็คือความสนุกสนาน หลิวซูเหยียนที่ไม่เคยดื่มต่อหน้าฉินสือโอวหยิบแก้วไวน์มาจากสามีของเธอด้วยรอยยิ้มที่อ่อนหวาน จากนั้นพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ถ้าอย่างนั้นก็เริ่มต้นจากฉันผู้เป็นเจ้าสาวเถอะ จะดื่มยังไง พวกนายตั้งกติกาได้เลย ฉันอยู่รอ!”
ฉินสือโอวนอนมองด้วยรอยยิ้ม ตั๋วตั่ววิ่งไปพร้อมกับทำปากบูดเบี้ยว แล้วยื่นมือออกมาปัดตรงแก้ม ทำท่าดูหมิ่น
เหล่าพิทบูลน้อยเดินตามหลังมาด้วย และส่งเสียงร้อง ‘อู้ว อู้ว’ ไปทางฉินสือโอว แต่กลับถูกซื้อด้วยซี่โครงจานหนึ่งอย่างรวดเร็ว ฉินสือโอววางซี่โครงลง พวกมันกระดิกหางและล้อมวงกินซี่โครงหมูอย่างมีความสุข
เดิมทีหนุ่มๆ แค่ต้องการจัดการเหมาเหว่ยหลง แต่ไม่นานสีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไป หลิวซูเหยียนคอแข็งจนน่าตกใจ เธอดื่มไวน์และเหล้าขาวสลับกันไป เธอรับมาทั้งหมดโดยไม่เกี่ยง!
เริ่มจากเฉินเจี้ยนหนาน ตามด้วยเยียนเฟยและเฉินเหลย หลิวซูเยียนกวาดคนเดียวหมด เธอล้มผู้ชายห้าคนในคราวเดียวกันอย่างไม่น่าเชื่อ
หม่าจินกลืนน้ำลายอย่างลำบากและพูดว่า “ให้ตายเถอะ ฉันมีลางสังหรณ์ การรวมตัวเพื่อนร่วมห้องในครั้งหน้า ท่าทางจะไม่ค่อยสะดวกแล้วล่ะ…”
เนื่องจากการมาของตั๋วตั่ว ฉินสือโอวจึงไม่สามารถแกล้งหลับได้อีกต่อไป เขาลุกขึ้นมาดูแลอีกด้านหนึ่ง นั่นก็คือช่วยเหมาเหว่ยหลงจัดการกับพวกโอวหยางไห่
โชคดีที่หลังจากที่มาถึงแคนาดาฉินสือโอวก็คลุกคลีกับเหล้าเบียร์มาโดยตลอด ความสามารถในการดื่มสุราของเขาน่าทึ่งไม่น้อย เมื่อร่วมมือกับเหมาเหว่ยหลง พวกเขาถือว่ายังสามารถรับมือกับพวกโอวหยางไห่ได้ ไม่ได้ถูกมอมจนน่าเกลียด…
อย่างไรก็ตาม ในตอนท้ายก็ถือว่าเมากันทุกคน!
เมื่อฉินสือโอวตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็มืดค่ำแล้ว ปาร์ตี้ยามค่ำคืนได้เริ่มขึ้นแล้วล่ะ ที่เบลคเชิญมาคือทีมพ่อครัวอาหารตะวันตกชั้นนำ ในปาร์ตี้ยามค่ำคืนนี้เป็นอาหารตะวันตกที่มีชื่อเสียงทั้งหมด แต่ฉินสือโอวกินไม่ได้ เขาจึงทำได้แค่ดื่มน้ำชาและน้ำเปล่าเท่านั้น
นี่ถือว่าดีมากแล้วล่ะ เหมาเหว่ยหลงสะลึมสะลือไม่รู้ว่าเขาตื่นหรือยัง ส่วนหม่าจินและคนอื่นๆ ยังคงหลับสนิท
หลังจากอยู่กับเพื่อนร่วมห้องที่แฮมิลตันเป็นเวลาสองวัน ฉินสือโอวก็ส่งพวกเขากลับทีละคน เขารู้สึกอาลัยอาวรณ์เล็กน้อย แต่ไม่มีงานเลี้ยงใดที่ไม่เลิกรา การรวมตัวกันของเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยในครั้งนี้ไม่ง่ายเลย แม้ในไม่ช้าก็จะถึงงานแต่งงานของซ่งจวินเหมยและเยียนเฟยแล้ว แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะไปร่วมงาน
ในระหว่างปาร์ตี้ยามค่ำคืน ฉินสือโอวกังวลมาโดยตลอดว่าทนายความ เพื่อนบ้านของเหมาเหว่ยหลงจะมาวุ่นวาย เขาจึงพาเออร์บักมาด้วยเพื่อรับมือกับเจ้านั่น
แต่แล้ว เมื่องานแต่งงานเริ่มขึ้นก็ลืมเรื่องนี้ไปเลย โชคดีที่ทนายความผิวขาวที่ชื่อลากร็องฌ์คนนั้นเองก็ไม่ได้มาหาเรื่อง และฉินสือโอวเองก็เพิ่งจะนึกถึงเจ้านั่นได้ในตอนที่จะกลับแล้ว แต่เหมาเหว่ยหลงพูดกับเขาด้วยรอยยิ้มว่า “เขาออกจากแฮมิลตันไปแล้วล่ะ ได้ยินมาว่าเหมือนจะไปเริ่มต้นธุรกิจที่สหรัฐอเมริกาหรือเปล่า? อย่างไรก็ตาม หน้าฟาร์มเขาก็ติดป้ายว่า ‘ขาย’”
ฉินสือโอวใจสั่นเล็กน้อย เขาถามว่า “เขากำลังจะขายฟาร์มเหรอ?”
เหมาเหว่ยหลงตอบว่า “อืม แต่แกอย่าซื้อเลย ฟาร์มของเขามีปัญหา เจ้านั่นไม่รู้จักวิธีดูแลฟาร์ม ดินเสียไม่เป็นท่า บริษัทนายหน้าคนกลางเองก็ไม่อยากรับงานจากเขา เพราะคิดว่าน่าจะขายได้ยาก”
ฉินสือโอวพยักหน้าและพูดว่า “ขอไปดูหน่อยได้ไหม?”
เหมาเหว่ยหลงยิ้มและพูดว่า “ทำไมจะไม่ได้ล่ะ? ตอนนี้ฟาร์มของเขาไม่มีอะไรเลย ปีนข้ามไปทางรั้วก็ยังได้ ในเมื่อแกสนใจ ฉันจะพาไปดูสักหน่อย ไปกันเถอะ”
แฮมินตันตั้งอยู่บนที่ราบเกรตเลกส์ จุดนี้ชัดเจนมากเมื่อมองลงมาจากบนฟ้า บริเวณโดยรอบเป็นที่ราบที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ซึ่งทำให้ฉินสือโอวคิดถึงบ้านเกิดของเขา ‘ยุ้งฉางของชาติ ที่ราบลุ่มตอนเหนือ’
………………………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset