ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 838 ให้ความรู้สึกอีกแบบ

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่แตกต่างจากที่ราบลุ่มตอนเหนือของจีนคือ พื้นที่เพาะปลูกในแฮมิลตันนั้นเป็นระเบียบมาก แปลงเพาะปลูกแต่ละแปลงถูกแบ่งตามแถบสี่เหลี่ยม มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ซึ่งเรียงรายกันอย่างเป็นระเบียบราวกับช่องสี่เหลี่ยม
แฮมิลตันเป็นเมืองอุตสาหกรรมที่สำคัญของรัฐออนแทรีโอ ให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาด้านอุตสาหกรรม แต่ภาคการเกษตรกลับถูกทอดทิ้ง เพื่อรับประกันสถานการณ์การจ้างงานของคนในเมือง รัฐบาลท้องถิ่นจึงจำกัดการขายฟาร์มการเกษตร อนุญาตให้ชาวท้องถิ่นเท่านั้นที่สามารถซื้อได้ ดังนั้น ราคาของฟาร์มการเกษตรจึงค่อนข้างต่ำ
ในปีที่ผ่านมาสถานการณ์ของเศรษฐกิจทั่วโลกไม่ดี แฮมิลตันจึงตัดสินใจจะพัฒนาในหลากหลายรูปแบบ และเริ่มให้ความสำคัญกับภาคการเกษตร โดยมีนโยบายเปิดการซื้อขายฟาร์มแบบเสรีให้ผู้อพยพและคนที่อยู่ในรัฐอื่นๆ ในแคนาดา แต่การพัฒนาค่อนข้างช้า
พื้นที่การเกษตรในออนแทริโอนั้น โดยทั่วไปแล้วจะยึด 160 เอเคอร์เป็นหนึ่งหน่วย รัฐบาลจะออกใบรับรองอสังหาริมทรัพย์ในแต่ละหน่วย การซื้อฟาร์มการเกษตรก็เหมือนกับการซื้อบ้าน นายหน้าและทนายความจะช่วยดำเนินขั้นตอนการโอนย้ายที่ดินที่องค์กรของรัฐ
หลังจากโอนย้ายแล้ว ผู้ซื้อถึงจะมีสิทธิ์ถาวรในการใช้ที่ดิน ถ้าเจ้าของเสียชีวิตเขาสามารถมอบให้ลูกชาย และลูกชายก็สามารถมอบให้กับหลานชาย สืบทอดกันไปจากรุ่นสู่รุ่น ในช่วงที่ถือครองสิทธิ์ ของทั้งหมดที่ขุดเจอ และของทุกชิ้นที่พบในบ้าน ล้วนแต่เป็นของเจ้าของ
เหมาเหว่ยหลงถือว่าเกือบจะเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้แล้ว เขาแนะนำนโยบายธัญพืชในท้องถิ่นให้ฉินสือโอวฟัง “สิ่งที่ต้องระวังเป็นพิเศษคือ ข้าวสาลีและข้าวบาร์เลย์ของแฮมิลตันจะต้องขายให้สำนักเกษตรท้องถิ่นเท่านั้น ส่วนพืชชนิดอื่นไม่สำคัญ ต้องการปลูกอะไรและต้องการขายให้ใครก็ตัดสินใจเองได้เลย”
เนื่องจากไม่ได้เข้ามาจากทางประตูหลัก ดังนั้นเมื่อข้ามรั้วไปแล้ว สิ่งที่ฉินสือโอวเห็นเป็นอันดับแรกก็คือโอเอซิส รอบๆ ฟาร์มมีป่าที่ประกอบไปด้วยต้นป็อปลาร์ ต้นสนและต้นเมเปิล
มีสายน้ำเล็กๆ อยู่ที่ริมป่า ร่องน้ำโค้งคดเคี้ยวไปมา ขณะที่ทั้งสองคนเดินไปถึง มีเป็ดป่าหลายตัวกระพือปีกและบินขึ้นไป
“ในปีนี้แฮมิลตันมีฝนตกอุดมสมบูรณ์มาก ดูนั่นสิ ฟ้ามืดครึ้มอีกแล้ว ดูเหมือนว่าจะมีฝนตกหลายครั้งในเดือนตุลาคมเลยล่ะ แต่ขออย่าให้มีหิมะตกมากในฤดูหนาว การรับมือกับภัยพิบัติจากหิมะในพื้นที่เกษตรกรรมเป็นเรื่องที่ลำบากมาก” เหมาเหว่ยหลงพูดขึ้นพร้อมกับมองดูท้องฟ้าที่มืดครึ้ม
พิทบูลน้อยสองตัวเดินตามมา พวกมันมุดเข้าไปในรั้วอย่างโง่เขลา แต่ว่าพวกมันอ้วนเกินไป จึงติดอยู่ในช่องว่างของรั้ว และส่งเสียงร้องอยู่ที่นั่นอย่างไม่มีทางเลือก
ฉินสือโอวไปดึงรั้วออก พิทบูลน้อยใช้ขาทั้งสี่เดินออกมา และนั่งลงข้างๆ ฉินสือโอวแล้วกัดขากางเกงของเขาเล่น
เมื่อผ่านป่าผืนเล็กๆ ไป สิ่งที่เตะตาฉินสือโอวไม่ใช่ไร่นาและพืชผลที่อุดมสมบูรณ์ แต่เป็นทุ่งหญ้าที่เขียวขจี
ดูเหมือนว่าตัวเองกำลังอยู่ในทุ่งหญ้า ทุ่งหญ้าราบเรียบสีเขียวอันกว้างใหญ่ นอกจากทะเลสาบเล็กๆ ที่อยู่กลางทุ่งแล้ว พื้นที่ที่เหลือก็เป็นทุ่งหญ้าทั้งหมด และยังมีแพะฝูงหนึ่งที่เดินช้าๆ อยู่บนทุ่งหญ้า เงียบสงบและสวยงามมาก
“สายน้ำ ใต้ภูเขา ท้องฟ้าราวกับกระโจมหลังคาบ้านของชาวมองโกล ดั่งกรงที่ครอบอยู่บนทุ่งหญ้าอันกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ท้องฟ้ากว้างใหญ่ไพศาลจนหาที่สุดมิได้ ทุ่งหญ้าอันกว้างไกลไร้ขอบเขต ยามลมพัดโชยมา ต้นหญ้าก็พร้อมกันลู่ตามลม ทำให้ได้เห็นฝูงวัวและแพะ!” ฉินสือโอวอดที่จะรู้สึกตื้นตันใจไม่ได้
เหมาเหว่ยหลงมองเขาด้วยรอยยิ้มจางๆ และพูดว่า “ว่ายังไงล่ะ รู้สึกว่าฟาร์มการเกษตรแห่งนี้สวยงามมากเลยใช่ไหม?”
ฉินสือโอวพูดว่า “มันยอดเยี่ยมมากจริงๆ ดีกว่าฟาร์มของนายเสียอีก ทำไมนายถึงพูดว่าดินในฟาร์มนี้กลายเป็นดินเสียไปหมดแล้วล่ะ”
เหมาเหว่ยหลงชี้ไปที่ฉินสือโอวและพูดว่า “เจ้าหนู ไม่รู้เรื่องเลยล่ะสิ? ฉันเรียกที่นี่ว่าอะไรมาโดยตลอดล่ะ? ฟาร์มการเกษตร! แต่นายดูสิ ในนี้ไม่มีไร่นา ถ้าไม่มีไร่นาจะเรียกว่าฟาร์มการเกษตรได้ยังไง? ทนายความคนนั้นเจ้าเล่ห์มาก เขารู้ว่าพื้นดินของเขาไม่สามารถปลูกพืชพันธุ์ได้แล้ว จึงปลูกหญ้าเหล่านี้ที่ไม่ต้องการสารอาหารอะไรมากมาย สิ่งนี้แม้จะดูสวยงามมากแต่มันไม่มีประโยชน์เลย!”
“ถ้าอย่างนั้นก็เปลี่ยนเป็นไร่ปศุสัตว์ก็ไม่เลวเหมือนกัน” ฉินสือโอวกล่าว
เหมาเหว่ยหลงส่ายหัวแล้วพูดว่า “ใช่ ถ้าเปลี่ยนเป็นไร่ปศุสัตว์ได้ก็ไม่เลว แต่ปัญหาคือไม่สามารถทำเป็นไร่ปศุสัตว์ได้น่ะสิ! หญ้าพวกนี้ไม่ใช่หญ้าพืชอาหารสัตว์ นายคิดว่าหญ้าพืชอาหารสัตว์ไม่ได้ต้องการพื้นผิวดินที่มีคุณภาพสูงหรอกเหรอ? มันต้องการพื้นผิวดินที่มีคุณภาพดีกว่าเลยล่ะ! หญ้าที่เห็นอยู่ในตอนนี้ดูสวยงามก็จริง แต่ความจริงแล้วมันไม่มีคุณค่าทางโภชนาการเท่าไร ถ้าเลี้ยงวัวและแพะที่นี่ ก็เตรียมตัวขาดทุนเถอะ”
ฉินสือโอวชี้ไปที่แพะดำฝูงหนึ่งที่อยู่ในระยะที่ไกลออกไปแล้วหัวเราะ เหมาเหว่ยหลงเองก็หัวเราะแล้วพูดว่า “นั่นคือแพะป่า เจ้าสิ่งนี้ในออนแทรีโอมีจำนวนมากจนน่ากลัว เหมือนหมูป่าที่บ้านแกนั่นแหละ พวกมันกินทุกอย่างจริงๆ แต่เติบโตช้า ยังไงก็ไม่ควรเลี้ยงเจ้าพวกนี้เพื่อเก็งกำไรใช่ไหมล่ะ?”
เมื่อได้ยินที่เขาพูด ฉินสือโอวก็รู้สึกสนใจขึ้นมา เขาพูดว่า “ที่นี่แพะป่าเยอะจนน่ากลัวเลยเหรอ?”
เหมาเหว่ยหลงพยักหน้าและตอบว่า “ใช่ เยอะมากจริงๆ ให้ตายเถอะ ตอนแรกฉันรู้สึกว่าแคนาดามีการคุ้มครองรักษาสิ่งแวดล้อมได้ดี แต่ความจริงไม่ได้เป็นอย่างที่คิด เพราะพวกเขาไม่มีเวลาต่างหากล่ะ แพะป่าพวกนี้มีความสามารถในการสืบพันธุ์สูงและกินอยู่ง่าย จึงจัดการได้ยาก”
ทั้งสองคนเดินไปคุยไป พวกเขาเดินเป็นเวลานานกว่าหนึ่งชั่วโมง จนใกล้จะถึงวิลล่าที่อยู่ข้างๆ ทะเลสาบ
ประตูไม่ได้ล็อกเอาไว้ ดูเหมือนว่าเจ้าของจะไม่กลัวโจรขึ้นบ้านเลยสักนิด ฉินสือโอวเดินเข้าไปดู วิลล่าที่นี่แตกต่างจากที่ฟาร์มปลา มันไม่ได้สร้างจากไม้ทั้งหลัง แต่เป็นวิลล่าที่สร้างจากหินที่สามารถพบได้ทั่วไปในอเมริกาเหนือ
มีไม้เลื้อยบนผนังด้านหลังบ้าน เพราะแฮมิลตันมีความชื้นทางอากาศสูง ทำให้ฐานชั้นล่างเต็มไปด้วยมอสส์
ไม่มีคนมาทำความสะอาดสักพักแล้ว วัชพืชจึงขึ้นเต็มรอบๆ บ้าน เมื่อพวกเขาเดินเข้าไป ทำให้กระต่ายสีเทาสองสามตัวตกใจและโผล่ออกมาจากพุ่มหญ้า
ในเวลาว่างเหมาเหว่ยหลงจะสอนพิทบูลน้อยไล่กระต่ายป่า ทันทีที่เห็นกระต่ายป่าเหล่านี้ พิทบูลน้อยสองตัวก็วิ่งเข้าไป และส่งเสียง ‘โฮ่ง โฮ่ง’ อย่างนุ่มนวล แลดูเหมือนจะน่ากลัว แต่ความจริงแล้วกระต่ายป่าไม่กลัวเลยสักนิด
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ทนายความลากร็องฌ์จะซื้อฟาร์มการเกษตรแห่งนี้ เมื่อเทียบกับมาเธอร์เอิร์ธแล้ว ฟาร์มแห่งนี้ไม่เพียงแต่มีเนื้อที่กว้างกว่าเท่านั้น สิ่งก่อสร้างที่อยู่ข้างในก็ประณีตมากกว่าเหมือนกัน
แม้ว่าจะไม่มีคนมาดูแลมาเป็นเวลานาน แต่วิลล่าก็ยังคงเต็มไปด้วยความหรูหราโอ่อ่า งานแกะสลักทางศาสนาบนผนังหินอ่อนด้านนอกนั้นชัดเจนอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ หินที่ใช้ดูแข็งแรงทนทานมาก หลังจากที่ฉินสือโอวเดินเข้าไปดูในวิลล่าแล้วก็รู้สึกว่าพื้นหินเรียบเนียนราวกับน้ำแข็ง
วิลล่าถูกล้อมรอบด้วยรั้วไม้สีขาว รั้วไม้ขนาดเล็กมีความสูงเพียงแค่ระดับของเอวคนเท่านั้น รั้วไม้ทาด้วยสีที่ละเอียด และมีว่านผักบุ้งเลื้อยอยู่ข้างบน ช่วยเพิ่มความโรแมนติกเล็กน้อย
เหมาเหว่ยหลงนั่งลงตรงบันได ยื่นมือออกไปดึงวัชพืชออกและกำดินขึ้นมาหนึ่งกำมือ แล้วพูดว่า “แฮมิลตันไม่มีดินดำมากเท่าไร โดยทั่วไปแล้วธาตุอาหารในดินก็ไม่ค่อยอุดมสมบูรณ์ด้วย ดังนั้นจึงจำเป็นต้องดูแลรักษา ไม่อย่างนั้นอีกไม่กี่ปีก็จะเป็นเหมือนฟาร์มการเกษตรแห่งนี้ ที่ปลูกได้แค่วัชพืชเท่านั้น”
วิลล่าหันหน้าไปทางทะเลสาบ หลังบ้านเป็นสนามหญ้า ในสนามหญ้าปลูกต้นผลไม้ไว้นับสิบต้น มีต้นแพร์ ต้นพีช ต้นแอปเปิลและต้นพลัมเป็นต้น ซึ่งเต็มไปด้วยกลิ่นอายของชนบท
มีแม่น้ำสายเล็กๆ หลายสายภายในฟาร์ม รวมถึงแม่น้ำสายที่อยู่ริมป่าก่อนหน้านี้ด้วย และท้ายที่สุดก็ได้ไหลมารวมกันในทะเลสาบแห่งนี้ เป็ดป่าและนกป่าบางตัวหยอกล้อกันบนผิวน้ำอย่างมีความสุข พวกมันส่งเสียงร้อง ‘กากา’ ออกมาเป็นครั้งคราว ทำให้ฟาร์มที่เงียบสงบดูมีชีวิตชีวาขึ้นมา
เมื่อเดินผ่านสวนหลังวิลล่าอีกประมาณสองร้อยเมตรข้างหน้า จะมีคอกวัวที่สูงและกว้างขวางหลายแห่ง เดินผ่านคอกวัวไปก็เป็นโกดังและโรงเก็บอุปกรณ์เครื่องมือที่สร้างจากเหล็กวิลาด
ประตูทุกบานไม่ได้ล็อก เพราะเครื่องมือและเฟอร์นิเจอร์ข้างในถูกขายไปนานแล้ว ทนายคนนี้ร้ายกาจไม่น้อย ไม่คิดว่าเขาจะกวาดฟาร์มแห่งนี้จนหมดจดอย่างนี้ ถือว่าเป็นอัจฉริยะคนหนึ่งเลยล่ะ!
…………………………………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset