ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 840 ‘ความประทับใจ’ และ ‘ความกล้า’

เต่ามะเฟืองมีสัมผัสที่หกที่ยอดเยี่ยมมาก ซึ่งก็คือ ทันทีที่ลูกเต่าฟักออกมา ไม่ว่าพวกมันจะอยู่ห่างกันไกลกันแค่ไหน พวกมันก็จะหาทางไปที่มหาสมุทรด้วยเส้นทางที่ใกล้ที่สุด
นักชีววิทยาทางทะเลเคยพยายามศึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ก็ยังไม่ได้คำตอบ รู้แค่ว่ามันเกี่ยวข้องกับแม่เต่า นั่นก็คือ เต่ามะเฟืองตัวเมียสามารถว่ายน้ำในมหาสมุทรเป็นระยะทางหลายพันไมล์โดยว่ายเป็นเส้นตรง ซึ่งเต่าตัวผู้ไม่สามารถทำได้
สัญชาตญาณนี้ของเต่ามะเฟืองตัวเมียเป็นทักษะไบโอนิกส์ที่มีประโยชน์มากสำหรับมนุษย์ ถ้าสามารถศึกษาจนรู้ผลลัพธ์ จะสามารถทำให้เรือไปถึงจุดหมายในระยะทางที่สั้นที่สุด โดยใช้เวลาและต้นทุนที่ต่ำที่สุด
แต่ปัญหาเหล่านี้ไม่สามารถหาคำตอบได้ในตอนนี้ มันยังคงเป็นปริศนา โดยทั่วไปนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าอาจเป็นเพราะพวกมันสามารถหาตำแหน่งที่ตั้งของดวงอาทิตย์และดวงดาวได้ หรือใช้คุณสมบัติของสนามแม่เหล็กโลกเพื่อทำการนำทางแบบเส้นตรง
อย่างไรก็ตาม ฉินสือโอวเงยหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้า เหมือนว่าฝนกำลังจะตก ท้องฟ้ามืดครึ้ม ไม่มีดวงอาทิตย์ และแน่นอนว่าในตอนนี้ไม่มีดวงจันทร์และดวงดาว…
หลังจากที่เต่าน้อยตัวแรกลงสู่ทะเล ฝูงเต่าที่อยู่รอบๆ ก็คลานขึ้นมาบนชายหาด ลุงนิโคลัส กูสกำลังเต้นบิดตัวไปมาอยู่ที่นั่น ท่าทางตลก แต่สายตาเคร่งขรึม
สำหรับสัตว์ป่าแล้ว การสืบพันธุ์ของเผ่าพันธุ์เป็นเรื่องใหญ่
พฤติกรรมผู้พิทักษ์ของมาสเตอร์ในช่วงนี้ทำให้ได้รับมิตรภาพจากพวกเต่ามะเฟือง ขณะที่เต่าตัวหนึ่งคลานขึ้นมาจากทะเลในปากของมันคาบแมงกะพรุนมาด้วย จากนั้นมันก็นำไปวางไว้ตรงหน้ามาสเตอร์
แต่ไม่ใช่เต่าทุกตัวที่ชอบกินแมงกะพรุน มาสเตอร์มองสิ่งโปร่งแสงนี้แล้วชะงักไป ดวงตาสีดำเล็กๆ กะพริบอย่างรวดเร็ว แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มกินยังไง
หู่จือและเป้าจือเห็นว่ามาสเตอร์ไม่กิน ก็เข้าไปใช้จมูกแหย่แมงกะพรุนเล่น แต่ทันทีที่สัมผัสแมงกะพรุน พวกมันก็ส่งเสียงร้อง ‘เอ๋ง เอ๋ง’
ฉินสือโอวตกใจ เขาตะโกนว่า “กลับมา รีบกลับมาเร็วเข้า!”
ในขณะที่ตะโกนเขาก็วิ่งเข้าไปหา แมงกะพรุนส่วนใหญ่มีพิษ แม้มันจะตายไปแล้วก็ไม่ควรไปแตะ นับประสาอะไรกับแมงกะพรุนตัวนี้ที่เต่ามะเฟืองเพิ่งคาบขึ้นมา คาดว่ามันน่าจะยังไม่ตาย
หู่จือและเป้าจือวิ่งมาพร้อมส่งเสียงร้องโหยหวน ปากของเด็กน้อยทั้งสองบวมขึ้น เริ่มแรกบวมแค่เล็กน้อย แต่หลังจากนั้นประมาณ 10 นาที ริมฝีปากด้านข้างก็บวมขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ฉินสือโอวตกใจมาก ชาร์ควิ่งมาหาเมื่อได้ยินเสียงตะโกนของเขา หลังจากที่รู้เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นแล้ว เขาก็เดินไปดูแมงกะพรุนตัวนั้น จากนั้นก็พูดอย่างจนปัญญาว่า “ขอโทษครับ บอส ผมไม่รู้จักมัน เดี๋ยวผมจะเรียกคนอื่นๆ มา…แต่ผมคิดว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะมันไม่ใช่แมงกะพรุนกล่อง”
แมงกะพรุนกล่องมีฉายาว่าต่อทะเล เป็นสัตว์ที่อันตรายมาก มันมีหนวดจำนวน 60 เส้นที่มีความยาวเส้นละ 3 เมตร หนวดแต่ละเส้นเต็มไปด้วยกระเปาะที่ภายในมีสารพิษบรรจุอยู่ ซึ่งนับเป็นสัตว์ที่มีพิษร้ายแรงมากที่สุดชนิดหนึ่งของโลก
ฉินสือโอวเคยอ่านมาว่าสารพิษที่บรรจุอยู่ภายในกระเปาะของแมงกะพรุนมีพิษร้ายแรงกว่างูเห่า นิวโรทอกซินในพิษของมันสามารถทำให้คนตายได้ภายใน 30 วินาที!
หู่จือและเป้าจือถูกพิษมาพักหนึ่งแล้ว แต่ยังสามารถกระโดดโลดเต้นและยังมีอารมณ์เข้าไปอ้อนฉินสือโอว เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่พิษที่น่ากลัว แต่ฉินสือโอวกลัวว่าจะมีปัญหาอื่นตามมา จึงพาพวกมันไปที่ริมทะเล ให้พวกมันลงไปในน้ำแล้วเติมพลังโพไซดอนให้พวกมัน
ชาร์คถามว่าให้สุนัขลงไปในน้ำทำไม ฉินสือโอวบอกเหตุผลไปว่า เพื่อล้างปากให้พวกมัน
ฉินสือโอวไม่รู้ว่าพลังโพไซดอนสามารถรักษาได้ทุกโรคหรือไม่ แต่มันมีประโยชน์มากสำหรับสารพิษที่ปล่อยออกมาจากแมงกะพรุนชนิดนี้ อาการบวมบนปากของหู่จือและเป้าจือเริ่มคลายลง แม้แต่สภาพจิตใจก็ดีขึ้นเหมือนกัน
ฉินสือโอวมองแมงกะพรุนบนชายหาดด้วยความหวาดผวา ลำตัวของมันโปร่งแสง ส่วนที่เป็นเมดูซามีเส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่า 20 เซนติเมตร ใต้เมดูซาเต็มไปด้วยหนวด ซึ่งดูน่ากลัวมาก
หนวดเหล่านี้เป็นอวัยวะย่อยอาหารของแมงกะพรุน ในขณะเดียวกันก็เป็นอาวุธของมันด้วย บนหนวดเต็มไปด้วยกระเปาะเข็มพิษ ซึ่งเป็นเหมือนกับไหมพิษที่สามารถพ่นพิษออกมาได้
เมื่อครู่หู่จือและเป้าจือผู้โชคร้ายก็ถูกหลอกด้วยวิธีนี้ แต่โชคดีที่แมงกะพรุนตัวนี้ไม่อันตรายถึงตาย พิษเพียงแค่ทำให้ผิวหนังบวมขึ้นแต่ไม่ได้เน่าเปื่อย ซึ่งถือเป็นความโชคดีในความโชคร้าย
ชาร์คถามว่าให้ฝังแมงกะพรุนไหม โดยปกติเมื่อพบแมงกะพรุนที่ไม่รู้จัก จะฝังในทราย เพื่อให้มันตายอย่างรวดเร็วและย่อยสลายไป เพื่อหลีกเลี่ยงการทำให้คนอื่นได้รับบาดเจ็บ
ฉินสือโอวบอกว่าไม่จำเป็นต้องลำบากขนาดนั้น เขาลากลุงกูสมา ลุงกูสยื่นหัวออกมา และเริ่มกินอย่างเอร็ดอร่อย
เต่าตัวน้อยทยอยมุดเข้าไปในน้ำ เต่าตัวเมียและเต่าตัวใหญ่นำพวกมันขึ้นไปอยู่บนตัว เต่าน้อยในช่วงอายุนี้มีความสามารถพิเศษอีกอย่างหนึ่งคือ พวกมันมีแขนขาแบนและกว้าง สามารถเกาะติดกับกระดองของผู้อาวุโสกว่าราวกับเป็นยางที่เหนียวหนึบ
วินนี่เศร้าเล็กน้อยและพูดว่า “เมื่อเต่าน้อยฟักออกมาหมดแล้ว พวกมันก็จะไปจากที่นี่ใช่ไหมคะ? ไปใช้ชีวิตช่วงฤดูหนาวแถวเส้นศูนย์สูตรหรือไม่ก็ซีกโลกใต้ใช่ไหมคะ?”
ฉินสือโอวกอดเธอและพูดปลอบโยนว่า “ไม่เป็นไรนะ ที่รัก พวกมันจะกลับมาใหม่ภายในปีหน้าไม่ใช่เหรอ? หลังจากที่เต่ามะเฟืองเลือกสถานที่วางไข่แล้ว ตราบใดที่พวกมันไม่เจอวิกฤติการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ พวกมันจะจดจำสถานที่แห่งนี้”
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอาการของการตั้งครรภ์หรือไม่ ช่วงนี้วินนี่อ่อนไหวง่าย หลังจากที่ฉินสือโอวปลอบโยนเธอแล้ว เธอก็ยังคงรู้สึกโศกเศร้า “แต่ถ้าพวกมันไปจากฟาร์มปลา พวกมันจะกินถุงพลาสติกในระหว่างทางไหม?”
ฉินสือโอวเห็นว่าถ้าปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปไม่เป็นผลดีแน่นอน วินนี่กำลังจะเป็นโรคโฟเบียแล้ว ทะเลเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยความอันตราย อย่าว่าแต่เต่ามะเฟืองเลย แม้แต่หมึกยักษ์ถ้าว่ายในเจ็ดคาบมหาสมุทรครึ่งรอบก็เกือบไม่รอดเหมือนกัน
ถ้าวินนี่ยังคงคิดอย่างนี้ต่อไป เธอต้องรู้สึกกลัวมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นแน่ ดังนั้น ฉินสือโอวจึงผิวปากหนึ่งครั้ง หู่จือและเป้าจือรีบวิ่งมาขอความเห็นใจ
ปากของพวกมันหายบวมเล็กน้อย แต่ดูแล้ว ก็ยังบวมมาก…
เมื่อเทียบกับเต่ามะเฟือง แลบราดอร์ต่างหากที่เป็นลูกรัก วินนี่รีบกอดพวกมันไว้และพูดปลอบโยน แลบราดอร์ร้องเสียงเบา ทำให้วินนี่รู้สึกสงสารพวกมันมาก จะให้เอาเวลาที่ไหนไปสนใจเต่ามะเฟืองอีกล่ะ?
พวกเต่ามะเฟืองกำลังจะไปจากที่นี่ ฉินสือโอวใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอน ตรวจสอบจำนวนแมงกะพรุนในน่านน้ำใกล้ๆ แมงกะพรุนพวกนี้มีพิษจริงๆ ไม่ควรประมาทเลินเล่อ
พวกเต่ามะเฟืองทำตัวเป็นเด็กดี ก่อนจะจากไปพวกมันได้จัดการกับแมงกะพรุนทั้งหมดที่ค้นเจอ ทำให้ฉินสือโอวรู้สึกสบายใจมากขึ้น
ในฟาร์มปลาไม่มีปัญหาอะไร ฉินสือโอวจึงพาพ่อแม่และคนในครอบครัวนั่งเครื่องบินกลับบ้าน กลับไปฉลองเทศกาลไหว้พระจันทร์ที่บ้าน และไปร่วมงานแต่งงานของซ่งจวินเหมยและเยียนเฟยด้วย
ครั้งนี้กลับไปกันหลายคน รวมครอบครัวของเหมาเหว่ยหลงด้วย แน่นอนว่าเหมาลำเหมาะสมกว่า หลังจากที่เครื่องบินขนาดใหญ่ลงจอดที่สนามบินนานาชาติปักกิ่ง เหมาเหว่ยหลงเชิญครอบครัวของฉินสือโอวไปกินข้าวที่บ้านก่อน พวกเขาจึงเดินออกจากสนามบินไป
ช่างเหมาะเจาะที่สถานีวิทยุโทรทัศน์กลางกำลังทำการสัมภาษณ์นอกสนามบิน เครื่องบินของพวกเขาลงจอดพร้อมกับเที่ยวบินระหว่างประเทศที่ไปยังสหรัฐอเมริกา ทั้งสองฝ่ายรวมเข้าด้วยกัน มีนักข่าวเห็นฉินสือโอว จึงเข้าไปถามว่า “สวัสดีค่ะ ดิฉันเป็นนักข่าวนอกสถานที่จากสถานีวิทยุโทรทัศน์กลาง ไม่ทราบว่าคุณเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศใช่ไหมคะ?”
ฉินสือโอวชะงัก แล้วพูดว่า “สวัสดีครับ คุณนักข่าว ใช่ครับ เพิ่งกลับมา”
“อะไรคือวัตถุประสงค์ในการกลับมาคะ?”
“คือว่า หลักๆ แล้วก็เพื่อมาร่วมงานแต่งงานของเพื่อน แล้วก็ร่วมฉลองเทศกาลไหว้พระจันทร์กับครอบครัวครับ”
นักข่าวถามต่อว่า “ถ้าอย่างนั้นขอถามหน่อยค่ะว่า ตอนอยู่ต่างประเทศมีคนที่ทำให้คุณรู้สึกประทับใจไหมคะ? และคุณทำให้ใครรู้สึกประทับใจบ้างคะ?”
ฉินสือโอวรู้สึกว่าคำถามนี้ไม่ได้เป็นคำถามเชิงบวกเท่าไร แต่เขาก็ยังคงพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “ผมอาศัยอยู่ในเมืองเล็กๆ เมืองหนึ่ง ที่นั่นคนที่กล้าเข้ามายุ่งกับผมมีไม่มาก คนที่ผมกล้าเข้าไปยุ่งด้วยส่วนมากก็จะเป็นพวกเหล่าอาชญากรที่เป็นอันธพาลต่างประเทศ…”
นักข่าว “…”
………………………………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset