ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 842 กุ้งเครย์ฟิชผู้บ้าคลั่ง

หลังจากวางกรงตาข่ายไว้กว่าครึ่งชั่วโมง พ่อฉินถกขากางเกงแล้วลงไปลากกรงตาข่ายขึ้นมา ข้างในมีกุ้งเครย์ฟิชตัวอ้วนหลายสิบตัวกำลังยกก้ามขึ้นเพื่อแสดงพลัง
ฉินสือโอวเคยจับกุ้งก้ามกรามมาก่อน แต่พวกมันมีขนาดใหญ่และมีน้ำหนักหลายกิโลกรัม แต่พวกนี้มีความยาวมากที่สุดแค่สิบกว่าเซนติเมตรดังนั้นจึงจัดการได้อย่างง่ายดายมาก
พ่อฉินเตรียมแถบยางเอาไว้แล้ว เมื่อจับกุ้งเครย์ฟิชได้แล้วก็เพียงแค่สวมแถบยางลงไปที่ก้ามของมัน อย่างนี้กุ้งเครย์ฟิชที่ยิ่งใหญ่และเอาแต่ใจก็ไร้ประโยชน์
การเจริญเติบโตของกุ้งเครย์ฟิชมีขีดจำกัด โดยทั่วไปจะไม่โตไปกว่า 10 เซนติเมตร แต่ภายใต้วิวัฒนาการของพลังโพไซดอน กุ้งเครย์ฟิชในบ่อสามารถโตได้ถึง 12–13 เซนติเมตร
เมื่อเทียบกับกุ้งเครย์ฟิชทั่วไปแล้ว กุ้งเครย์ฟิชที่ได้รับการปรับเปลี่ยนจากพลังโพไซดอนจะมีความแข็งแรงและอวบอ้วนมากกว่า เปลือกของมันเป็นสีดำอมเขียว นั่นเป็นเพราะว่าอุดมไปด้วยแอสตาแซนธิน
แอสตาแซนธินเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับกุ้งเครย์ฟิช ปริมาณแอสตาแซนธินมีความสัมพันธ์เชิงบวกกับความสามารถในการทนต่อสภาพแวดล้อมภายนอก ซึ่งหมายความว่า เมื่อปริมาณของแอสตาแซนธินสูง ก็จะมีความสามารถในการทนต่อสภาพแวดล้อมภายนอกเพิ่มมากขึ้น
ดังนั้น กุ้งเครย์ฟิชที่อาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ดีจะแข็งแรงเป็นพิเศษและมีปริมาณของแอสตาแซนธินสูง จึงนำไปสู่ความคิดแบบผิดๆ ของผู้คนที่ว่า น้ำยิ่งสกปรกมากเท่าไร กุ้งเครย์ฟิชก็จะยิ่งเติบโตได้ดีมากเท่านั้น
ความจริงไม่ได้เป็นอย่างนั้น กุ้งเครย์ฟิชไม่สามารถสร้างแอสตาแซนธินได้ด้วยตัวเอง ส่วนมากจะได้รับมาจากการกินพืชน้ำและสาหร่ายขนาดเล็ก แล้วเก็บสะสมไว้ในร่างกายเพื่อผลิตสารต้านอนุมูลอิสระ
อย่างนี้ กุ้งเครย์ฟิชจึงอยู่รอดในน่านน้ำที่ค่อนข้างสะอาดได้ยาก เพราะสถานที่เหล่านี้มักจะขาดสาหร่ายที่มีแอสตาแซนธิน ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้คนเข้าใจผิด
พืชน้ำเหล่านี้ที่มีอยู่ในบ่อปลามีแอสตาแซนธิน ทำให้เปลืองของกุ้งเครย์ฟิชมีสีที่ค่อนข้างเข้ม และพวกมันเองก็เติบโตได้อย่างแข็งแรง
กุ้งเครย์ฟิชที่จับมาได้มีทั้งตัวเล็กและตัวใหญ่ พ่อฉินจะโยนตัวเล็กกลับไปในน้ำ และเหลือแค่ตัวใหญ่ไว้ รวมทั้งหมด 50 กว่าตัว ฉินสือโอวลองยกดู รวมๆ แล้วประมาณ 3.5–4 กิโลกรัม กุ้งเครย์ฟิชพวกนี้ตัวอ้วนมาก ในบางตัวแค่ตัวเดียวก็มีน้ำหนักมากถึง 2 ขีด
พ่อฉินให้ฉินสือโอวกลับไปก่อน ส่วนเขาจะนำกรงโยนลงไปในน้ำอีกสักสองสามอัน แล้วเริ่มยุ่งกับการจับกุ้งอีกครั้ง
ฉินสือโอวคิดว่าพ่อแม่คงไม่รู้วิธีปรุงกุ้งเครย์ฟิชพวกนี้ จึงเตรียมที่จะลงมือทำอาหารด้วยตัวเอง แต่แม่ฉินบอกว่าพวกเขาได้ไปถามวิธีปรุงกุ้งเครย์ฟิชมาจากพ่อครัวที่เพิ่งกลับมาจากทางใต้ในเมืองแล้ว และได้ไล่เขาออกไปอยู่เป็นเพื่อนวินนี่
แม่ฉินล้างกุ้งเครย์ฟิชให้สะอาด ใช้กรรไกรตัดส่วนหนวด ส่วนก้ามและส่วนขาออก จากนั้นก็ดึงลำไส้ออก แล้วเอาส่วนกระเพาะและเหงือกออก ที่เหลือขัดด้วยแปรงสะอาดในน้ำ
ฉินสือโอวชอบอาหารรสเผ็ด เขาหยิบพริกแห้งกำมือหนึ่งมาหั่น แม่ฉินขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “วินนี่กำลังท้อง กินรสเผ็ดไม่ได้ ไม่รู้เหรอ? แกเนี่ยนะ วินนี่เลือกแกมาเป็นสามีได้ยังไง?”
ฉินสือโอวพูดอย่างไม่ค่อยพอใจว่า “ลูกชายแม่แย่มากเลยเหรอครับ? พูดเป็นเล่น ตอนนั้นมีผู้หญิงสี่สิบห้าสิบคนเข้าแถวรอนัดดูตัวกับผม ผมฮอตมากเลยนะครับ”
แม่ฉินเบะปากทำท่าว่าไม่เชื่อ ฉินสือโอวก็ไม่มีหลักฐานมายืนยัน แต่นี่เป็นความจริง ตอนนั้นสาวๆ กลุ่มแรกที่เดินทางไปที่เกาะแฟร์เวล ล้วนแต่ไปเพราะเขา
ความจริงแล้วกุ้งเครย์ฟิชต้องปรุงให้เผ็ดจึงจะอร่อย แต่แม่ฉินเป็นห่วงวินนี่ จึงเปลี่ยนไปทำผัดกุ้งเครย์ฟิชแช่เบียร์ เมนูนี้ใช้พริกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ตั้งกระทะน้ำมัน เทพริกไทยและพริกแห้งลงไป เมื่อน้ำมันเดือดได้ประมาณ 70–80% แล้วก็ใส่ต้นหอม ขิงและกระเทียมลงไปผัดรวมกับกุ้งเครย์ฟิช จากนั้นเติมเหล้าปรุงอาหารและเบียร์ลงไป เริ่มปรุงจากไฟอ่อนแล้วเร่งไฟให้แรงขึ้นจนสุก จากนั้นตักใส่จานแล้วโรยด้วยเกลือและผงปรุงรสไก่
เมื่อพ่อฉินกลับมา ก็ได้เวลาอาหารค่ำแล้ว แม่ฉินถามเขาว่าหว่านแหหรือยัง พ่อฉินบอกว่าหว่านเรียบร้อยแล้ว ค่อยไปเก็บพรุ่งนี้เช้า ฉินสือโอวถามว่าทำอะไร พ่อฉินและแม่ฉินยิ้มและไม่ได้พูดอะไรอีก
แม้จะไม่ใช่เทศกาลไหว้พระจันทร์ แต่เป็นเพราะเป็นมื้อแรกที่กลับมากินที่บ้าน อาหารจึงถูกเตรียมขึ้นอย่างตั้งใจ ฉินสือโอวแกะกุ้งเครย์ฟิชและกำลังจะเอาเข้าปาก แต่คิดอยู่ครู่หนึ่งเขาก็นำไปวางในจานของวินนี่ก่อน
พ่อฉินและแม่ฉินหัวเราะเสียงดัง วินนี่ใช้ภาษาอังกฤษพูดด้วยเสียงเบาว่า “ช่างเป็นสามีที่ดีจริงๆ ไม่แปลกที่ตอนนี้ผู้หญิงฝั่งตะวันตกต่างก็ต้องการแต่งงานกับหนุ่มชาวจีน”
ฉินสือโอวพูดอย่างไม่มีทางเลือกว่า “คุณไม่รู้สึกว่าหนุ่มชาวจีนเหนื่อยกับชีวิตมากเกินไปเหรอ?”
วินนี่ยักไหล่แล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นวันนี้ฉันจะตามใจคุณทุกอย่าง คุณอยากทำอะไรก็ได้”
ฉินสือโอวกำลังดื่มเบียร์ เขาเกือบจะสำลักเมื่อได้ยินสิ่งที่เธอพูด จึงรีบเงยหน้าขึ้นมองคนในครอบครัวอย่างรวดเร็ว
โชคดีที่มีแค่เสี่ยวฮุยเท่านั้นที่เข้าใจภาษาอังกฤษ แต่เขาก็กำลังถูกกุ้งดึงดูดความสนใจ เขากำลังดูดเปลือกกุ้งอย่างเอร็ดอร่อย เมื่อเห็นฉินสือโอวกำลังมองไปที่เขา เขายิ้มตอบด้วยรอยยิ้มที่พึงพอใจ
พลังโพไซดอนเป็นสมบัติล้ำค่าจริงๆ กุ้งเครย์ฟิชที่ได้รับการดัดแปลงมีขนาดอ้วนกว่าเดิม ในเปลือกเต็มไปด้วยเนื้อที่เนียนนุ่ม และเนื้อของมันก็มีคุณภาพดี หลังแกะเปลือกออกแล้วก็สามารถดึงเนื้อออกมาได้ทั้งหมด
ฉินสือโอวกินไปหนึ่งตัว เนื้อกุ้งมีความเหนียวอย่างคาดไม่ถึง ขณะเคี้ยวก็มีน้ำเล็ดออกมา รสชาติสดใหม่จนหาที่เปรียบไม่ได้ ผสมกับรสเผ็ดชาและกลิ่นเบียร์อ่อนๆ อร่อยกว่าเมนล็อบสเตอร์สักอีก
อย่างนี้ กุ้งเครย์ฟิชก็ได้กลายเป็นเมนูที่ได้รับความนิยมสูงสุดบนโต๊ะอาหาร พวกเขาแย่งกันกิน ไม่นานกุ้งกว่าสามกิโลครึ่งก็หมดไป พ่อฉินและแม่ฉินเห็นพวกเขากินอย่างมีความสุข ก็หัวเราะออกมาอย่างมีความสุขเหมือนกัน
หลังจากรับประทานอาหาร วินนี่ช่วยแม่ฉินเก็บโต๊ะอาหาร ฉินสือโอวออกไปหาฉินเผิง
พรุ่งนี้ก็เป็นวันไหว้พระจันทร์แล้ว หมู่บ้านตระกูลฉินเป็นหมู่บ้านชนบทแบบดั้งเดิมเล็กๆ พวกเขาให้ความสำคัญกับเทศกาลนี้เป็นอย่างมาก หนุ่มสาวมากมายที่ออกไปทำงานข้างนอกต่างก็กลับมาที่บ้านเกิด ฉินเผิงอยู่ไม่ไกล เขาเองก็ลากลับมาบ้านล่วงหน้าเหมือนกัน
กลางคืนผ่านไปอย่างเงียบสงบ ฉินสือโอวตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ออกไปดูก็เห็นว่าพ่อและแม่ต่างก็ไม่อยู่บ้าน เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งก็รู้แล้วว่าพวกเขาคงไปที่บ่อปลา จึงวิ่งออกจากหมู่บ้านไปโดยถือว่าเป็นการออกกำลังกาย
ตามที่คิดไม่มีผิด พ่อฉินและแม่ฉินกำลังยุ่งอยู่กับบ่อปลา กรงจับกุ้งไนลอนขนาดยาวหลายอันถูกวางไว้ริมแม่น้ำ ข้างๆ มีถังน้ำ ในถังมีกุ้งก้ามกรามอยู่
ฉินสือโอวถามว่ากำลังทำอะไรกัน พ่อฉินยิ้มและตอบว่า “วันนี้เป็นวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 8 ทุกครอบครัวต่างก็ต้องการเตรียมอาหารมื้อค่ำให้ดีที่สุด ในเวลานี้กุ้งก้ามกรามจะมีราคาแพงที่สุด พ่อกับแม่แกจะจับบางส่วนไปขาย”
ฉินสือโอวกำลังจะช่วย พ่อฉินโบกมือและพูดว่า “ไม่ต้องๆ แกกลับไปอยู่เป็นเพื่อนวินนี่เถอะ นี่ไม่ใช่งานหนักอะไร ให้ฉันกับแม่แกจัดการก็พอแล้ว ตอนนี้ก็กำลังจะกลับกันแล้วล่ะ”
พ่อฉินและแม่ฉินไม่ได้แค่จับกุ้งก้ามกรามขึ้นมาเท่านั้น แต่ยังแยกตัวผู้และตัวเมียด้วย ตัวเมียกำลังอยู่ในช่วงตั้งท้อง ดังนั้นจึงขายได้แต่กุ้งตัวผู้เท่านั้น
การแยกกุ้งเครย์ฟิชตัวผู้และตัวเมียนั้นง่ายมาก เนื่องจากตัวผู้ต้องใช้ก้ามในการต่อสู้และหาอาหาร ดังนั้นจึงมีก้ามโตกว่าตัวเมีย นอกจากนี้ส่วนหน้าและส่วนหลังของกุ้งก้ามกรามตัวผู้จะมีเนื้อเยื่อสีแดงสด ซึ่งโดดเด่นมาก แต่ตัวเมียไม่มีสิ่งนี้
ฉินสือโอวเข้าไปช่วย เขาโยนกุ้งตัวเมียส่วนใหญ่ลงไปในน้ำ แล้วเก็บกุ้งเข้าไปในกล่องฉนวนกันความร้อน จากนั้นใส่พืชน้ำเข้าไปจำนวนหนึ่ง เท่านี้ก็นำไปขายได้แล้วล่ะ
กุ้งเครย์ฟิชอยู่รอดได้ง่าย ดังนั้น เมื่ออาศัยอยู่ในกล่องฉนวนกันความร้อนที่มีพืชน้ำข้างใน พวกมันยังสามารถมีชีวิตอยู่รอดได้อีกหลายวัน
หลังจากรวบรวมได้สองกล่อง พ่อฉินและฉินสือโอวขี่จักรยานไฟฟ้าตรงเข้าไปในเมือง
แม้ไม่ใช่วันที่มีตลาดนัด แต่บนถนนในเมืองมีร้านค้ามากมายที่ขายผักและเนื้อสัตว์ ตอนนี้ยังไม่เที่ยงก็มีคนจำนวนมากออกมาซื้อของแล้ว
ฉินสือโอวไปเดินดูหนึ่งรอบ ไม่มีคนขายกุ้งเครย์ฟิช บริเวณบ้านเกิดของเขามีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เลี้ยงสิ่งนี้ และมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ปรุงเป็น ดังนั้นจึงลำบากในการขายเล็กน้อย
……………………………………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset