ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 843 ความคิดใหม่

สิ่งที่ฉินสือโอวกังวลก็ถือว่ามีเหตุผล หลังจากวางกุ้งก้ามกรามลง แม้ว่าพวกมันจะตัวอ้วนและแข็งแรงมากเพียงใด แต่ก็มีผู้ซื้อแค่ไม่กี่คน
พ่อฉินเคยสอบถามเกี่ยวกับราคา อยู่ที่ 25 หยวนต่อครึ่งกิโล สำหรับกุ้งเครย์ฟิชขนาดเล็กอย่างนี้แล้ว ถือว่าเป็นราคาที่เป็นธรรมมากแล้ว
กุ้งเครย์ฟิชของฉินสือโอวไม่มีปัญหาเรื่องรูปลักษณ์ พวกมันกำลังชูก้ามต่อสู้กันอยู่ ซึ่งมีพลังงานอย่างเต็มเปี่ยม ฉินสือโอวเสียบก้ามของพวกมันลงบนโฟมของกล่องฉนวนกันความร้อน กุ้งเครย์ฟิชทำท่าหลากหลายเหมือนนักยิมนาสติก แค่มองก็รู้แล้วว่ากุ้งก้ามกรามเหล่านี้ไม่มีปัญหาด้านคุณภาพ
ผู้คนที่มาซื้ออาหารที่ตลาดต่างก็สังเกตเห็นกุ้งเครย์ฟิชที่หาได้ยากในย่านนี้อย่างรวดเร็ว ไม่นานก็มีคนหลายสิบคนเข้ามามุงดู ส่วนใหญ่จะเป็นคนรู้จัก มีคนถามพ่อฉินว่าเจ้าสิ่งนี้คืออะไร
พ่อฉินแนะนำกุ้งเครย์ฟิชที่พวกเขาเลี้ยงเอาไว้และบอกวิธีนำไปปรุงอาหารให้พวกเขาฟังด้วย แต่ผู้ที่มาสังเกตการณ์มีคนสนใจไม่เท่าไร และมีคนพึมพำว่า “เจ้านี่ 25 หยวนต่อครึ่งกิโลเลยเหรอ? แพงกว่าซี่โครงหมูสักอีก”
ฉินสือโอวกลอกตา นี่เป็นกุ้งเครย์ฟิช กุ้งเกรดนี้ ถ้านำไปวางไว้ในเมืองไหเต่า อย่าว่าแต่ 25 หยวนต่อครึ่งกิโลเลย แม้แต่ 50 หยวนต่อครึ่งกิโลก็คงขายหมดภายในไม่กี่นาที
ช่วยไม่ได้ ผู้คนในบ้านเกิดของเขาไม่มีประสบการณ์ในการปรุงกุ้งเครย์ฟิช เห็นในโทรทัศน์บอกว่าเจ้าสิ่งนี้อร่อย แต่ถ้าปรุงไม่เป็นก็เสียเปล่า แค่มาสังเกตการณ์อยู่ข้างๆ ไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าจะให้ควักเงินซื้อถือว่าเป็นเรื่องยากเลยล่ะ
ในที่สุด ก็มีชายหนุ่มที่ไปทำงานทางใต้กลับมาและรู้จักสิ่งนี้ จึงเข้ามาถามว่าขายยังไง
พ่อฉินจริงใจมาก ให้เขาสุ่มกุ้งมาตัวหนึ่ง แล้วใช้มีดผ่าออกตั้งแต่ตอนนั้น เผยให้เห็นเนื้อกุ้งที่อวบอ้วนและขาวราวกับหิมะ
ชายหนุ่มยื่นมือออกไปบีบเนื้อกุ้งที่มีความยืดหยุ่นอย่างมากแล้วพูดว่า “ให้ตายเถอะ นี่เป็นกุ้งคุณภาพดี ขายแค่ 25 หยวนไม่แพงเลย ฉันขอซื้อสักร้อยหนึ่ง”
ฉินสือโอวเริ่มรู้สึกกระปรี้กระเปร่า คิดว่าธุรกิจเริ่มไปได้ดีแล้ว แต่ผลปรากฏว่าผู้ที่มาสังเกตการณ์ก็ยังคงยืนมองอยู่อย่างนั้น ไม่ค่อยมีคนซื้อ แต่แผงขายปลาข้างๆ กลับขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ทั้งปลาทอง ปลาคาร์พ ปลาเฉาฮื้อ ปลาซ่ง ปลาลิ่นและปลาดุกต่างก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
เจ้าของแผงปลารู้จักกับพ่อฉิน เขายื่นบุหรี่ให้แล้วพูดว่า “นายนี่มันมีความคิดสร้างสรรค์จริงๆ ทำไมเลือกเลี้ยงกุ้งก้ามกรามล่ะ คนที่นี่กินเป็นซะที่ไหนกัน? สู้มาเลี้ยงปลาเหมือนฉันดีกว่า”
ฉินสือโอวไปซื้อน้ำมาหนึ่งขวด เขารู้สึกโมโหเล็กน้อย จึงดื่มน้ำเพื่อคลายความโมโห
ขณะที่เขากำลังนั่งดื่มน้ำ รถจักรยานยนต์คันหนึ่งขี่มาจอดตรงหน้าเขา จากนั้นเสียงของฉินเผิงก็ดังขึ้น “เฮ้ๆ ฉินโซ่ว นายมาทำอะไรที่นี่?”
ฉินสือโอวเตะล้อหน้าของจักรยานยนต์หนึ่งที แล้วชี้ไปด้านหลังโดยไม่หันกลับไปมองและพูดขึ้นอย่างจนปัญญาว่า “พ่อฉันมาขายกุ้งก้ามกราม ให้ตายเถอะ ที่นี่ไม่มีใครสนใจกุ้งก้ามกรามเลย! ผิดคาดจริงๆ!”
ฉินเผิงไปกินกุ้งเครย์ฟิชที่บ้านฉินสือโอวอยู่บ่อยๆ รู้ว่าเจ้าสิ่งนี้อร่อยจริงๆ ตอนนี้ลูกสาวของเขาสามารถดื่มโจ๊กกุ้งก้ามกรามได้แล้ว กุ้งเครย์ฟิชเป็นที่นิยมในครอบครัวของเขามาก ไม่ต้องปรุงแต่งอะไรมาก แค่นึ่งให้สุกแล้วนำเนื้อกุ้งไปจิ้มกับวาซาบิ รสชาติก็ดีมากแล้วล่ะ
เขาจอดรถจักรยานยนต์แล้วมองดูกุ้งก้ามกรามที่แข็งแรงเหล่านั้น แล้วพูดว่า “ที่นี่มีคนไม่มากที่รู้จักเอาเจ้าสิ่งนี้ไปปรุงเป็นอาหาร ถ้าซื้อไปแล้วปรุงออกมาไม่อร่อยก็เสียเปล่า แต่อย่างน้อยๆ นายก็เคยเรียนมหาวิทยาลัย ทำไมนายถึงโง่อย่างนี้ล่ะ?”
ฉินสือโอวมองเหยียนลี่ลี่ภรรยาของฉินเผิงด้วยเจตนาไม่ดีเท่าไร และพูดว่า “นายพูดดีๆ หน่อย ฉันโง่ยังไง? ถ้านายพูดไม่ชัดเจน วันนี้ฉันจะให้เมียนายจ่ายหนี้แทนนาย”
ภรรยาของฉินเผิงเป็นแม่บ้านที่อ่อนโยน เธอหน้าแดงเล็กน้อยหลังจากได้ยินที่ฉินสือโอวพูด แต่เธอก็ตอกกลับด้วยคำพูดที่เฉียบคมว่า “เสี่ยวฉิน นายยังจำเพื่อนสนิทฉันที่ชื่อโหลวมู่ชิงได้ไหม? เธอถามเรื่องนายกับฉันมาตลอด นายว่าฉันควรตอบเธอว่ายังไงดีล่ะ?”
ฉินสือโอวทำเสียงฮึดฮัดสองครั้งและไม่มีอะไรจะพูด ได้แต่เอามือจับจมูกและหัวเราะแห้งๆ “อย่าล้อฉันเล่นเลย”
เหยียนลี่ลี่ยิ้มและพูดว่า “ถ้านายล้อฉันเล่น ฉันจะทำให้เรื่องล้อเล่นนี้กลายเป็นเรื่องจริง”
ฉินเผิงขัดจังหวะทั้งสองคนและพูดว่า “กำลังพูดเรื่องจริงจังอยู่ไม่ใช่เหรอไง? ทำไมกลายเป็นเรื่องผู้หญิงไปได้ล่ะ? ฉินโซ่วฉันจะบอกนายให้รู้ไว้ว่า นายทำอย่างนี้ไม่ถูก นายมาขายกุ้งเครย์ฟิชทื่อๆ ใครจะไปซื้อล่ะ? ทำไม่ถูกเลย นายนำไปปรุงก่อน แล้วมาขายสินค้าสำเร็จรูปน่ะ! รับรองว่าขายดีเป็นเทน้ำเทท่าแน่นอน!”
เมื่อฉินสือโอวคิดตามก็รู้สึกเห็นด้วย ผู้คนที่นี่ไม่รู้วิธีปรุง ทำไมไม่ขายสินค้าสำเร็จรูปเลยล่ะ?
เขาไปหาพ่อ และถามว่าเรียนรู้วิธีทำกุ้งเครย์ฟิชในเมืองมาจากใคร พ่อบอกชื่อร้านอาหารมาร้านหนึ่ง ฉินสือโอวตรงไปหาที่ร้านนั้น เมื่อเจอพ่อครัวที่กำลังจะเปิดร้าน ก็บอกจุดประสงค์ในการมาให้เขาฟัง
“ผมจะให้ค่าปรุงอาหารคุณ 10 หยวนต่อกุ้งเครย์ฟิชครึ่งกิโลกรัม คุณคิดว่ายังไง?
เมื่อได้ยินข้อเสนอนี้ พ่อครัวลูบเคราที่อยู่ใต้คางแล้วถามว่า “นายมีกุ้งก้ามกรามทั้งหมดเท่าไร?”
“มีไม่มาก มีแค่ 25–30 กิโลกรัม”
พ่อครัวพยักหน้าและพูดว่า “ได้ ไปเอามาเลย จะปรุงให้เสร็จทั้งหมดภายในหนึ่งชั่วโมง รับรองว่าออกมาดีแน่นอน”
ฉินสือโอวไปลากกุ้งเครย์ฟิชมาที่นี่ พ่อครัวคนนี้อายุไม่มาก น่าจะราวๆ เขา แต่ทำความสะอาดกุ้งรวดเร็วมาก และเขาไม่ได้แค่ปรุงกุ้งเครย์ฟิชให้สุกเท่านั้น ยังแบ่งออกเป็น 6 ส่วนด้วย เขาทำกุ้งเครย์ฟิชที่มีรสชาติแตกต่างกันทั้งหมด 6 รสชาติ
ได้แก่ กุ้งเครย์ฟิชเผ็ดชา กุ้งเครย์ฟิชสามรส กุ้งเครย์ฟิชเผ็ดกลมกล่อม กุ้งเครย์ฟิชแช่เบียร์ กุ้งเครย์ฟิชผัดกระเทียมและกุ้งปรุงรส พ่อครัวหนุ่มปรุงกุ้งเครย์ฟิชแต่ละส่วนอย่างคล่องแคล่ว ทำให้ภายในร้านอาหารเล็กๆ นั้นฟุ้งไปด้วยกลิ่นพริก
สุราดีย่อมไม่กลัวตรอกลึก หลังจากตักกุ้งเครย์ฟิชใส่จานและยังไม่ทันได้ยกออกไป คนที่มาสั่งอาหารที่ร้านเมื่อได้กลิ่นก็มาถามวิธีหาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
พ่อฉินเชิญชวนให้ผู้คนมาลิ้มลอง รสชาติของกุ้งเครย์ฟิชที่ได้การดัดแปลงจากพลังโพไซดอนสามารถพิชิตใจของผู้คนที่นี่อย่างรวดเร็ว มีคนควักเงินออกมาซื้อตั้งแต่ยังอยู่หน้าประตูร้านอาหารเล็กๆ นั่น
ราคาของกุ้งที่ปรุงสุกแล้วไม่สูงมาก แค่ 40 หยวนเท่านัน เมื่อหักค่าธรรมเนียมการดำเนินการออก 10 หยวน ก็มีราคาแพงกว่ากุ้งดิบแค่ 5 หยวนเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นแค่พื้นผิวเท่านั้น ความจริงแล้วกุ้งเครย์ฟิชที่ปรุงสุกแล้วจะมีน้ำมัน ต้นหอม ขิงและกระเทียมติดไปด้วย ถ้าคิดอย่างละเอียด กุ้งดิบ 2.5 กิโลกรัม สามารถนำไปปรุงให้ได้กุ้งสุก 3 กิโลกรัม
วันนี้เป็นวันไหว้พระจันทร์ ทุกครอบครัวจะล้อมวงกันกินข้าว อาหารค่ำมื้อนี้เป็นมื้อที่เป็นทางการมาก สำหรับหมู่บ้านที่ฉินสือโอวอาศัยอยู่นี้ มันเป็นมื้อที่รองจากอาหารค่ำวันส่งท้ายปีเก่าเท่านั้น ดังนั้น จึงไม่มีครอบครัวไหนที่คิดจะประหยัดเงินกับอาหารมื้อนี้ นอกจากนี้ คนส่วนใหญ่ได้ออกไปทำงานกันแล้ว ทุกคนจึงมีเงินเย็นที่กล้าจะควักมาใช้จ่าย
อย่างนี้ กุ้งเครย์ฟิชจำนวน 32.5 กิโลกรัม นอกจาก 5 กิโลที่พ่อครัวเก็บไว้เพื่อวางแผนจะขายเป็นจานให้แขกที่มากินข้าวแล้ว ที่เหลือก็ขายหมดในเวลาไม่ถึงชั่วโมง
พ่อครัวหนุ่มอ้วนเช็ดเหงื่อบนหน้าผากและหัวเราะว่า “กุ้งเครย์ฟิชบ้านนายเลี้ยงยังไง? ตอนที่ฉันไปเรียนทำอาหารที่ภาคใต้ เคยปรุงกุ้งเครย์ฟิชมาไม่น้อย แต่คุณภาพต่างจากของบ้านนายมาเลย”
พ่อฉินแนะนำวิธีการเลี้ยงกุ้งก้ามกรามอย่างกระตือรือร้น เริ่มอธิบายจากคุณภาพน้ำ ชนิดพันธุ์พืชน้ำและปลาที่เลี้ยงรวมกัน ทำเอาพ่อครัวหนุ่มตะลึงพรึงเพริด
ฉินสือโอวคิดบางอย่างในใจแล้วพูดว่า “เพื่อน นายคิดว่ายังไงถ้าเราจะขายส่งกุ้งเครย์ฟิชให้กับร้านอาหารของนาย?”
พ่อครัวยิ้มอย่างขมขื่นแล้วพูดว่า “นั่นเป็นไปไม่ได้แน่นอน ฉันเคยคิดเรื่องนี้แล้ว แม้วันนี้ผู้คนในหมู่บ้านจะยอมควักเงินจ่ายอย่างง่ายดาย แต่นั่นเป็นเพราะว่าวันนี้เป็นวันไหว้พระจันทร์ ในวันปกติจะมีสักกี่คนที่ยอมควักเงิน 40–50 หยวนเพื่อกินกุ้งเครย์ฟิชครึ่งกิโลกันล่ะ?”
“โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กุ้งก้ามกรามของนายตัวใหญ่ แค่ตัวเดียวก็ปาไป 10 หยวนแล้ว แม้ว่ามันจะอร่อย แต่ไม่คุ้มค่า พวกเขาไม่เต็มใจที่จะควักเงินหรอก” เถ้าแก่เนี้ยเองก็ส่ายหัว “เมืองเล็กๆ อย่างเรา ขายได้วันละ 4–5 กิโลกรัมก็เหลือเชื่อแล้วล่ะ”
ฉินสือโอวยิ้มพร้อมกับพยักหน้า แต่ในใจเขากลับมีความคิดใหม่
………………………………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset