ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 844 เปิดร้านอาหารร่วมกัน

หลังจากขายกุ้งเครย์ฟิชหมดแล้ว และได้รับกำไรมาประมาณสองพันหยวน พ่อฉินยิ้มจนรอยย่นบนใบหน้าเรียบไปเลย
“ตอนนั้นที่ฉันส่งแกไปเรียนมหาวิทยาลัย ฉันทำถูกแล้วล่ะ แกดูสิ สมองระดับนักศึกษามหาวิทยาลัยอย่างพวกแกใช้ดีขนาดไหน การเลี้ยงกุ้งเครย์ฟิชดีกว่าทำไร่ทำนามากเลยล่ะ แกว่าถ้าเราเริ่มเลี้ยงกุ้งเครย์ฟิชตั้งแต่ไหนแต่ไร ตอนนี้เราน่าจะมีเงินมากมายขนาดไหนกัน” พ่อฉินรู้สึกตื้นตันใจและถอนหายใจไม่หยุด
ฉินสือโอวหัวเราะไปกับเขา แต่ในใจกลับไม่เห็นด้วย พ่อ ก่อนหน้านี้ลูกพ่อไม่มีหัวใจโพไซดอน ดังนั้นมันไม่เกี่ยวกับการได้เรียนสูงแค่ไหน
พ่อฉินซื้อผัก เนื้อสัตว์และของกินเล่นจำนวนมากมาจากในเมือง เห็นมีคนขายหมูพื้นเมือง ก็ใช้เงินซื้อเนื้อหมูและน้ำมันหมูไปทั้งหมดห้าร้อยกว่าหยวน นอกจากนี้ ยังซื้อจี้หยกเจ้าแม่กวนอิมมาคู่หนึ่ง ว่ากันว่าเป็นหยกพม่าเก่า คู่หนึ่งขายแค่ 100 หยวนเท่านั้น
ฉินสือโอวขำท้องแข็ง หยกถูกกว่ากระจกอะคริลิกตั้งแต่เมื่อไหร่กัน จี้หยกคู่ละ 100 หยวน? นี่เมียนมาร์กำลังล้อเล่นกับประเทศจีนเหรอ?
แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจเรื่องเงิน แค่พ่อแม่มีความสุขก็เพียงพอแล้ว แค่พ่ออยากซื้อเขาก็ซื้อให้หนึ่งคู่ กลับไปใส่คู่กับวินนี่สักช่วงหนึ่ง ยังไงตอนนี้ทั้งสองคนก็ไม่มีอะไรใส่อยู่แล้ว
ในระหว่างทางกลับบ้าน ฉินสือโอวขี่จักรยานยนต์ไปพร้อมกับคิดถึงวิธีทำเงินที่ตัวเองเพิ่งคิดออกเมื่อครู่ไปด้วย จี้ส่ายไปมาบนอกเขา เขารู้สึกไม่ชินเท่าไร จึงล้างน้ำจนสะอาดแล้วอมไว้ในปาก
หลังจากกลับถึงบ้าน ฉินสือโอวเห็นรถออดี้สองคันจอดอยู่หน้าประตูบ้านตัวเอง คันหนึ่งเป็น A6 ของน้องเขย อีกคันเป็น A8 ที่ดูน่าเกรงขาม
เมื่อได้ยินเสียงของจักรยานยนต์ คนในบ้านต่างก็เดินออกมา หนึ่งในนั้นเป็นคนแปลหน้าที่คุ้นเคย เจ้าของร้านออดี้ 4S ที่เป็นเจ้าภาพทีมขบวนรถในงานแต่งงานของฉินเผิงเมื่อปีที่แล้ว
ต้วนเหล่ยยังคงแต่งตัวในสุดสูทและรองเท้าหนังแบรนด์เนม แสดงให้เห็นถึงฐานะที่ไม่ธรรมดาของเขาอยู่ตลอดเวลา เมื่อเทียบกันแล้ว ฉินสือโอวดูมีความติดดินมากกว่า เขาสวมชุดนักศึกษาสมัยเรียนมหาวิทยาลัยและเต็มไปด้วยคาบโคลน
อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกันในแง่ของบุคลิกภาพและการวางตัวแล้ว ต้วนเหล่ยยังตามหลังเขาเยอะเลยล่ะ เนื่องจากหัวใจโพไซดอน ทำให้ฉินสือโอวดูกระฉับกระเฉงมีชีวิตชีวาอย่างมั่นใจ นี่เป็นเหตุผลที่คนส่วนใหญ่อยากเป็นเพื่อนกับเขา บุคลิกอย่างนี้หาได้ยากในหมู่คนหนุ่มสาว
ทันทีที่พบกัน ต้วนเหล่ยก็ยื่นมือออกไปพร้อมกับรอยยิ้ม ฉินสือโอวจับมือกับเขา และคายจี้ในปากออกแล้วพูดว่า “พี่ใหญ่ต้วน ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ? ทำไมมาไม่บอกกันก่อน จะได้ต้อนรับดีๆ… เฮ้ พวกนายเป็นอะไรไป?”
ต้วนเหล่ยมองฉินสือโอวอย่างชะงัก คนอื่นๆ ก็แสดงท่าทีคล้ายกัน เสี่ยวฮุยพูดขึ้นอย่างประหม่าว่า “ลุงปวดท้องไหมครับ? ลุงกำลังจะตายครับ! ถุงน้ำดีของลุงแตกครับ!”
ฉินสือโอวขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “อะไรกัน? ใครสอนให้แกพูดจาแบบนี้? เกิดอะไรขึ้น?”
พี่สาวฉินรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดกล้องหน้าแล้วให้เขาแลบลิ้นออกมา ฉินสือโอวเองก็รู้สึกตกใจเหมือนกันเมื่อได้เห็นลิ้นของตน ทั้งลิ้นเป็นสีเขียว เขาถ่มน้ำลายออกมาเป็นสีเขียวมรกต…
“นี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” ต้วนเหล่ยถามด้วยความประหลาดใจ “ให้ฉันขับรถไปส่งที่โรงพยาบาลประจำเขตของเราหน่อยไหม?”
ฉินสือโอวรู้สาเหตุแล้ว เขาก้มหน้าและดึงจี้ที่ห้อยอยู่บนคอขึ้นมา หยกได้กลายเป็นกระจกสีขาวขุ่นไปแล้ว
“พ่อ นี่คือหยกพม่าเหรอ” ฉินสือโอวยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “น่าจะทนอีกสักสองวันสิ”
พ่อฉินต้องการกลับไปหาชาวภาคใต้ที่ขายหยกอย่างโกรธแค้น แต่ฉินสือโอวรู้สึกว่าไม่จำเป็น คู่ละ 100 หยวน เห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องหลอกลวง คนหนึ่งอยากขาย อีกคนก็อยากซื้อ แต่โชคดีที่ยังไม่ได้ให้วินนี่ใส่ เพราะไม่รู้ว่าเจ้าสิ่งนี้มีพิษหรือไม่
ฉินสือโอวไปแปรงฟันรอบหนึ่ง ต้วนเหล่ยแนะนำเขาให้ไปดูอาการที่โรงพยาบาลสักหน่อย ฉินสือโอวโบกมือปฏิเสธ เขาไม่ได้รู้สึกไม่ดีอะไร อีกอย่างคนขายหยกพวกนั้นก็คงไม่ใช่พวกคนขายยาพิษ พวกเขาไม่กล้าใช้สิ่งที่เป็นอันตรายต่อร่างกายมนุษย์มาทาบนกระจกหรอก
หลังจากเข้าไปนั่งในบ้าน วินนี่ชงกาแฟคุณภาพดีที่นำกลับมาจากแคนาดาให้ต้วนเหล่ย ต้วนเหล่ยแสร้งทำเป็นหลับตาดมกาแฟแล้วพูดว่า “กาแฟจาเมกาใช่หรือไม่?”
ฉินสือโอวประหลาดใจเล็กน้อยและพูดว่า “พี่ต้วนเก่งจริงๆ นี่เป็นกาแฟจาเมกาจริงๆ”
กาแฟจาเมกา ได้รับการขนานนามว่าเป็นพี่น้องสายเดียวกันกับกาแฟบลูเมาน์เทน กาแฟจาเมกาเป็นกาแฟชั้นนำของโลก แต่ความจริงแล้วอัตราการผลิตต่ำมาก ซึ่ง ‘กาแฟบลูเมาน์เทน’ ที่วางขายข้างนอกในตอนนี้ ร้อยละ 90 เป็นของปลอม
ดังนั้น ถ้าต้องการลิ้มรสของกาแฟจาเมกา กาแฟบลูเมาน์เทนเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลย เพราะของปลอมค่อนข้างน้อย
ต้วนเหล่ยยิ้มอย่างเขินอายพร้อมกับพูดว่า ‘ไม่มีอะไร’ จากนั้นก็เล่าประสบการณ์ตอนที่ตนไปเรียนที่แคนาดาให้ฟัง เขาบอกว่าสิ่งที่เขาโปรดปรานมากที่สุดในตอนนั้นคือดื่มกาแฟไปอ่านหนังสือในห้องสมุดไป เพื่อฆ่าเวลา
ในตอนท้าย ต้วนเหล่ยพูดว่า “แน่นอนว่า การที่ฉันสามารถบอกชื่อกาแฟของนายได้ในทันที เป็นเพราะว่าฉันเห็นโลโก้บนกล่องกาแฟตอนที่ภรรยานายหยิบมันมา ฮ่าๆ โลโก้ของกาแฟบลูเมาน์เทนสะดุดตาไม่น้อย”
ในตอนที่เขาพูดประโยคนี้ออกมานั้น คนในห้องต่างพากันหัวเราะ ฉินสือโอวรู้สึกว่าต้วนเหล่ยเป็นคนที่ไม่เลวเลย ไม่เพียงแสดงให้เห็นถึงรสนิยมของตัวเอง และยังแสดงให้เห็นถึงความมีอารมณ์ขันในตัวเขาด้วย
การมาครั้งนี้ของต้วนเหล่ยไม่มีจุดประสงค์อื่น ดูเหมือนว่าเขาจะมาเพื่อตามรอย A6 แต่ความจริงแล้วเขามาเพื่อสร้างสัมพันธไมตรีกับฉินสือโอว
พอดีกับที่ฉินสือโอวต้องการหาคนช่วย การมาของต้วนเหล่ยก็ไม่เลวเหมือนกัน ดังนั้นหลังจากพูดคุยกันพักหนึ่งเขาก็เข้าสู่ประเด็นหลัก “พี่ต้วน ผมมีโอกาสดีที่อาจจะทำเงินได้ ไม่รู้ว่าพี่สนใจหรือไม่?”
ต้วนเหล่ยรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมา และถามว่า “โอกาสอะไร? แน่นอนว่าต้องสนใจอยู่แล้ว!”
“เปิดร้านอาหาร!”
ต้วนเหล่ยที่เดิมทีมีท่าทีตื่นเต้นหยุดนิ่งในทันที “เปิดร้านอาหารเหรอ? ฉันคือว่าโดยพื้นฐานแล้ว ธุรกิจนี้ยากที่จะร่ำรวยได้”
ฉินสือโอวกล่าวว่า “ไม่ใช่ร้านอาหารธรรมดาทั่วไป พี่ต้วน ผมวางแผนจะเปิดโรงแรมอาหารทะเลชั้นนำในเขต พี่เองก็รู้ว่าผมทำธุรกิจเพาะเลี้ยงปลาที่แคนาดา แต่พี่อาจจะยังไม่รู้ อาหารทะเลในฟาร์มปลาของผมเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา”
ครั้งนี้ไม่ต้องคุยโว เขาแค่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตจากนั้นค้นหาอาหารทะเลแบรนด์ต้าฉิน ก็จะเห็นรายงานที่เกี่ยวข้องมากมายจนนับไม่ถ้วน
“ถึงเวลานั้นแค่ใช้อาหารทะเลของผม รวมอุตสาหกรรมอาหารทะเลระดับสูงในเขตเข้าด้วยกันก็จะง่ายต่อการจัดการอย่างมาก!” ฉินสือโอวพูดอย่างมั่นใจเต็มเปี่ยม
แต่ความจริงแล้วเขาก็รู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย เดิมทีเขาคิดที่จะรวมตลาดอาหารทะเลทางตะวันออกของแคนาดาเข้าด้วยกัน แต่ตอนนี้เปลี่ยนมารวมเขตเล็กๆ ในบ้านเกิดแทน
ต้วนเหล่ยเริ่มลังเลใจ การที่เขาต้องการสร้างสัมพันธไมตรีกับฉินสือโอว ก็เพื่อยืมทรัพยากรที่เขามีอยู่มาสร้างทำเงินไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้โอกาสมาถึงแล้ว ก็ต้องดูที่วิสัยทัศน์ของเขาแล้วล่ะ
ต้วนเหล่ยพูดอย่างระมัดระวังว่า “ฉันขอกลับไปคิดก่อนได้ไหม?”
เรื่องนี้ไม่เร่งรีบ แม้จะร่วมมือกันก็ต้องหารือเกี่ยวกับสัดส่วนของเงินปันผล ฉินสือโอวต้องการที่จะร่วมมือกับต้วนเหล่ยเป็นอย่างมาก เพราะการเปิดร้านอาหารระดับไฮเอนด์นั้นแตกต่างจากร้านอาหารทั่วไป จำเป็นที่จะต้องใช้เส้นสาย ต้วนเหล่ยสามารถเปิดร้าน 4S ที่ใหญ่ที่สุดได้ แสดงว่าเส้นสายต้องไม่ธรรมดา
เขาต้องการนำอาหารทะเลในฟาร์มปลาไปเทขายในเมืองจริงๆ แต่ต้องการจัดการกับปลาในบ่อเลี้ยงปลาเป็นหลัก เขาเชื่อว่า แค่กุ้งเครย์ฟิชและปลาชนิดอื่นในบ่อเลี้ยงปลา ก็สามารถรองรับร้านอาหารระดับเขตได้
หลังจากที่ส่งต้วนเหล่ยกลับ เหล่าข้าราชการในหมู่บ้านก็มาที่บ้านของเขา พวกเขานำขนมไหว้พระจันทร์ ผลไม้อบแห้งและอาหารกระป๋องมาให้  เพื่อให้เขานำกลับไปที่แคนาดาด้วย โดยเฉพาะผลไม้อบแห้งและอาหารกระป๋อง มีจำนวนมากจนสามารถยัดห้องให้เต็มได้เลยล่ะ
……………………………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset