ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 856 ล่าสัตว์อย่างง่ายๆ

 
แอร์แบ็คพูดว่า “ฝูงกวางหางขาวขนาดกลาง มีกวางใหญ่อยู่ทั้งหมด 21 ตัวกับกวางเล็กอีก 8 ตัว ตอนนี้พวกมันกำลังขุดหิมะหาหญ้ากิน ตำแหน่งที่เลือกเปิดกว้างเกินไป ถ้าจะโอบล้อมโจมตีคงไม่ง่ายดายนัก”
เบิร์ดไตร่ตรองดูอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดขึ้นมาว่า “หรือพวกเราจะเลือกลูกกวาง แล้วไม่ต้องฆ่ากวางใหญ่ ใช้แค่ธนูกับปืนไฟฟ้าจับลูกกวางมาแปดตัว แล้วเอาพวกมันมาเป็นเหยื่อล่อ เชื่อได้เลยว่ากวางทั้งฝูงต้องติดกับพวกเราอย่างแน่นอน”
แผนปฏิบัติการเหล่านี้เป็นเรื่องของเหล่าทหารรับจ้าง พวกชาวประมงนั่งยองๆ ฟังอยู่ข้างๆ ก็พอแล้ว
ฉินสือโอวกล่าวว่า “ไม่จำเป็นต้องทำขนาดนั้นหรือเปล่า? ต้องให้โอกาสพวกมันได้แพร่พันธุ์บ้าง พวกเราฆ่ากวางใหญ่สักสองสามตัว เลี้ยงลูกกวางอีกสักสามตัวก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ?”
นีลเซ็นพูดอย่างยิ้มๆ ว่า “นี่คือกวางหางขาวนะ บอส น่ากลัวว่าจะมีจำนวนมากกว่าคนทั้งแคนาดาเสียอีก ปีที่แล้วรัฐบริติชโคลัมเบียยังจ้างมือปืนซุ่มยิงให้ฆ่าเจ้าพวกนี้อยู่เลย ดังนั้นพวกเราไม่ต้องกังวลไปหรอกครับว่าฝูงกวางจะสูญพันธุ์”
ฉินสือโอวตรึกตรองอยู่สักพัก จากนั้นจึงบอกว่าแล้วแต่พวกนายเลยก็ได้ แต่เขายังยืนยันที่จะแนะนำว่าไม่ให้โจมตีฝูงกวางแบบถอนรากถอนโคน
เหล่าทหารรับจ้างเข้ามาปรึกษากันใกล้ๆ อยู่สักครู่ พวกเขาพากันเปลี่ยนกระสุนปืนเป็นกระสุนยาสลบทั้งหมด แบล็คไนฟ์จะพาหู่จือกับเป้าจือข้ามไป ให้สุนัขทั้งสองตัวเข้าไปซ่อนตัวอยู่สักครู่ จากนั้นก็ไล่ต้อนจากทางด้านข้าง
แบบนี้จะทำให้กวางใหญ่ตกใจจนหนีไป แล้วไล่ต้อนลูกกวางไปยังที่วงล้อมซุ่มโจมตีของพวกเขา หนึ่งคนต่อกวางหนึ่งตัว ตกลงกันได้ไม่มีปัญหาติดขัดอะไร
หู่จือกับเป้าจือกะพริบตาสีดำๆ เล็กๆ อย่างมึนงง แค่แป๊บเดียวก็เข้าใจเรื่องการจัดวางของแบล็คไนฟ์ จึงแบ่งเป็นสองทางแล้วหายตัวเข้าไปในป่าอย่างเงียบเชียบ
ฉงต้าก็อยากตามไปเหมือนกัน แต่ฉินสือโอวไปจับมันกลับมา เจ้านี่มีเสียงเวลาเคลื่อนไหวที่ดังเกินไป จะทำให้ฝูงกวางรู้ตัวได้ง่ายๆ
กวางหางขาวเป็นสัตว์ที่มีความรู้สึกไวมาก พวกมันมีนิสัยขี้ขลาดโดยธรรมชาติ แค่มีลมพัดหญ้าขยับพวกมันก็พากันวิ่งหนีแล้ว
นี่เป็นข้อมูลที่ฉินสือโอวรู้มาจากช่องรายการวิทยาศาสตร์ในทีวี
ฝูงกวางกำลังกินหญ้าอยู่ท่ามกลางพื้นที่ป่าเปิดใต้ตีนเขา มีพื้นที่ว่างประมาณสี่ห้าหมู่ กวางตัวใหญ่ใช้อุ้งเท้าขุดกองหิมะออก พอหาหญ้าที่ยังถือว่ายังสดนุ่มอยู่ก็กินเข้าไปอย่างช้าๆ ดูท่าทางผ่อนคลาย
หู่จือกับเป้าจือวิ่งมาถึงตำแหน่งตรงเนินบนภูเขาอย่างเงียบเชียบ หลังจากนั้นจึงแผดเสียงคำรามออกมา สุนัขทั้งสองตัววิ่งพล่านออกมาพร้อมกัน แล้วเริ่มการโจมตีจากทั้งทางซ้ายและขวา
เหมือนกับที่ทุกๆ คนคาดการณ์ไว้ พอสุนัขล่าสัตว์บุกออกไป ฝูงกวางก็ตกใจกลัวอย่างหนัก ลูกกวางร้อง ‘โยวๆ’ รวมตัวเข้าหากันด้วยความตื่นตระหนก ส่วนพวกกวางตัวโตก็สะบัดกีบเท้าวิ่งหนีไป
ด้วยความที่หู่จือกับเป้าจือกำลังประลองฝีมือกับบุชอยู่ ดังนั้นเมื่อต้องลงมือพวกมันก็หยิบเอาพลังของสุนัขคลั่งออกมาใช้ เห่าโฮ่งๆ พร้อมกับทำท่าทางที่เปี่ยมไปด้วยความดุร้าย ใช้แรงกำลังบุกเข้าไปหาฝูงกวางดุจลมในฤดูใบไม้ร่วงที่กวาดใบไม้ไปจนหมดสิ้น
พวกกวางใหญ่ตื่นตระหนกตกใจ จนวิ่งหนีเตลิดไปยังทั่วทุกสารทิศ ระหว่างชั่วเวลานั้นก็ลืมพวกลูกกวางที่อยู่ด้านหลัง
หู่จือเป้าจือไม่ได้ตามไปจัดการกวางใหญ่ที่วิ่งหนีไป แต่ไล่ต้อนลูกกวางจากปีกทั้งสองด้าน ขับไล่ฝูงลูกกวางไปยังทางลาดตรงตีนเขา
พวกลูกกวางไม่ได้มีประสบการณ์เหมือนกับกวางใหญ่ จึงไม่รู้ว่าเวลาวิ่งหนีต้องพากันแยกย้ายกระจายตัวไป ตัวหนึ่งวิ่งอยู่ด้านหน้าสุด ตัวอื่นๆ ที่เหลือก็วิ่งตามก้นมาทางด้านหลัง พากันวิ่งลงมาเหมือนผึ้งแตกรัง
เหล่าทหารรับจ้างมาดักรอซุ่มโจมตีอยู่ตั้งนานแล้ว ซุ่มรอลูกกวางเป็นรูปใบพัด พวกเขาแบ่งจำนวนคนไว้เรียบร้อยแล้ว และจะยิงปืนออกไปตามลำดับก่อนหลัง
จากระยะห่างประมาณสิบกว่าเมตร ด้วยทักษะการยิงปืนที่แม่นยำของเหล่าทหารรับจ้าง บวกกับที่บรรดาลูกกวางไม่สามารถเปลี่ยนทิศทางขณะที่กำลังวิ่งได้ ทำได้เพียงพุ่งไปข้างหน้าอย่างทึ่มๆ เท่านั้น ดังนั้นเสียงปืนก้องกังวานจึงดังขึ้นติดต่อกันอย่างไม่ขาดสาย
หลังจากโดนยิง ลูกกวางตัวที่วิ่งอยู่ด้านหน้าสุดก็เริ่มโงนเงน กระสุนยาสลบไม่ได้ออกฤทธิ์เลยทันที มันวิ่งต่อไปได้อีกสิบกว่าเมตร หลังจากนั้นฝีเท้าของมันถึงจะเริ่มซวนเซ ท้ายที่สุดขาทั้งสี่ข้างก็ล้มลงไปบนพื้นหิมะ
เริ่มตั้งแต่ลูกกวางตัวที่วิ่งนำหน้าล้มลง ลูกกวางที่อยู่ทางด้านหลังก็ทยอยกันล้มลงอย่างต่อเนื่อง กระสุนยาสลบมีปริมาณยาไม่มาก พวกมันแค่ลุกขึ้นยืนไม่ได้เท่านั้น แต่ยังมีสติอยู่ จึงร้อง ‘โยวๆ’ พร้อมกับพยายามลุกขึ้นมา ทว่าขาทั้งสี่ข้างกลับอ่อนแรง ลุกยังไงก็ไม่ขึ้น
เหล่าทหารรับจ้างนำเชือกเข้าไปมัดลูกกวางไว้ ในตอนนี้ ณ ท้องทุ่งบนหุบเขาที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลก็มีเสียงปืนก้องกังวานดังขึ้นมา
ฉินสือโอวเงยหน้ามองพร้อมกับพูดว่า “ใครมันโชคดีขนาดนั้นกันนะ?”
ที่พวกเขาพบฝูงกวางได้เร็วขนาดนี้ นั่นเป็นเพราะมีหน่วยสอดแนมที่ยอดเยี่ยมอย่างบุชอยู่ เมื่ออยู่บนภูเขามันเป็นทหารสอดแนมที่มีประโยชน์ยิ่งกว่าเรดาร์เสียอีก ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับคนธรรมดาทั่วไปที่จะหาฝูงสัตว์ป่าในพื้นหิมะบนภูเขาร้างได้
ความตื่นตัวของสัตว์ป่าเหนือชั้นกว่าพวกมนุษย์ และนอกจากตอนล่าอาหารแล้ว พวกมันจะใช้เวลาส่วนใหญ่เพื่อซ่อนตัวอยู่อย่างเงียบสงบ เมื่อสัมผัสได้ถึงความอันตรายก็จะรีบวิ่งหนีไปตั้งแต่ช่วงแรกๆ ดังนั้นจึงเหลือโอกาสให้คนได้ยิงปืนไม่มาก
แบล็คไนฟ์ลองฟังเสียงแล้วจึงส่ายหัวพูดว่า “ไม่ใช่ บอส นี่เป็นเสียงปืนที่ยิงขึ้นฟ้า พวกเขาน่าจะไม่เจอเหยื่อ ยกเว้นเสียแต่ว่าอยากจะยิงนก”
พอพูดจบ นกคาร์ดินัลแดงสองตัวก็บินมาถึงเหนือศีรษะของพวกเขา ร้องจิ๊บๆ จิ๊บๆ อยู่ครั้งสองครั้ง เผยในหน้าเล็กๆ ที่กำลังโมโหออกมา แล้วจึงบินหนีไปอีกครั้ง
ฉินสือโอวเคยคิดที่จะเลี้ยง ‘แอ็งกรีเบิร์ด’ ชนิดนี้สักสองตัว แต่ต่อจากนั้นก็อ่านเจอว่านกคาร์ดินัลแดงมีสติปัญญาต่ำมาก เลี้ยงนกชนิดนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร ฉินสือโอวจึงปล่อยผ่านความคิดเรื่องนี้ไป
นีลเซ็นผูกเงื่อนให้ลูกกวางไปพร้อมกับพูดอย่างยิ้มๆ ว่า “หรือพวกเขาจะอยากล่านกน้อยพวกนี้?”
ฉินสือโอวหยิบวิทยุสื่อสารออกมาหาคลื่นความถี่ เชื่อมต่อกับฟาร์มปลา บอกตำแหน่งให้บูลที่ยังอยู่ที่ฟาร์มปลาได้รู้ เพื่อให้เขาพาคนกับรถมาเอาลูกกวางไป
บูลตอบรับ เขาบอกหมายเลขคลื่นความถี่วิทยุช่องหนึ่งกับฉินสือโอว บอกว่านี่เป็นคลื่นความถี่สำหรับการล่าสัตว์บนภูเขา ก่อนหน้านี้ฮิวจ์เข้ามาสมัครไว้ให้ แต่เขาลืมบอกฉินสือโอว
พอฉินสือโอวเชื่อมต่อกับคลื่นความถี่ เสียงจ้อกแจ้กจอแจก็ดังขึ้นมา “…เอ้อ เซ็ท เมื่อกี้ใครเป็นคนยิงปืน? กวางเรนเดียร์ดีๆ ของฉันตัวหนึ่ง เพิ่งจะหามันเจอ ก็ดันตกใจจนวิ่งหนีไปแล้ว!”
“ไม่ คาเมรอน ไอ้เวร แกพูดเรื่องไร้สาระอีกแล้วแน่ๆ! แกหากวางเรนเดียร์ไม่เจอ แกล่าสัตว์ไม่เป็น!”
“เสียงปืนครั้งที่สองคือเสียงที่ฮิวจ์เป็นคนยิง เขากับเมลเลนมาป่วน…”
“แล้วเสียงปืนครั้งแรกล่ะ? ฉันได้ยินเสียงปืนดังขึ้นมาตั้งหลายนัด มีคนหาหมูป่าหรือไม่ก็กวางเจอแล้วเหรอ?”
ฉินสือโอวกระแอมไอหนึ่งครั้งแล้วพูดว่า “เฮ้ เพื่อน ฉันเอง ฉิน เมื่อกี้พวกเราจับลูกกวางหางขาวมาได้หลายตัวเลย…”
“อะไรนะ? นายพูดว่ากวางหางขาวเหรอ? อ้อ เมื่อกี้ฉันก็เพิ่งเจอฝูงเล็กๆ เหมือนกัน เจ้าพวกนี้แม่งฉลาดกันจริงๆ ฉันเพิ่งจะเห็นก้นมันไวๆ พวกมันก็พากันแอบหนีไปแล้ว…”
“ฝูงกวางหางขาวลงมาตั้งแต่เมื่อไร? ฉันจำได้ว่าส่วนมากพวกมันจะซ่อนตัวอยู่บนยอดเขาไม่ใช่เหรอ?”
“ไม่ต้องสงสัยเลย พวกมันคงจะรู้ล่วงหน้าว่าปีนี้จะมีพายุหิมะ เลยลงมาหาอาหารเพื่อหลีกเลี่ยงภัยธรรมชาติ”
ฉินสือโอวยักไหล่พร้อมกับฝืนยิ้มเจื่อนๆ เขากดปิดวิทยุสื่อสาร ข้างในมีคนกลุ่มหนึ่งกำลังคุยกันเรื่องไร้สาระ ไม่ได้มีอะไรน่าสนใจ
จับกวางมาได้หนึ่งฝูง ฉินสือโอวจึงให้แซ็กนั่งกอดปืนรอพวกบูลมาเอาลูกกวางกลับไป พวกเขายังต้องเดินลึกเข้าไปอีก การล่าสัตว์เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น
เมื่อมีบุชกับนิมิตส์ กิจกรรมการล่าสัตว์จึงง่ายดายยิ่งกว่าเล่นเกมบนคอมพิวเตอร์ ไม่ทันไรบุชก็บินกลับมาแล้ว มันร้องแกว๊กๆ อยู่ด้านบนเหนือศีรษะของฉินสือโอวอยู่สักครู่ หลังจากนั้นก็นำทางพวกเขาให้เดินไปทางทิศตะวันออกต่อ
แบล็คไนฟ์กับแอร์แบ็คหยิบกล้องส่องทางไกลออกมาเดินนำเป็นกองหน้า ทั้งสองคนติดตามการนำทางของบุชที่กำลังมุ่งไปด้านหน้าด้วยความระมัดระวัง ขณะที่เข้าสู่ป่าผืนเล็กบนเนินลาดเอียง แบล็คไนฟ์ก็วิ่งกลับมา แล้วพูดว่า “ครั้งนี้เป็นกวางแดง กวางตัวผู้หนึ่งตัวพากวางตัวเมียมาอีกสี่ตัว”
……………………………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset