ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 859 สงครามกลางอากาศ

เมื่อสักครู่นี้ขณะที่กำลังจะทานมื้อเที่ยง ฉินสือโอวเรียกบุชกับนิมิตส์ให้ลงมาข้างล่าง แต่ปรากฏว่าแค่ครู่เดียวบุชก็บินออกไปอีกแล้ว มีแค่นิมิตส์ที่ยังอยู่ข้างๆ เขา
เสียงที่ดังขึ้นในขณะนี้ เป็นเสียงร้องแหลมสูงของบุชนั่นเอง
และเมื่อได้ยินเสียงนี้ นิมิตส์จึงกระพือปีกบินขึ้นไปอย่างทันทีทันใด ขนสีน้ำตาลดำเหมือนเหล็กตั้งตรงขึ้นเป็นชั้นๆ บินขึ้นไปบนอากาศอย่างมุทะลุดุดัน เหมือนทหารกล้าที่กำลังเข้าร่วมทำสงคราม
ฉินสือโอวเงยหน้าขึ้นไปมอง เขาพบเพียงท้องฟ้าสีน้ำเงินสดใส กับนกใหญ่หนึ่งฝูงที่กำลังเข่นฆ่าโรมรันกันอยู่!
ใช่แล้ว นกใหญ่ หนึ่งฝูง กำลังเข่นฆ่ากัน!
บุชเป็นหนึ่งในฝ่ายที่กำลังทำการรบ นี่แยกได้ง่ายมาก เนื่องจากในบรรดานกใหญ่หลายสิบตัว มีเพียงนกอินทรีหัวขาวอยู่ตัวเดียวเท่านั้น ลูกนกปีกกว้างสองเมตร สีหน้าท่าทางน่าเกรงขาม นกใหญ่ตัวอื่นถึงแม้ว่าจะมีขนาดและสีสันที่แตกต่างกัน แต่ยังสามารถระบุได้คร่าวๆ ว่าเป็นนกชนิดเดียวกัน
บุชบินได้เร็วกว่าพวกมัน กำลังสู้รบของนายทหารตัวเดียวก็แข็งแกร่งมากเช่นกัน ทว่ามีคู่ต่อสู้อยู่เป็นจำนวนมาก ทั้งยังฉลาดมากอีกต่างหาก พวกมันไม่ได้มุ่งแต่จะไล่ตีบุชอย่างเดียว แต่แบ่งกำลังรบเป็นหลายทาง ทั้งโอบล้อมโจมตี ทั้งบินดิ่งเพื่อทำการโจมตี ทั้งลอยตัวจิกทึ้งศัตรูกลางอากาศ เหมือนกับทหารอากาศในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
หลังจากบินขึ้นไปนิมิตส์ก็ตรงไปจิกทึ้งนกใหญ่ตัวหนึ่งที่อยู่ด้านล่าง ไล่ตามจิกมันติดต่อกันหลายครั้ง จิกทึ้งขนของนกใหญ่ตัวนั้นจนยุ่งเหยิงไปทั่วทั้งตัว ทำให้มันบินเตลิดหนีไปอย่างไม่เลือกทิศ
แต่ต่อจากนั้น นกใหญ่จำนวนห้าหกตัวก็แยกตัวออกมาจากกำลังหลักเพื่อมารับมือกับนิมิตส์ ส่วนพวกที่เหลือยังตะลุมบอนกับบุชต่อไป
ฉินสือโอวมองดูอยู่แค่ครู่เดียวก็เข้าใจแล้ว ทั้งสองฝ่ายต้องไม่ได้ปะทะกันเป็นครั้งแรกแน่ๆ ต่างฝ่ายต่างก็คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี นิมิตส์กับบุชบินอย่างรวดเร็วเพื่อเปิดระยะห่างทำการรบแบบกองโจร แต่นกใหญ่ตัวอื่นๆ อยากจะทำการรบในสนามเพื่อปิดล้อมพวกมันทั้งสองตัวไว้
คนอื่นๆ ก็เงยหน้ามองเช่นกัน เนื่องจากในตอนต้นพวกมันบินอยู่สูงเกินไปทำให้มองเห็นได้ไม่ชัด ต่อมาหลังจากนิมิตส์เข้าร่วมรบเพื่อช่วยบุชทำการต่อสู้ พอนกทั้งสองตัวก็บินต่ำลง นกใหญ่ที่ตามอยู่ด้านหลังจึงพากันบินต่ำลงมาด้วย ลักษณะร่างกายของพวกมันจึงค่อยๆ ชัดเจนขึ้น
นกใหญ่พวกนี้เมื่อเทียบกับบุชแล้วถือว่ามีขนาดเล็กกว่าไม่น้อยเลย ขนาดตัวแค่หกสิบเซนติเมตรกว่าๆ ปีกกว้างหนึ่งเมตรกว่าๆ ไม่ถึงหนึ่งเมตรครึ่งอย่างแน่นอน เพียงแต่ว่ายังมีปีกที่แข็งแรง หลังจากกางออกแล้วจะมีเส้นรัศมีเป็นวงและไม่มีมุมแหลม สีบริเวณท้องน้อยค่อนข้างอ่อนกว่าบริเวณหลัง บนท้องมีลายแถบสีน้ำตาลเข้มอยู่หนึ่งแถว จะงอยปากสั้นและเป็นสีเข้ม โค้งงอเหมือนตะขอ จะงอยปากกับส่วนขาและเท้าล้วนแต่เป็นสีเหลือง
เหยี่ยวหางแดง!
หลังจากฉินสือโอวกับคนอื่นๆ มองเห็นลักษณะของนกใหญ่ฝูงนี้ก็สามารถระบุตัวตนของพวกมันได้อย่างชัดเจน นกในวงศ์เหยี่ยวและอินทรีทุกชนิดเป็นหนึ่งในสมาชิกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดบนทวีปอเมริกา
นกเหยี่ยวชนิดนี้มีกระจัดกระจายอยู่ทั่วโลก เมื่อตัดคำว่า ‘นกอินทรี’ ของคนจีนที่ใช้เรียกนกเหยี่ยวและอินทรีโดยทั่วไปออกไป ก็จะหมายถึงเหยี่ยวทะเลทรายขนาดใหญ่
เมื่อเทียบกับนกอินทรีหัวขาวที่แข็งแรงและทรงพลังกับนกโจรสลัดตัวใหญ่ที่หยิ่งยโส รูปร่างลักษณะของเหยี่ยวหางแดงดูเฉิ่มเชยกว่าไม่น้อย ทั้งสองฝ่ายที่กำลังสู้รบกันอยู่จึงทำให้คนนึกถึงสิงโตเจ้าป่ากับไฮยีนาบนท้องทุ่งหญ้าแอฟริกาได้อย่างง่ายดาย
เพียงแต่ว่าเหยี่ยวหางแดงยังมีดีกว่าไฮยีนาอยู่มาก ไฮยีนาไม่กล้าไล่ตามสิงโตด้วยซ้ำ ซึ่งตอนนี้พวกเหยี่ยวหางแดงยังไล่ตามจนนกอินทรีหัวขาวกับนกโจรสลัดต้องหนีหัวซุกหัวซุน
นกอินทรีหัวขาวกับนกโจรสลัดรู้สึกไม่ยุติธรรมเป็นอย่างยิ่ง ไม่ใช่ว่ากองทัพของเราไร้ความสามารถ เป็นเพราะทหารฝ่ายศัตรูมีจำนวนเยอะเกินไปต่างหาก พวกมันมีกันแค่สองตัว แต่เหยี่ยวหางแดงมีกันตั้งสิบกว่าตัว ความแตกต่างมากเกือบถึงสิบเท่า ยกเว้นเสียแต่ว่าบุชกับนิมิตส์ยิงปืนเป็น ไม่อย่างนั้นจะเอาอะไรไปสู้ได้
ชาร์คที่กำลังจัดการกระต่ายป่าสโนว์ชูแหงนหน้ามองด้วยความประหลาดใจ แล้วพูดขึ้นว่า “ทำไมเหยี่ยวทะเลทรายพวกนี้ถึงได้หัวร้อนกันขนาดนี้ล่ะ? พวกมันเป็นนกเหยี่ยวที่มีนิสัยสงบนิ่งมาก โดยทั่วไปแล้วจะไม่ไปทะเลาะกับนกชนิดอื่นๆ ก่อน”
ฉินสือโอวยิ้มเจื่อนๆ นี่ยังต้องพูดอีกเหรอ? ก็บุชนั่นแหละที่ไปแหย่พวกมันก่อน อีกทั้งเขายังนึกขึ้นมาได้ว่าก่อนหน้านี้ครึ่งปี นับตั้งแต่บินได้บุชก็บินตามนิมิตส์มาที่เทือกเขาเคอร์บัลอยู่ตลอด พวกมันน่าจะมาที่นี่เพื่อตีกันกับพวกเหยี่ยว
เพียงแต่ แต่ไหนแต่ไรพวกมันไม่เคยชนะเลย ดูจากขนที่ยุ่งเหยิงพันกันในทุกๆ ครั้งที่กลับไปก็สามารถตัดสินได้แล้ว
ในตอนนั้นฉินสือโอวยังสงสัยอยู่เลยว่า นกอะไรถึงจะสู้นกโจรสลัดกับนกอินทรีหัวขาวที่ร่วมมือกันได้? พอเห็นตอนนี้ ก็ตอบได้ง่ายๆ เหยี่ยวหางแดง! อะไรนะ เหยี่ยวหางแดงตัวเดียวสู้ไม่ได้แม้กระทั่งนกเค้าแมว? งั้นถ้าเกือบยี่สิบตัวล่ะ?!
ที่จริงแล้วชาร์คพูดได้ถูกต้อง นกจำพวกเหยี่ยวค่อนข้างนิ่งเงียบ โดยทั่วไปจะไม่โจมตีมนุษย์กับนกชนิดอื่น อาหารของพวกมันคือสัตว์จำพวกไก่ป่าคาเปอร์เคลลี งูตัวเล็ก หนู นกกระทา นกลุยน้ำ ค้างคาว หนูผี
เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่า สัตว์ชนิดพันธุ์ที่มีความหยิ่งยโสจะอยู่อย่างสันโดษ อย่างเช่นเสือร้ายบนภาคพื้นดิน สัตว์ปีกอย่างนกอินทรีทอง สัตว์จำพวกอินทรีส่วนใหญ่จะอยู่แบบแยกตัว ทว่าเหยี่ยวไม่ใช่สัตว์สันโดษ พวกมันจะอยู่กันเป็นฝูง เนื่องจากเมื่ออยู่อย่างสันโดษพวกมันจะถูกรังแกได้ง่าย
เหยี่ยวถูกรังแกได้ง่ายขนาดไหนน่ะเหรอ? นกฮูกเกรทฮอร์น นกเค้าแมวกับนกอินทรีชนิดอื่นๆ จะจู่โจมพวกมัน แม้กระทั่งนกกากับนกสาลิกาปากดำที่ค่อนข้างแข็งแรงกำยำก็กล้าฉี่รดหัวพวกมัน
นี่เกี่ยวข้องกันกับอุปนิสัยที่อ่อนแอของเหยี่ยว เวลาถูกคุกคามโดยทั่วไปกลยุทธ์ที่พวกมันจะใช้กลยุทธ์การหลบหนีไม่ใช่การต่อสู้
ทว่าหลังจากเหยี่ยวรวมกันเป็นฝูงแล้ว พละกำลังในการสู้ของพวกมันก็มากพอดูเลยทีเดียว ถึงอย่างไรก็เป็นนกจำพวกเหยี่ยว จะทำตัวเป็นเฮลโลคิตตีไม่ได้
คาดว่าเริ่มแรกบุชคงนึกว่าจะข่มเหงรังแกพวกมันได้ง่ายๆ ปรากฏว่าพอมันเข้าไปหาเรื่อง นิมิตส์เลยต้องช่วยจัดการเช็ดล้างให้มัน
บุชกับนิมิตส์สู้เหยี่ยวหางแดงไม่ชนะ แต่เหยี่ยวหางแดงก็ทำอะไรพวกมันไม่ได้เช่นกัน ตามก็ตามไม่ทัน กัดก็กัดไม่ได้ มีเพียงแค่ตอนสกัดกั้นการรบแบบกองโจรของพวกมันทั้งสองตัวเท่านั้น ถึงจะสามารถจิกกัดพวกมันได้
ฝูงเหยี่ยวหางแดงกำลังสู้รบกับบุชและนิมิตส์อย่างเมามัน ฝ่ายหนึ่งรบแบบกองโจรส่วนอีกฝ่ายก็ไล่ตามอย่างไม่ยอมแพ้ ตีกันอยู่ดีๆ ฝ่ายที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การสู้รบก็ปรากฏตัวขึ้น นกอินทรีทองสองตัว!
นกอินทรีทองทั้งสองตัวมีร่างกายขนาดใหญ่ ตัวใหญ่ที่สุดเวลากางปีกจะมีขนาดใหญ่กว่าบุชเล็กน้อย ส่วนตัวที่มีขนาดเล็กกว่ามีขนาดเท่าๆ กันกับบุช
หลังจากปรากฏตัวแล้ว นกอินทรีทองทั้งสองตัวบินวนอยู่บนท้องฟ้าเป็นรูปวงกลม พร้อมกับมองลงไปดูการต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายที่อยู่ด้านล่าง ปีกของพวกมันทั้งสองตัวยกขึ้นเป็นรูปตัว ‘V’ ใช้การเปลี่ยนแปลงปีกที่อ่อนนุ่มแต่ปราดเปรียวทั้งสองข้างกับหางมาปรับการบินให้เหมาะสม ท่วงท่ามีความหยิ่งยโสมีอำนาจที่บรรยายออกมาไม่ได้
นกจำพวกนกอินทรีทองมีความเก่งกาจมาก เป็นนักล่าชั้นหนึ่งของซีกโลกเหนือ มีคนพูดไว้ในหนังสือชื่อ ‘พลังแห่งชีวิต’ ว่าราชานกอินทรีทองไม่กินนกด้วยกัน ดังนั้นสัตว์จำพวกนกจึงสามัคคีกันเป็นพิเศษ แต่ในความเป็นจริงนี่เป็นเรื่องเหลวไหลทั้งเพ นกอินทรีทองไม่เพียงแต่กินนก แต่ยังกินนกอินทรี! ซึ่งเหยี่ยวหางแดงพวกนี้ ล้วนแต่เป็นเหยื่อของพวกมันทั้งสิ้น!
แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจก็คือ หลังจากนกอินทรีทองทั้งสองปรากฏตัวขึ้น กลับไม่ได้จู่โจมฝูงเหยี่ยวหางแดง พวกมันแค่วนอยู่รอบๆ รอฉวยโอกาสโจมตีเท่านั้น
แต่เห็นได้ชัดว่าพวกเหยี่ยวหางแดงก็ไม่ได้วางใจกับพวกมัน พอเห็นพวกมันปรากฏตัวขึ้นก็พากันลดระดับการบินลงทันที จากนั้นจึงมุดเข้าไปซ่อนตัวในต้นไม้ที่อยู่ด้านล่าง ไม่ไปจัดการนกอินทรีหัวขาวกับนกโจรสลัดอีก
ถึงแม้ว่าบุชกับนิมิตส์จะตีกันกับเหยี่ยวหางแดงมานานมากแล้ว แต่ทั้งสองตัวไม่กินนกชนิดนี้ ดังนั้นการต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายจึงเหมือนกับการทะเลาะวิวาทไม่ใช่การต่อสู้จนถึงแก่ชีวิต แต่เมื่อถูกนกอินทรีทองจับจ้อง นั่นหมายถึงการต่อสู้ที่เกี่ยวข้องกับความเป็นความตายแล้ว
ในความเป็นจริงต่อให้เหยี่ยวหางแดงไม่ได้หนีไป ที่นี่ก็ไม่มีธุระอะไรเกี่ยวกับพวกมันอีกแล้ว พอนกอินทรีทองปรากฏตัวขึ้น นิมิตส์กับบุชก็กระพือปีกบินขึ้นสูงทันที พวกมันเริ่มคุมเชิงกับนกอินทรีทอง ทั้งสองฝ่ายบินวนอยู่บนท้องฟ้า ไม่มีใครยอมเปิดฉากโจมตีง่ายๆ
ฉินสือโอวหยิบกล้องส่องทางไกลมาส่องดูอย่างละเอียด หลังจากมองเห็นส่วนหัวของนกอินทรีทองเขาก็ชะงักงันไปทันที นกใหญ่พวกนี้มีตัวหนึ่งที่ไม่มีลูกตา เหลือเพียงเบ้าตาสีดำๆ เท่านั้น!
ทันใดนั้น เขาก็นึกถึงการซุ่มโจมตีฝูงห่านของฟาร์มปลาของเขาครั้งแล้วครั้งเล่าในปีที่แล้ว หลังจากนั้นนกอินทรีทองก็ถูกนิมิตส์จิกลูกตาหนึ่งข้าง
คงไม่บังเอิญขนาดนี้หรอกใช่ไหม? ศัตรูคู่อาฆาตพบกันแล้วอย่างนั้นเหรอ?
………………………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset