ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 863 ไล่หิมะ

ฉินสือโอวงงงันไปชั่วครู่ “ซิมบ้า? ใช่แล้ว ราชาเจ้าป่าซิมบ้า แต่ปัญหาคือ นี่เป็นแมวป่านะ”
“สิงโตเป็นสัตว์ตระกูลแมว แมวป่าก็เป็นสัตว์ตระกูลแมว พวกมันมีบรรพบุรุษพวกเดียวกัน มีความสัมพันธ์เป็นญาติแบบห่างๆ พวกเราต้องสร้างแรงปณิธานให้ลูกแมวป่าสักหน่อย ดังนั้นถ้าใช้ชื่อซิมบ้ามาปลุกเร้าให้กำลังใจมัน มันก็ดีมากๆ เลยไม่ใช่เหรอคะ?”
วินนี่ยิ่งพูดยิ่งมีความสุข เธอพูดเองเออเองไปก่อนแล้ว
ฉินสือโอวไม่รู้จะตอบอะไรกลับไป แต่ถึงยังไงเขาก็ยังรู้สึกว่ามันยังมีส่วนที่แปลกๆ  อยู่
ลูกแมวป่าไม่รู้ว่าตัวเองมีชื่อ แค่ทั้งสองคนชี้ๆ วาดๆ นิ้วไปที่มัน มันก็รู้แล้วว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับตัวเอง พอดื่มนมเสร็จแล้วจึงได้วิ่งเข้ามากอดแขนออดอ้อนวินนี่ กลิ้งไปกลิ้งมาพร้อมขนปุกปุย
วินนี่ใช้นิ้วมือจิ้มๆ หน้าผากของมัน พร้อมกับพูดว่า “ดีล่ะ ที่รัก ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปแกคือซิมบ้าแล้วนะ เป็นราชาแมวป่าอเมริกาเหนือ ใช่ไหม?”
ลูกแมวป่าไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น มันรู้จักแต่กอดแขนวินนี่กลิ้งเล่นไปบนพื้น
ฉินสือโอวคิดว่าต่อไปจะปล่อยให้วินนี่เป็นคนตั้งชื่อไม่ได้แล้ว ไร้ซึ่งความท้าทายเกินไป มีแต่ราชานั่นราชานี่ เขาจะไปหาราชาหมาป่าโลโบ แต่ปรากฏว่าเจ้าตัวแสบวิ่งไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ตอนนี้ก็ยังหาไม่เจอ
ตัวซิมบ้ามอมแมมมาก กระโดดขึ้นกระโดดลงปีนต้นไม้มุดโพรงหญ้าทั้งวัน บนขนมีแต่หิมะกับโคลนทราย ซึ่งนี่เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ฉินสือโอวระบุตัวตนของมันไม่ได้ในครั้งแรก
วินนี่เทน้ำอุ่นเพื่ออาบน้ำให้มัน หู่จือกับเป้าจือพากันวิ่งเข้ามา พวกมันหลบอยู่ตรงประตูแล้วยื่นหัวออกมามองดูลูกแมวป่า
ฉินสือโอวหันกลับไปถามพวกมันว่า “แล้วหลัวปอล่ะ? อยู่ที่ไหน?”
หู่จือกับเป้าจือหันมาสบตากัน จากนั้นก็ก้มหน้าลงแล้ววิ่งลงบันไดไป ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
สัตว์วงศ์เสือและแมวไม่ชอบการอาบน้ำ แมวป่าก็เช่นกัน พอมองดูน้ำร้อนใสๆ จอมราชาซิมบ้าก็ลนลานขึ้นมาทันที มันถีบขาคิดจะวิ่งหนี
วินนี่มีประสบการณ์ในการรับมือกับเหล่าสัตว์เลี้ยงแล้ว เธอจึงจับคอมันไว้อย่างมีไหวพริบ แล้วจับมันยัดลงไปข้างในทันที
ลูกแมวป่าส่งเสียงแหลมร้องครวญคราง เหมือนลงไปในกระทะน้ำมัน สีหน้าท่าทางเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
ฉินสือโอวกลัวว่ามันจะทำให้วินนี่ได้รับบาดเจ็บ จึงเพิ่มพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนให้มันบางส่วน เช่นนี้จึงสามารถปลอบโยนความรู้สึกของมันได้
เป็นเช่นนั้นจริงๆ หลังจากรับพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนมาแล้ว จอมราชาซิมบ้าก็เริ่มสงบนิ่งขึ้นมา คาดว่ามันคงสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นและความสบายจากน้ำ มันถึงได้หรี่ตาแล้วส่งเสียง ‘มุมมัมๆ’ ออกมาจากในลำคอ แล้วเริ่มดื่มด่ำความสุขจากการแช่น้ำร้อน
แน่นอนว่า อุ้งเท้าทั้งสองข้างของมันยังเกาะข้อมือของวินนี่ไว้อย่างแน่นหนาอยู่ตลอดเวลา เพราะหวาดกลัวว่าจะลื่นลงไปในน้ำ
วินนี่ให้ฉินสือโอวถูสบู่ให้มัน นี่เป็นสบู่สำหรับเหล่าสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ มีประสิทธิภาพในการกำจัดแมลงและทำให้ขนนุ่มฟู แต่ไม่มีกลิ่นหอม เนื่องจากสัตว์เลี้ยงมีประสาทในการรับกลิ่นที่ว่องไว ถ้าสบู่เหลวอาบน้ำมีกลิ่นเร้ามากเกินไป จะเป็นอันตรายต่อพวกมัน
แมวป่าเป็นสัตว์ป่าที่มีการเผาผลาญค่อนข้างช้า พวกมันควรที่จะอ้วนตุ๊ต๊ะสิถึงจะถูกต้อง ทว่าราชาเจ้าป่าซิมบ้ากลับมีรูปร่างค่อนข้างผอมบางอ่อนแอ เหมือนกันกับหลัวปอในช่วงแรกๆ ที่หลังจากขนโดนน้ำแล้ว มันก็กลายเป็นหัวไชเท้าหัวใหญ่หนึ่งหัว
วินนี่ช่วยอาบน้ำให้มันอยู่สองรอบ ใช้ผ้าเช็ดตัวเช็ดให้แห้ง หลังจากนั้นจึงใช้ไดร์เป่าขนมันอีกรอบ แบบนี้ลูกแมวป่าถึงได้ดูดีขึ้นมาบ้าง
แมวป่าเป็นสัตว์ในวงศ์เสือและแมวที่สวยงามมาก ใบหน้าอิ่มเอิบชวนให้คนชอบ ขนบนร่างกายสมบูรณ์หนานุ่ม ปลายหูมีช่อขนสีดำตั้งตระหง่าน ขนยาวๆ ส่วนท้องกับขนหนาๆ บริเวณหลัง เวลาลูบสัมผัสที่มือจะให้ความรู้สึกดีมาก ซึ่งนี่ช่วยให้มันสามารถต้านทานความหนาวได้
ราชาเจ้าป่าซิมบ้ายังเป็นเด็กทารก ขนยังงอกไม่สมบูรณ์ ดังนั้นมันถึงได้ชอบที่จะมุดเข้าไปในอ้อมกอดของมนุษย์ เนื่องจากความสามารถในการต้านทานความหนาวของมันยังไม่ดีพอ ทำให้รู้สึกหนาวอยู่โดยตลอด
เหมือนกันกับแมวป่าส่วนใหญ่ สีบนหลังของ ราชาเจ้าป่าซิมบ้าค่อนข้างเข้ม ปรากฏให้เห็นเป็นสีน้ำตาลแดง ขนบนหน้าท้องเป็นสีขาวเหลืองอ่อนๆ ขนบริเวณรอบๆ ดวงตาดูขาวซีด แก้มทั้งสองข้างมีลายเส้นตามยาวสีน้ำตาลเข้มอยู่หลายเส้น ดูซึนเดเระมากๆ
สิ่งที่น่ารักที่สุดก็คืออุ้งเท้าของมัน คล้ายกันกับบิ๊กฟุต ลูกแมวป่ามีเท้าขนาดใหญ่สองข้างที่ไม่สมส่วนกับร่างกายของมัน ด้านบนถูกห่อหุ้มด้วยปุยขนปุกปุยที่ทั้งยาวและหนาแน่น ราวกับว่ากำลังสวมรองเท้าบูตกันหิมะอยู่
นี่คือผลลัพธ์จากการวิวัฒนาการกว่าร้อยปีพันปีของแมวป่า พวกมันต้องล่าเหยื่ออยู่ในพื้นหิมะหนาๆ เป็นประจำ ทำให้ต้องมีอุ้งเท้าใหญ่พอที่จะสร้างพื้นที่ของแรงกดทับได้มากพอ ร่างกายของมันถึงจะไม่จมลงไปในกองหิมะ
พอลูกแมวป่ามาอยู่ด้วย บรรยากาศของวิลล่าจึงมีชีวิตชีวาขึ้นมามาก
แตกต่างกับหลัวปอที่เพิ่งมาที่วิลล่า ราชาเจ้าป่าซิมบ้าไม่กลัวคนแปลกหน้า เป็นเจ้าตัวเล็กที่เข้ากับคนอื่นๆ ได้ง่ายมาก
วินนี่อุ้มมันไปที่ห้องรับแขก หลังจากกระโดดลงมาแล้วมันก็สะบัดๆ ขนบนตัว แล้ววิ่งเพ่นพ่านไปทั่วทั้งซ้ายและขวา
พอเชอร์ลี่ย์โบกมือให้มัน มันก็วิ่งเข้าไปหาแล้วใช้หัวถูกับมือเล็กๆ ของเชอร์ลี่ย์อย่างสนิทสนม พาวลิสเอาเนื้อแห้งให้มันกินหนึ่งแผ่น มันอ้าปากแล้วกลืนลงไป ต่อจากนั้นมันก็ใช้ดวงตาโตๆ จ้องมองขอให้ป้อนอาหารต่อ
มันไม่กลัวหู่จือกับเป้าจือเช่นกัน หลังจากสุนัขแลบราดอร์วิ่งเข้ามา มันยังวิ่งเข้าไปต้อนรับอย่างกระตือรือร้น สุนัขแลบราดอร์ไม่ยอมลดตัวไปเล่นกับเจ้าตัวเล็กตัวนี้ ทว่าราชาเจ้าป่าซิมบ้าก็ไม่สนใจ มันยังตามท้ายไปอย่างหน้าด้านไม่มียางอาย กลิ้งไปกลิ้งมาเหมือนหางอันเล็กๆ
เพียงแต่ว่า สิ่งที่มันกลัวคือบุช
พอบุชตีปีกบินเข้ามา ราชาเจ้าป่าซิมบ้าที่กำลังเล่นแย่งบอลอยู่กับหู่จือก็ตัวสั่นขึ้นมาทันที มันล้มลุกคลุกคลานวิ่งไปหาวินนี่ หลังจากนั้นก็เกาะขากางเกงไว้แล้ววิ่งขึ้นไปในอ้อมกอดอย่างรวดเร็ว
ฉินสือโอวคิดว่าต่อไปลูกแมวป่าอาจจะกลายเป็นอันธพาลของฟาร์มปลา เจ้าตัวนี้หน้าด้านหน้าทน ทั้งวิ่งได้กระโดดได้แถมยังปีนต้นไม้ปีนกำแพงได้อีก ถ้าเกิดไม่เชื่อฟังขึ้นมา ใครจะรับมือกับมันได้กัน?
ยามพลบค่ำมาถึง อากาศเปลี่ยนแปลงไปอีกครั้ง เพียงไม่นานลมเหนือก็ส่งเสียงร้องหวีดหวิว เมฆหนาครึ้มจากทั่วทุกสารทิศเข้ามารวมกัน อีกไม่นานจะมีหิมะตกลงมา
ฉินสือโอวดื่มซุปเนื้อพร้อมกับพูดขึ้นมาอย่างจนปัญญาว่า “ให้ตาย นี่มันเดือนพฤศจิกายนนะ หิมะจำเป็นต้องตกเยอะขนาดนี้เลยเหรอ?”
ทว่าอีวิลสันกลับรู้สึกมีความสุขมาก เขามองดูเกล็ดหิมะที่ลอยอยู่ด้านนอก ยกซุปถ้วยใหญ่ของตัวเองขึ้น ข้างในเป็นซุปเนื้อต้มกระดูกโรยผักชี จิ้มขนมปังปิ้งแผ่นใหญ่ที่เพิ่งจะอบเสร็จสดๆ ร้อน เขาพูดอย่างพึงพอใจว่า “ขนมอบกับซุปเนื้อ เหมาะกับกินตอนหน้าหนาวจริงๆ!”
ฉินสือโอวกลอกตาบนพูดกับเขาว่า “ใช่แล้ว ที่รัก อร่อยมาก แต่หิมะตกหนักเกินไป แบบนั้นมันคือภัยพิบัติแล้ว”
อีวิลสันเคี้ยวขนมปังปิ้งจิ้มซุปคำใหญ่ๆ และถามเขาอย่างไม่จริงจังนักว่า “นายไม่ชอบเหรอ?”
ฉินสือโอวพยักหน้าตอบ “แน่นอนสิ ใครจะไปชอบพายุหิมะกันล่ะ?”
เขาพูดประโยคนี้อย่างไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจ พอทานซุปข้นๆ ของตัวเองเสร็จเขาก็ไปเล่นเน็ต ต่อจากนั้นเขาได้ยินเสียงดังขึ้นมาจากลานบ้าน จึงเปิดผ้าม่านเพื่อมองออกไปข้างนอก เขาพบว่าท่ามกลางหิมะตกหนักที่พลิ้วไหวตามกระแสลม มีอีวิลสันที่กำลังร้องตะโกนพร้อมกับโบกกระบองไม้หนึ่งอัน
ฉินสือโอวตกใจจนตัวโยน เขาวิ่งออกไปอย่างเร่งรีบแล้วถามว่า “เกิดอะไรขึ้น อีวิลสัน?”
อีวิลสันหันกลับมาเผยใบหน้าที่ประดับด้วยรอยยิ้มซื่อๆ เขาพูดเสียงดังว่า “ฉินไม่ชอบหิมะ อีวิลสันจะไล่พวกมันไปให้พ้น!”
พอพูดจบ เขาก็เริ่มโบกท่อนไม้ใส่ท้องฟ้า แล้วร้องตะโกนออกมา “ไม่ต้องตกลงมาแล้ว พากันออกไปเถอะ! ไปเถอะ! ไม่ต้องมาที่ฟาร์มปลา! พวกแกไปโทรอนโตแทนสิ!”
ฉินสือโอวอยากหัวเราะออกมานิดหน่อย ทว่าเขาก็รู้สึกซึ้งใจมากกว่า เขาเข้าไปดึงอีวิลสันไว้ แล้วยื่นมือออกไปจับด้านหลังศีรษะเพื่อให้เขาก้มลงมา ทั้งสองคนก้มหัวเข้าหากัน แล้วพูดว่า “เพื่อน พวกมันกลัวแล้ว เดี๋ยวพวกมันก็ไป ให้เวลาพวกมันสักหน่อยนะ ไปเถอะ พวกเรากลับบ้านกันดีไหม?”
“ฉันจะไล่ให้พวกมันรีบไป” อีวิลสันกล่าว
ฉินสือโอวจึงพูดกับเขาว่า “ไม่ๆ ไม่เป็นไร ช้าหน่อยก็ไม่เป็นไร พวกเรากลับบ้านกันเถอะ วินนี่ชงชานมไว้ให้นายแล้ว นายชอบชานมไหม? เป็นชานมที่สุดยอดมากๆ”
“ใส่น้ำตาลไหม?”
“สองก้อนเลย”
“โอ้ๆ ถ้าอย่างนั้นก็สุดยอดเลย กลับกันเถอะ”
ฉินสือโอวยิ้ม ดึงอีวิลสันเดินเข้าไปในบ้าน หลังจากนั้นอยู่ๆ เขาก็พบว่า มีเงาร่างสีขาวกำลังสั่นไหวอยู่ไกลๆ
……………………………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset