ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 865 ราชาหมาป่าน้อยผู้กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

เห็นหลัวปอได้พบกับพ่อแม่ ใจของฉินสือโอวก็รู้สึกกังวลขึ้นมาเหมือนกัน
ถึงแม้ว่าตั้งแต่เมื่อก่อนจนกระทั่งตอนนี้ ฉินสือโอวมักจะแกล้งหลัวปอเป็นประจำ แต่นั่นเป็นเพราะมันเด็กที่สุด ทั้งยังเป็นสัตว์เลี้ยงที่วินนี่รักที่สุด ใสซื่อที่สุด เวลาแกล้งก็สนุกที่สุด
อยู่ด้วยกันมาหนึ่งปี ฉินสือโอวก็มีความรู้สึกผูกพันกับหลัวปอเหมือนกัน เป็นความรู้สึกที่หยั่งรากลึก ถ้าใครมาทำร้ายหลัวปอ เขาไม่มีทางยอมเลิกราด้วยดีแน่ๆ ใครจะมาขโมยหลัวปอไป เช่นนั้นก็ต้องรับความเดือดดาลของเขาให้ได้
แต่มีเพียงผัวเมียหมาป่าขาวเท่านั้น ที่เขาไม่รู้จะทำอย่างไรดี เพราะนี่คือพ่อแม่ของหลัวปอ ในความเป็นจริงพวกเขานับว่าขโมยลูกคนอื่นมาด้วยซ้ำ
วินนี่จับฉินสือโอวไว้แน่น เธอถามเขาอย่างกระสับกระส่ายว่า “ทำยังไงดี? ที่รัก ทำยังไงกันดี? พวกมันจะเอาหลัวปอไปไหม? ไม่ๆๆ! พวกมันทำอย่างนี้ไม่ได้นะ หลัวปอเป็นลูกสาวของฉัน เป็นลูกของฉัน! ฉันดูแลมันมาจนโต!”
ฉินสือโอวโอบกอดเธอไว้แน่น เขาปลอบเธอว่า “ใจเย็นๆ หน่อยนะครับ ที่รัก ให้พวกมันตัดสินใจกันเองดีไหมครับ? พวกเราทำหน้าที่พ่อแม่อย่างเต็มที่แล้ว พวกเราปฏิบัติกับหลัวปออย่างเต็มที่ด้วยความรัก แต่มันอยู่ในเผ่าพันธุ์หมาป่าขาว…”
“แต่ แต่เธอเป็นลูกสาวของฉันนะ ถ้าเธอจากฉันไป แล้วฉันจะทำยังไง?” วินนี่ร้อนใจจนแทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว
ความรักก็เป็นเช่นนี้ ยืนหยัดในความคิดของตัวเองและเห็นแก่ตัว
ฉินสือโอวบอกเธอว่า “ความชอบคือความหลงใหล แต่ความรักคือการควบคุมความรู้สึก วินนี่ ถ้าคุณรักเธอ คุณต้องเคารพเธอ ลองคิดดูสิ ถ้าลูกของเรา วันดีคืนดีถูกคนอื่นอุ้มไป แบบนั้นคุณจะรู้สึกยังไงครับ?”
วินนี่ตอบเขาอย่างไร้เรี่ยวแรงว่า “ไม่ ฉันกำลังจะแตกสลายแล้ว จะเป็นแบบนี้ไม่ได้…”
เห็นได้อย่างชัดเจนว่าพวกหมาป่าขาวมองเห็นทั้งสองคนแล้ว ทว่าพวกมันก็ยังแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นอยู่ ยังคงดูเชิงอยู่อย่างสงบนิ่ง
เพียงแต่ว่าการมาถึงของทั้งสองคนก็ยังมีผลกระทบอยู่ หลัวปอยิ่งก้าวเท้าวิ่งเร็วขึ้นกว่าเดิม และในบางครั้งสองผัวเมียหมาป่าขาวยังหันกลับมา ดวงตาของพวกมันส่องประกายแสงแวววาวสีเขียวเป็นมันท่ามกลางค่ำคืนที่มืดมิด
ฉินสือโอวสามารถสัมผัสได้ถึง ความริษยาและความแค้นเคืองของสองผัวเมียหมาป่าขาวที่มือต่อเขาอย่างเต็มเปี่ยม
ในที่สุดการคุมเชิงก็จบลง หมาป่าขาวตัวหนึ่งก้าวขึ้นมาข้างหน้าหนึ่งก้าวแล้วส่งเสียงออกมาเบาๆ หลัวปอถอยหลังไปหนึ่งก้าว แต่ต่อจากนั้นก็ก้าวเข้าไปข้างหน้าอีกหนึ่งก้าวทันที มองดูพ่อแม่ที่ไม่อยากอยู่ห่างกันไกลแล้วจึงส่งเสียงอ่อนนุ่มออกมาเช่นกัน “ฮู้วๆ โฮ่ง!”
เสียงเห่าของหลัวปอกลับไม่ใช่เสียงเห่าแท้ๆ ของหมาป่า มีเสียงเห่าแบบหมาบ้านอยู่เล็กน้อย ซึ่งมักจะใช้เสียง ‘โฮ่งๆ’ ลงท้าย
ไม่ต้องสงสัยเลย สำหรับหมาป่านี่เป็นความอับอายอย่างหนึ่ง
ผัวเมียหมาป่าขาวเข้าใจสาเหตุทั้งหมดที่ทำให้เกิดผลลัพธ์เช่นนี้ พวกมันหันหัวกลับมาด้วยความรู้สึกยากลำบาก แล้วมองมาที่ฉินสือโอวกับวินนี่ พร้อมกับขยับก้าวเท้าเข้ามาข้างหน้าแล้วเข้าใกล้พวกเขาอย่างช้าๆ
หู่จือกับเป้าจือที่กำลังนอนหมอบอยู่บนพื้นหิมะก็ลุกขึ้นมาทันทีทันใด ใบหูใหญ่ตั้งตรงขึ้นมา ขนสีทองชี้ขึ้นทั่วทั้งตัว เกล็ดหิมะร่วงลงมาด้านบน ทำให้พวกมันดูเหมือนมีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างกะทันหัน
ก่อนหน้านี้หนึ่งปี ลูกสุนัขแลบราดอร์กับลูกหมีสีน้ำตาลสู้กันกับผัวเมียหมาป่าขาวอย่างสูสี ผ่านไปหนึ่งปีแล้ว หู่จือกับเป้าจือไม่ใช่ลูกสุนัขแลบราดอร์อีกต่อไป พวกมันอาจจะมีจิตใจที่ยังอ่อนวัย ทว่าประสิทธิภาพร่างกายของพวกมันเติบโตเป็นผู้ใหญ่ได้พอสวมควรแล้ว
ฉินสือโอวเชื่อว่า ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นหู่จือหรือเป้าจือ พวกมันแค่ตัวเดียวก็สามารถรับมือสองผัวเมียหมาป่าขาวได้!
ทั้งสองฝ่ายยังไม่สามารถปะทะกัน ขณะที่ผัวเมียหมาป่าขาวส่งเสียงคำรามคุกคามฉินสือโอวกับวินนี่ออกมา เงาร่างหนึ่งก็เข้ามาขวางพวกมันทางด้านหน้าอย่างรวดเร็ว หลัวปอเบิกถลึงตาดวงโต ขวางทางที่หมาป่าขาวจะเข้าไปหาฉินสือโอวกับวินนี่
สองผัวเมียหมาป่าขาวเข้าใจความหมายของมัน จึงแหงนหน้าส่งเสียงคำรามออกมาอย่างไม่ยอมแพ้ เสียงนั้นไม่โหดร้าย เพียงแต่ฟังดูเศร้าโศก!
ฉินสือโอวรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่คนไหนที่ได้เห็นภาพเหตุการณ์เช่นนี้ ต่างก็รู้สึกเป็นทุกข์ด้วยกันทั้งนั้น ลูกของตัวเองแท้ๆ แต่เพื่อคนอื่นแล้วกลับโกรธเคืองพ่อแม่
วินนี่มองดูด้านหลังของหลัวปอที่เด็ดเดี่ยวแน่วแน่อย่างเลื่อนลอย เธอดึงแขนของฉินสือโอวเอาไว้ แล้วบอกกับเขาด้วยอารมณ์ที่กำลังซึมเศร้าว่า “พวกเรากลับกันก่อนเถอะค่ะ คุณพูดถูก ควรจะให้ลูกสาวของพวกเราเลือกเอง ไม่ใช่ตัดสินใจเพราะพวกเรา”
เธอมองหลัวปอด้วยความอาลัยอาวรณ์ แล้วหันกลับมาพูดอย่างแน่วแน่ว่า “ไปกันเถอะค่ะ ที่รัก ถ้าพวกเรายังอยู่ที่นี่ จะมีแต่หลัวปอที่รู้สึกลำบากใจที่สุด พ่อแม่ของเธอไม่ชอบพวกเรา ตัวเลือกของหลัวปอยากเกินไปแล้ว ไม่ว่าจะต้องมองดูพ่อแม่ของเธอทำร้ายเรา หรือต้องทำร้ายพ่อแม่ของเธอเอง…”
แต่ฉินสือโอวกลับรู้สึกว่า ในช่วงเวลานี้วินนี่คือคนที่ใจสลายที่สุด
ทว่าออกมาก่อนก็ดีเหมือนกัน ฉินสือโอวกอดวินนี่ไว้พร้อมกับหมุนตัวเดินออกไปอย่างช้าๆ หู่จือกับเป้าจือจ้องมองผัวเมียหมาป่าขาวอย่างระแวดระวัง เริ่มส่งเสียงคำรามด้วยความรู้สึกกลัดกลุ้มออกมาจากในลำคอ ดวงตาเต็มไปด้วยแววตาดุร้าย ที่พร้อมจะโจมตีแล้ว
ฉินสือโอวผิวปากเรียกหู่จือกับเป้าจือกลับมา เขาเชื่อว่าถ้ามีหลัวปอ คู่ผัวเมียหมาป่าขาวไม่มีทางทำร้ายพวกเขาแน่
หลังจากกลับมาถึงวิลล่า วินนี่ก็นั่งอยู่ที่ประตูมองออกไปไกลๆ อยู่ตรงนี้ไม่สามารถมองเห็นครอบครัวหมาป่าขาวได้ แต่เธอก็ไม่ยอมออกห่าง ยังรอผลสรุปอยู่อย่างดื้อรั้น
ฉินสือโอวบอกวินนี่ให้ระวังเรื่องลูกในท้อง วินนี่จึงจูบเขาแล้วบอกกับเขาว่า “ฉันรู้ค่ะ ที่รัก ฉันแค่รู้สึกว้าวุ่นนิดหน่อย ดูสิ ฉันยังแข็งแรงดีไม่มีปัญหา ลูกก็สบายดี เขากำลังนอนหลับอยู่อย่างเงียบๆ ไงคะ”
อีวิลสันกำลังจะเข้านอนแล้ว มองดูท่าทางเงียบเหงาของวินนี่ เขาลองคิดๆ ดู แล้วจึงเดินเข้าไปในครัวเพื่ออุ่นนมวัวมาหนึ่งแก้ว จากนั้นก็ส่งให้วินนี่พร้อมกับพูดว่า “ดื่มมันแล้ว ก็จะมีความสุขขึ้น ก็จะทำให้หลับสบายแล้ว”
วินนี่จับมืออีวิลสันเอาไว้ เธอแย้มรอยยิ้มพร้อมกับพูดว่า “ขอบคุณนะ อีวิลสัน แค่เห็นนายฉันก็มีความสุขแล้ว”
อีวิลสันหัวเราะแหะๆ เขาเข้าไปอยู่ด้านหน้าของวินนี่แล้วพูดเข้ามาว่า “ถ้าอย่างนั้นคุณก็ดูให้เต็มที่เลย”
มีอีวิลสันอยู่เป็นเพื่อน รวมถึงหู่เป้าฉง ปอหลัวกับมาสเตอร์ก็เข้ามาใกล้ ความรู้สึกของวินนี่จึงดีขึ้นมาก เธอกอดราชาเจ้าป่าซิมบ้าที่ง่วงจนสัปหงกเอาไว้ แล้วคุยกับฉินสือโอวเกี่ยวกับเรื่องชีวิตสมัยก่อนของเธอ
“ฉันเคยเก็บหมาซามอยด์มาเลี้ยงหนึ่งตัว ตอนนั้นฉันกำลังเรียนอยู่ชั้นมัธยมต้น หลังจากนั้นฉันก็ตั้งชื่อให้เธอว่าจูดี้…”
พอฟังมาถึงตรงนี้ฉินสือโอวก็เริ่มยิ้มออกมา วินนี่รู้จักโครงเรื่องของสัตว์เลี้ยงชื่อดังนั่นเอง ตั้งชื่อให้แบบนี้ เป็นชุดที่เรียงต่อกันลงมา
ในสหราชอาณาจักรอังกฤษ ชื่อ ‘จูดี้’ มีความหมายพิเศษสำหรับสุนัข เทียบเท่า ‘เบอร์นาร์ด มอนต์โกเมอรี’ สำหรับทหารอังกฤษทั่วไป นี่เป็นเพราะหลังสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง ลอนดอนของประเทศอังกฤษเคยจัดพิธีมอบรางวัลรูปแบบใหม่ เพื่อมอบรางวัล ‘เหรียญกล้าหาญสูงสุด’ ให้สุนัขทหารตัวหนึ่งที่ชื่อว่า ‘จูดี้’
สุนัขตัวนี้เคยร่วมรบกับทหารอังกฤษเพื่อทำสงครามกับทหารญี่ปุ่นในเอเชียตะวันออก และได้ช่วยทหารกองร้อยทั้งหมดเอาไว้ ต่อมากองร้อยของพวกเขาถูกทหารญี่ปุ่นจับเป็นเชลย แต่มันกลับทิ้งโอกาสที่จะหนีเอาชีวิตรอด แล้วเข้าไปในค่ายเชลยศึกพร้อมกันกับเหล่าบรรดาเจ้าของ
กองทัพญี่ปุ่นในสมัยสงครามโลกครั้งที่สองขึ้นชื่อเรื่องความโหดเหี้ยม ความน่ากลัวของค่ายเชลยศึกเป็นอันดับหนึ่งในโลก เชลยศึกจำนวนมากรู้สึกว่าไม่มีความหวังในการใช้ชีวิตจึงพากันฆ่าตัวตาย เชลยศึกที่ฆ่าตัวตายจะตำหนิกล่าวโทษค่ายเชลยศึกไม่ได้ นี่เป็นบรรทัดฐานนานาชาติ ดังนั้นกองทัพญี่ปุ่นจึงชอบบีบคั้นให้พวกเชลยศึกฆ่าตัวตายมากที่สุด
จูดี้ที่อยู่ในค่ายกักกันเชลยศึก เป็นนักรบที่แข็งแกร่งที่สุด ทหารในค่ายเชลยศึกจึงค่อยๆ พากันถือเอามันเป็นแบบอย่าง จนกองทัพญี่ปุ่นถึงกับตัดสินโทษประหารให้แก่มัน เพื่อสร้างความระทมทุกข์ให้กับเหล่าเชลยศึก
แต่ต่อมา กองกำลังหลักฝ่ายสัมพันธมิตรยกพลขึ้นบกในฝั่งเอเชียตะวันออก แล้วเริ่มปลดปล่อยค่ายเชลยศึก จูดี้จึงหนีจากความตายมาได้ด้วยความโชคดีอย่างไม่คาดคิด ในที่สุดก็กลับไปถึงอังกฤษ กองทัพบกอังกฤษจึงตั้งใจมอบเครื่องหมายอิสริยาภรณ์ให้มันเพื่อเป็นรางวัลสำหรับทุกสิ่งที่มันทำในช่วงสงคราม
หลังจากจูดี้ตายแล้ว ทหารกองร้อยเมื่อมันยังมีชีวิตอยู่ถึงกับลดธงประจำกองทัพลงเพื่อมัน อีกทั้งเจ้าของยังจารึกเกียรติประวัติของมันไว้บนป้ายบนหลุมศพว่า “สุนัขที่มีความโดดเด่นเปรียบดั่งนักรบผู้กล้า สิ่งที่มันมอบให้กับมนุษย์มีอยู่มากมายเกินกว่าสิ่งที่มันได้รับ”
……………………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset