ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 143 สักหน่อยไหมล่ะ

บทที่ 143 สักหน่อยไหมล่ะ
โดย
Ink Stone_Fantasy

ฉินสือโอวพานีลเซ็นไปตกปลาที่ทะเลตามปกติ พวกเขาพากันขับเรือหัวกว้างสไตล์ไครเมียออกไป และเมื่อมันออกตัวไปจากท่าเรือมันก็พุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูงทันที
ส่วนเหมาเหว่ยหลงก็แต่งตัวด้วยชุดสบายๆ พร้อมสวมแว่นกันแดดและกางเกงชายหาดขาสั้นทรงหลวม ขณะที่ช่วงบนก็เผยถึงกล้ามแขนเป็นมัดๆ กับกล้ามท้องน้อยๆ ของเขา เขานอนอยู่บนเก้าอี้เปลอย่างเคลิบเคลิ้มและมีเบ็ดตกปลาไฟเบอร์กลาสวางอยู่ข้างๆ เขาหนึ่งคัน
ฉินสือโอวเกาหูเกาหางให้หู่จือกับเป้าจือ เพื่อนตัวน้อยสองตัวหมอบลงอย่างว่านอนสอนง่ายอยู่ข้างๆ ตัวเขา จากนั้นไม่นานพวกมันก็หาวออกมา ดูท่าน่าจะเคลิ้มกว่าเหมาเว่ยหลงซะอีก
“ฉินโซ่ว ฉันถามหน่อย ทำไมที่นี่ไม่มีเรือจับปลาเลยล่ะ? เรือที่เอาไปจับปลาโดยเฉพาะล่ะ?” เหมาเหว่ยหลงถามสิ่งที่สงสัยอยู่ในใจออกไป
ฉินสือโอวยิ้มแล้วตอบกลับ “มีสิ แถมไม่ใช่เรือเล็กๆด้วยนะ มันสามารถบรรทุกได้ถึงสองร้อยตันเลยล่ะ ฉันตั้งชื่อให้มันว่า ‘ฮาวิซท’ ตอนนี้ก็ใกล้จะออกจากโรงผลิตแล้วล่ะ แต่ตอนนี้ต้องหยุดการเดินเรือไว้ชั่วคราวก่อน รอให้ท่าเรือฉันสร้างเสร็จก่อนถึงค่อยขับมาได้น่ะ”
เขาไม่รีบร้อนใช้เรือเพราะตั้งแต่ที่เขาสั่งซื้อเรือจับปลาลำหนึ่งจนกว่ามันจะสามารถออกทะเลได้ก็ต้องใช้เวลาถึงสองเดือน พอถึงตอนนั้นฟาร์มปลาก็น่าจะเปิดให้จับปลาได้พอดี
เหมาเหว่ยหลงส่ายหัวแล้วพูดขึ้นมา “ฉันรู้สึกว่านายเป็นคนที่ตั้งชื่อไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ ดูนะ หมาสองตัวนายตั้งชื่อให้มันว่าหู่จือ(เสือ)กับเป้าจือ(เสือดาว)? หมีนายก็ตั้งให้มันว่าฉงต้า? กระรอกนายก็เรียกมันว่าเสี่ยวหมิง? พวกนี้น่ะช่างมันเถอะ แต่เรือจับปลาเนี่ยนายตั้งชื่อให้มันว่าฮาวิซท? อย่างน้อยก็น่าจะเรียกว่าแจ๊คดอว์อะไรพวกนี้ก็ได้ หรือไม่อย่างนั้นก็เรียก ‘แบล็คเพิร์ล’ ‘อินเทอร์เซปเตอร์’ ‘ฟลายอิงดัตช์แมน’ เป็นไง อย่างน้อยก็ยังดีกว่าฮาวิซทของนายปะ?”
“ยุ่งน่า ฉันไม่ได้อยากเป็นโจรสลัดนะเว้ย” ฉินสือโอวขำพร้อมกับเตะเขาไปหนึ่งที
แจ๊คดอว์เป็นเรือธงของเอ็ดเวิร์ดในเกมที่ชื่อว่า Assassin’s ส่วนแบล็คเพิร์ล อินเทอร์เซปเตอร์ ฟลายอิงดัตช์แมนก็ล้วนแต่เป็นเรือรบของหนังเรื่อง Pirates of the Caribbean
เมื่อขับมาได้สองชั่วโมงนีลเซ็นก็ทำการหยุดเรือแล้วปล่อยให้มันไหลไปเองตามกระแสน้ำ จากนั้นฉินสือโอวก็นำอุปกรณ์และคันเบ็ดตกปลาชนิดที่มีความยืดหยุ่นยี่ห้อเคฟล่าร์ออกมาแล้วห้อยเหยือตกปลาไว้กับตะขอก่อนจะหย่อนเบ็ดตกปลาลงไปในน้ำ
เมื่อเห็นเบ็ดตกลงไปน้ำ หู่จือกับเป้าจือก็พากันลุกขึ้นอย่างว่องไวแล้วไปหมอบอยู่ตรงขอบเรือพลางมองลงไปด้วยสายตาปริบๆ ด้วยความคิดที่ว่าถ้าปลาติดเบ็ดมาก็แสดงว่ามีโอกาสที่พวกมันจะได้กินด้วย
ส่วนเหมาเหว่ยหลงก็โยนเบ็ดลงไปเหมือนกัน แต่เขาคิดว่าโยนลงไปแล้วรออย่างนี้ดูไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไรเขาเลยพูดขึ้นมา “ฉินโซ่ว เรามาพนันกันสักรอบเป็นไง? ใครที่ตกได้ปลาก่อนหนึ่งตัวจะถือว่าชนะ ส่วนคนที่แพ้จะต้องออกเงินในการไปนวด”
การนวดในที่นี้ผู้ชายจีนส่วนใหญ่จะรู้กันดีว่าหมายถึงนวดแบบไหน
ฉินสือโอวหันไปมองเขาอย่างแปลกใจแล้วพูดขึ้น “นายจะเล่นจริงอะ?”
ถึงแม้แคนาดาจะเป็นพวกอนุรักษนิยม แต่ไม่รู้ว่าพวกเขาได้รับอิทธิพลมาจากอเมริกาหรือเปล่า เพราะคนที่ทำงานทางเพศก็มีอยู่ไม่น้อย และอาชีพแบบนี้ยังเป็นที่นิยมอย่างมากในหลายๆ เมืองอีกด้วย
นอกจากนี้ช่วงนี้แคนาดาก็กำลังมีเรื่องฉาวที่ถูกโจษจันไปทั่วอีกด้วย ตามข้อกฎหมายของแคนาดาแล้วการค้าประเวณีถือเป็นการกระทำที่ถูกกฎหมาย แต่พฤติกรรมเช่นการที่โสเภณีออกมาเรียกแขกตามริมถนน ไหนจะธุรกิจซ่องโสเภณีและอื่นๆ พวกนี้แทบจะเข้าข่ายผิดกฎหมาย
และเพื่อเป็นการปกป้องสิทธิของโสเภณี ทางกระทรวงยุติธรรมของแคนาดาได้ออกกฎหมายเกี่ยวกับการต่อต้านการค้าประเวณีมาใหม่เมื่อเดือนที่แล้ว โดยจะเน้นหนักไปเอาเรื่องกับผู้ที่มาซื้อประเวณีแทน ซึ่งก็คือ “ปรับผู้ที่มาซื้อไม่ปรับผู้ขาย”
เหมาเหว่ยหลงถอนหายใจแล้วพูดออกมา “เฮ้ย ล้อเล่นน่า ฉันก็พูดโม้ไปงั้นแหละ พูดไปก็อย่างกับจะมีใครเชื่อ ฉันเนี่ยเป็นถึงลูกชายรองอธิบดีสำนักงานตำรวจเมืองหลวงแถมยังเวอร์จิ้นอยู่ด้วยนะ”
ฉินสือโอวได้ยินดังนั้นจึงตอบกลับ “ฉันก็ไม่เชื่อ ไม่งั้นนายลองติดคำว่าโสเภณีไว้บนตัวแล้วไปเดินรอบซานหลี่ถุนสักรอบดูสิ ถึงรถจี๊ปจะไม่ใช่รถดีเด่อะไรแต่ก็ไม่ถือว่าแย่ไม่ใช่เหรอ? นายจะพาสาวกลับมาด้วยสักคนไม่ได้เลยเหรอ?”
เหมาเหว่ยหลงกลอกตาแล้วพูดขึ้น “ที่บ้านฉันเคร่งมากนายก็รู้นี่ คิดเหรอว่าพอฉันเลิกงานแล้วฉันจะไปเหลวไหลต่อที่บาร์ได้? บ้าแล้ว! ยิ่งไปกว่านั้นนะ สภาพแวดล้อมการทำงานในตอนนี้ก็วุ่นวายมาก คู่แข่งก็เยอะขึ้น ทำอะไรก็ต้องระวังเพราะกลัวว่าจะโดนจับผิดน่ะสิ”
“ที่จริงก็ไม่มีอะไรหรอก นายดูสิตอนนี้ฉันก็นับได้ว่าเป็นวัยรุ่นอายุน้อยร้อยล้านเลยก็ว่าได้ ถึงจะเทียบนายไม่ติดแต่ก็ใกล้เคียงนี่นา?” ฉินสือโอวพูดเอาใจเหมาเหว่ยหลง
เหมาเหว่ยหลงพยักหน้า เนื่องว่าพวกเขาสองคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เขาจึงเชื่อว่าฉินสือโอวจะต้องเป็นเหมือนเขาอย่างแน่นอน เพราะชายหนุ่มคนนี้ขึ้นชื่อด้านมีความคิดในเรื่องไม่ดีแต่ก็ไม่มีความกล้าที่จะทำมัน
จากนั้นพวกเขาทั้งสองก็หันมามองกันด้วยสายตาที่ผูกพันลึกซึ้ง
เมื่อพูดถึงตรงนั้นสายเอ็นทางฝั่งของเหมาเหว่ยหลงก็เริ่มตึง เขามักจะมาตกปลาอยู่บ่อยๆ เมื่อมีเวลาว่างทำให้มีเทคนิคในการตกปลาดีทีเดียว ดังนั้นเมื่อเห็นว่าปลากินเบ็ดแล้วเขาก็ไม่ได้รีบดึงขึ้นมาอย่างสะเพร่า แต่ค่อยๆ กระตุกเพื่อวัดน้ำหนักก่อน แล้วค่อยๆ ปล่อยสายลงอย่างช้าๆ
ถ้าฉินสือโอวตกปลาตัวใหญ่ได้ หู่จือกับเป้าจือคงจะพุ่งตัวเข้าไปไล่จับปลาตัวนั้นตั้งนานแล้ว แต่กับปลาที่อยู่ในมือของเหมาเหว่ยหลง เจ้าสองตัวนี้กลับไม่มีทีท่าว่าจะสนใจเลยแม้แต่น้อย พวกมันยังคงหมอบอยู่ที่เดิมและเฝ้ามองดูเบ็ดของฉินสือโอว หนำซ้ำมันยังหันไปมองฉินสือโอวอยู่บ่อยๆ และดูจะกระวนกระวายใจกว่าเจ้านายเสียอีก
เวลาก็ปาไปสิบเอ็ดโมงกว่าแล้ว แสงแดดของดวงอาทิตย์สาดส่องลงมายังพื้นผิวทะเลจนร้อนระอุ เมื่อกี้พวกเขาคุยกันไปเรื่อยเปื่อย และตอนนี้เหมาเหว่ยหลงกับปลาในทะเลก็กำลังสู้กันอยู่นานสองนานจนเหงื่อไหลอาบหน้าของเหมาเหว่ยหลง
ฉินสือโอวมองไปยังเหมาเหว่ยหลงที่ดูตื่นเต้นในการดึงปลาติดเบ็ดขึ้นมาด้วยความสนใจ จากนั้นฉินสือโอวจึงพูดขึ้น “ดูท่าน่าจะเป็นปลาตัวใหญ่เลยนะ เสี่ยวอู่หลางสู้ๆนะ ฉันจะเตรียมถ่ายรูปให้นายเลย”
เหมาเหว่ยหลงหาช่องว่างในการพูดออกมา “ไม่บอกก็รู้น่า มันต้องเป็นปลาตัวใหญ่แน่ๆ ไม่เมตรหนึ่งก็น่าจะครึ่งเมตร! เหยดเข้ กำลังขนาดนี้ แรงปะทะขนาดนี้ แรงอึดแบบนี้! ดูให้ดีเถอะ ฉันจะจับแกให้ได้เลย!
ฉินสือโอวแอบขำ เขาควักโทรศัพท์ออกมาตั้งท่าจะถ่ายรูปให้เหมาเหว่ยหลง
เสียเวลาไปสิบห้าสิบหกนาที ในที่สุดเหมาเหว่ยหลงก็ดึงเบ็ดขึ้นมาได้ แต่สุดท้ายปรากฏว่าปลาที่เขาได้มามีน้ำหนักแค่ยี่สิบห้ายี่สิบหกกิโลกรัมเท่านั้นเอง แถมยังเป็นปลากะพงลายจุดที่เห็นได้ทั่วไปเท่านั้นด้วย
ตอนที่ฉินสือโอวรอให้เหมาเหว่ยหลงยกปลาขึ้นมา เขาก็ได้ถ่ายสแนปช็อตไปยี่สิบกว่ารูปแล้ว จากนั้นเขาก็หัวเราะชอบใจขึ้นมา
หลังจากเหมาเหว่ยหลงยกปลาขึ้นมาอย่างโมโหแล้วเขาก็พูดขึ้น “นี่มันเรื่องอะไรเนี่ย ปลาตัวเล็กแค่นี้แต่ทำไมแรงเยอะได้ขนาดนั้นล่ะ?”
ปลากะพงถูกจัดอยู่ในจำพวกสัตว์กินเนื้อ และถึงแม้ว่ามันจะเป็นสัตว์กินเนื้อขนาดเล็ก แต่มันก็ถูกจัดอยู่ในประเภทที่มีพละกำลังมากและกล้าหาญ ดังนั้นนักตกปลารุ่นเก่าๆ จะเกลียดการตกปลากะพงได้เป็นที่สุด และถึงแม้เนื้อมันจะมีรสชาติดี แต่สิ่งที่ต้องแลกมาก็เยอะอยู่ไม่น้อย เพราะกำลังแบบเดียวกันสามารถตกปลาจะละเม็ดหรือปลาหิมะได้สองเท่าตัวเลยทีเดียว
ฉินสือโอวจึงได้อธิบายขึ้น “อาจเป็นเพราะมันคือปลาทะเลที่โตมาตามธรรมชาติ นายจะเอาไปเทียบกับปลาที่เพาะเลี้ยงในทะเลสาบเทียมที่นายเคยตกได้ไงเล่า?”
เหมาเหว่ยหลงทำท่าเบ้ปากแล้วพูดขึ้น “หรือจะเปรียบกับนายที่ตกปลาไม่เคยได้เลยดีล่ะ?”
เมื่อเขาพูดถึงตรงนี้ เบ็ดที่ดูหย่อนๆของฉินสือโอวตอนนี้กลับดึงขึ้น เขารีบจับไปที่คันเบ็ดแล้วพูดขึ้นมา “นายดูสิ ที่ฉันจับอยู่เนี่ยไม่ใช่ปลารึไง?”
พูดเสร็จเขาก็ดึงเบ็ดกลับ เหมาเหว่ยหลงเห็นเขาจับคันเบ็ดโดยที่ไม่ได้ออกแรงเยอะเท่าไร อีกทั้งยังไม่ต้องออกแรงสู้กับปลาที่ติดเบ็ดเขาก็พูดขึ้น “นายจะดีใจอะไร มันต้องเป็นปลาตัวเล็กอยู่แล้ว ฮ่าฮ่า ไม่แน่นะอาจจะยาวแค่ยี่สิบเซนติเมตรก็ได้”
ฉินสือโอวคิดในใจ เจ้าหมอนี่! แกรอให้พวกฉันมาก่อนเถอะเดี๋ยวพ่อจะตบให้หน้าหงายเลย แกคงไม่รู้สินะว่าพี่ใหญ่ของเรามีแรงมากขนาดไหน ไม่ต้องพูดถึงพวกตัวเล็กๆ พวกนี้เลย ถ้าเป็นฉลามหัววัวขึ้นมาแล้วเราจะได้เห็นดีกัน!
เขาดึงเบ็ดไปทางด้านหลัง จากนั้นก็ลากปลาจากในทะเลขึ้นมาสู่บนพื้นผิวทะเลเพื่อสร้างโอกาสให้ทีมเชียร์เขาสักหน่อย
หู่จือกับเป้าจือเห็นอย่างนั้นก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไรจึงกระโดดลงน้ำอย่างรวดเร็ว ส่วนเหมาเหว่ยหลงที่ไม่รู้ว่าแลบราดอร์สองตัวนี้คิดจะทำอะไรก็ถามออกไปอย่างสงสัย “หมานายลงน้ำไปทำไมล่ะ?”
หลังจากที่หู่จือกับเป้าจือกระโดดลงน้ำไปและว่ายแยกออกไปเป็นสองทางตามแนวของเบ็ด ฉินสือโอวก็ม้วนสายเบ็ดเข้ามาอีกจนทำให้ปลาตัวนั้นถูกดึงขึ้นมาจนถึงผิวน้ำ จากนั้นหู่จือและเป้าจือก็โอบล้อมและไล่ต้อนปลาที่ติดเบ็ดจนทำให้ปลาตกใจแล้วว่ายกลับมาตามแนวสายเบ็ด
ฉินสือโอวใช้จังหวะนี้ดึงสายเอ็นขึ้นมาแรง จากนั้นก็มีเสียง ‘โครม’ ดังขึ้นมาก่อนที่ปลาตัวใหญ่จะถูกดึงขึ้นจากพื้นน้ำ
เหมาเหว่ยหลงตาค้าง “เช็ดเข้ นี่นายเลี้ยงหมาหรือเลี้ยงมอนสเตอร์กันแน่เนี่ย? พวกมันช่วยนายไล่ต้อนปลาได้ด้วย?! แล้วทำไมปลาที่นายตกได้ถึงตัวใหญ่ขนาดนี้ล่ะ ดูแล้วเหมือนนายไม่ได้ออกแรงไปเท่าไรเลยนี่!”
…………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset