ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 890 คริสต์มาสครั้งที่ 2

วันคริสต์มาสอีฟเป็นวันที่สำคัญมาก โดยทั่วไปแล้วทุกครอบครัวจะมาอยู่ด้วยกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา เพื่อรับเอาความสุขจากความกลมเกลียวเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของครอบครัว ครอบครัวที่มีคนเยอะหน่อย จะถึงขั้นจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองจำพวกงานเต้นรำสวมหน้ากาก
ในฟาร์มปลามีคนอยู่เยอะพอสมควร เดิมทีฉินสือโอวคิดจะจัดงานเต้นรำสวมหน้ากาก แต่ต่อมาเขาก็พบว่าที่จริงแล้วทุกๆ คนแค่อยากจะดื่มด่ำกับบรรยากาศสบายๆ จากการนั่งดื่มเบียร์พูดคุยกันเพียงเท่านั้น ไม่ใช่การเฉลิมฉลองอย่างบ้าคลั่ง
บรรดาชาวประมงผ่านช่วงอายุที่จะเล่นสนุกไปแล้ว ทว่าพวกเด็กๆ ยังโปรดปรานสิ่งนี้อยู่ พวกเขาเลยยิ่งชอบที่ได้จุดดอกไม้ไฟเล่น เพราะในเวลาปกติไม่มีโอกาสได้เล่นของแบบนี้
ในช่วงฤดูหนาวของนิวฟันด์แลนด์ ท้องฟ้าจะมืดเร็วมาก เริ่มตั้งแต่ช่วงบ่ายที่ดอกไม้ไฟแจ่มจรัสกับเสียงแหลมสูงปรากฏขึ้นสู่ท้องฟ้าเหนือเกาะเล็กๆ แห่งนี้
นี่ทำให้ลูกสัตว์ป่าในฟาร์มปลาตกใจจนขวัญเสีย พวกมันพากันวิ่งหนีไปซ่อนตัวอย่างต่อเนื่อง ฝูงกวางและฝูงหมูป่าต่างก็มุดกลับเข้าไปในฟาร์มเลี้ยงสัตว์อย่างเชื่องๆ พวกสัตว์ปีกที่เลี้ยงไว้ในฟาร์มนิ่งสงบกว่ามาก พวกมันรวบรวมลูกไก่ลูกเป็ดลูกห่านที่อยู่กระจัดกระจายอย่างตื่นตระหนกเอาไว้ใต้ปีก แล้วพากันเข้านอน
สิ่งที่เป็นไฮไลท์ของคืนวันคริสต์มาสคือการจัดกิจกรรมในโบสถ์ พิธีมิสซาในคืนคริสต์มาส
โบสถ์ที่เกาะแฟร์เวลเป็นนิกายโปรเตสแตนต์ จึงไม่ค่อยให้ความสำคัญกับพิธีมิสซาเท่าไรนัก โดยทั่วไปแล้วคริสตจักรอีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์จะให้ความสำคัญกับพิธีนี้เป็นพิเศษ ฉินสือโอวไม่ค่อยรู้เรื่องความแตกต่างระหว่างนิกายโรมันคาทอลิก นิกายออร์ทอดอกซ์และนิกายโปรเตสแตนต์ เขาแค่ตามมาดูความสนุกสนานเท่านั้น คนอื่นทำอะไรเขาก็ทำแบบนั้น
อาหารมื้อค่ำเริ่มขึ้นตั้งแต่ท้องฟ้าเริ่มมืดลงตอนหกโมงเย็น วินนี่เรียกพวกเด็กๆ ที่จุดดอกไม้ไฟเล่นอยู่ตรงสนามหญ้าให้พากันกลับมา หลังจากนั้นทุกๆ คนก็เริ่มลงมือรับความเพลิดเพลินจากอาหารค่ำที่มีความหลากหลายและอุดมสมบูรณ์ในมื้อนี้
ฉินสือโอวรอจนเด็กๆ เข้ามานั่งแล้ว หลังจากนั้นเขาจึงพูดขึ้นมาว่า “พวกเธออยากพูดอะไรสักหน่อยไหม? กับมิแรนด้า ฟอกส์แล้วก็วินนี่ ฉันว่าพวกเธอน่าจะเห็นแล้วว่าพวกเขาเตรียมอาหารมื้อนี้ด้วยความยากเย็นขนาดไหน ใช่ไหมล่ะ?”
เขารู้สึกขอบคุณพี่สาวของภรรยากับแม่ยายจริงๆ ตอนแรกพวกเธอจะกลับไปฉลองคริสต์มาสกันทั้งครอบครัว พี่สาวภรรยาของเขาแต่งงานออกไปแล้ว เธอควรจะไปพบพ่อกับแม่ของอาร์ม็องเพื่อฉลองวันเทศกาลถึงจะถูก
แต่หลังจากวินนี่ตัดสินใจที่จะอยู่ฉลองวันคริสต์มาสที่ฟาร์มปลา มิแรนด้ากับฟอกส์และคนอื่นๆ เลยตัดสินใจที่จะอยู่ฉลองที่นี่เหมือนกัน ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นเพราะพวกเขาอยากจะอยู่ดูแลวินนี่
ตอนนี้วินนี่ฟื้นคืนความสัมพันธ์กับที่บ้านได้พอสมควรแล้ว อย่างน้อยๆ สองพี่น้องวินนี่กับฟอกส์ก็สามารถนั่งดูซีรี่ส์เรื่องเดอะบิกแบงทีออรี ด้วยกัน แล้วหัวเราะเสียงดังออกมาได้
เชอร์ลี่ย์ พาวลิส กอร์ดอนกับมิเชลลุกยืนขึ้นยืน แล้วเข้าไปจูบหน้าผากมิแรนด้า ฟอกส์กับวินนี่ทีละคน นี่คือการอวยพรของพระบุตรศักดิ์สิทธิ์ และยังเป็นธรรมเนียมปฏิบัติอย่างหนึ่ง
ฉินสือโอวให้พวกเขาเข้ามาจูบหน้าผากตัวเองเช่นกัน แต่เชอร์ลี่ย์กลับอุ้มราชาเจ้าป่าซิมบ้าแล้วเข้ามาใกล้ๆ
หลังจากราชาเจ้าป่าซิมบ้ากินอิ่มและได้รับความอบอุ่น ในที่สุดมันก็เริ่มอวบอ้วนขึ้นแล้ว ขนยาวยุ่งเป็นกระเซิงแผ่ออกทั่วทั้งตัว ดูอวบๆ อ้วนๆ ใบหน้ากลมเล็กเตรียมพร้อมที่จะออดอ้อนขอความรักอยู่ตลอดเวลา พอเชอร์ลี่ย์อุ้มมันมาอยู่ตรงหน้าฉินสือโอว มันก็รีบทำท่าออดอ้อนพองแก้มกลมๆ เหมือนลูกโป่งขึ้นมาทันที
ฉินสือโอวบีบแก้มกลมเล็กของมันเล่น เขาพูดอย่างจนปัญญาว่า “ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเจ้านี่เป็นแมวป่าหรือแมวในคาเฟ่? มันควรจะอาศัยทักษะในการล่าเหยื่อของมันเพื่อหาอาหารไม่ใช่เหรอ?”
เดิมทีหลัวปอนอนหมอบอยู่ที่ใต้เท้าของวินนี่ พอเห็นว่าซิมบ้าทำท่าทางออดอ้อน มันก็แสยะปากด้วยความดูถูกเหยียดหยาม ส่วนหู่จือกับเป้าจือก็ลุกขึ้นมายืนสองขาเกาะอยู่ที่เข่าของฉินสือโอว แหงนหน้าขึ้นชนซิมบ้า ไม่ยอมให้มันอ้อนได้สำเร็จอย่างเด็ดขาด
เมื่อทานอาหารเสร็จแล้ว ฉินสือโอวและทุกๆ คนในครอบครัวจึงพากันเข้าเมืองไปร่วมพิธีมิสซาที่โบสถ์ กิจกรรมนี้แบ่งออกเป็นสองรอบ จัดขึ้นในช่วงสามทุ่มถึงสี่ทุ่มหนึ่งครั้ง และในเวลาเที่ยงคืนยังมีพิธีมิสซาครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง และนี่ถือเป็นไฮไลท์ของคืนวันคริสต์มาส
ตอนที่พวกเขาขับรถมาถึงโบสถ์ ด้านในมีผู้คนอยู่อย่างหนาแน่นแล้ว บริเวณหน้าประตูมีศาสนิกชนผู้มีความศรัทธายืนอยู่หลายคน
มีบาทหลวงกริมม์เป็นผู้นำทำพิธีมิสซา ฉินสือโอวพาวินนี่เข้าไปส่งด้านใน พวกเขาเหลือที่นั่งแถวหน้าไว้ให้หญิงตั้งครรภ์แล้ว ด้านข้างยังมีที่ว่างอีกหนึ่งที่ เดิมทีมีไว้เพื่อแอนนาภรรยาของบูล แต่เป็นที่แน่ชัดว่าเธอมาไม่ไหว ดังนั้นฉินสือโอวจึงนั่งลงไปบนที่นั่งนั้นแทน
บาทหลวงกริมม์ยืนอยู่ด้านหน้าแท่นบูชา มือข้างหนึ่งของเขาถือคัมภีร์ไบเบิลเอาไว้ ส่วนมืออีกข้างก็วางไว้ที่หน้าอก แล้วพูดด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำ “…เป็นเพราะพระผู้เป็นเจ้าที่ทำให้พวกเรารอคอยความสุขจากการไถ่บาปในทุกๆ ปี ในค่ำคืนนี้พวกเรารู้ว่า พระผู้เป็นเจ้าจะลงมาไถ่บาปให้พวกเรา พรุ่งนี้เช้าเราจะได้พบกับพระสิริของพระองค์ ทุกชีวิต จะได้พบกับความช่วยเหลือจากพระเจ้าของเรา…”
เมื่อบาทหลวงอ่านคำเทศนาในโบสถ์ออกมาได้สักพัก ศาสนิกชนที่อยู่ด้านล่างก็พากันอ่านตาม ใบหน้าของฉินสือโอวเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม เขาเองก็อ่านตามคนอื่นๆ เช่นกัน ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้มีความศรัทธา แต่ในกาลเทศะเช่นนี้ เห็นได้อย่างแจ่มแจ้งว่าการเคารพความเชื่อของทุกๆ คนก็เป็นเรื่องที่ดีอยู่เหมือนกัน
สี่ทุ่มครึ่ง เมื่อพิธีมิสซาสิ้นสุดลงแล้ว ผู้คนส่วนใหญ่พากันกลับบ้าน แต่ยังมีผู้คนอีกส่วนหนึ่งที่กำลังจับกลุ่มคุยกันอยู่อย่างบางตา เพื่อรอส่วนสำคัญของงาน ซึ่งก็คือพิธีมิสซาเที่ยงคืน
เล่ากันว่าพิธีมิสซาเที่ยงคืนของวาติกัน สามารถดึงดูดผู้ที่มีใจศรัทธาให้ไปร่วมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ได้มากถึงสี่หมื่นห้าหมื่นคน ถึงเวลานั้นจะมีละครเวทีที่ทำการแสดงเกี่ยวกับเรื่องเล่าจากพระคัมภีร์ อีกทั้งยังมีพระสันตะปาปาที่จะสวดภาวนาให้ผู้ที่มีความศรัทธาทั่วโลก
พิธีมิสซาเที่ยงคืนของเมืองนี้มีความเรียบง่ายกว่ามาก ทว่าในตอนเริ่มต้นก็จะมีละครเวทีเช่นกัน เป็นการแสดงฉากที่พระเยซูทรงประสูติในคอกม้า
หลังจากนั้นคณะนักร้องประสานเสียงก็นำชาวเมืองร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าผู้อำนวยพร ในตอนนี้ฉินสือโอวเริ่มถอยไปชิดข้างหลังแล้ว เขาร้องเพลงนี้ไม่ได้ หากยืนอยู่ด้านหน้าคงไม่สบายใจนัก เขาไปยืนเป็นผู้ชมอยู่ด้านหลังน่ะดีแล้ว
ต่อมา เป็นช่วงเวลาที่บาทหลวงกริมม์จะควบคุมการทำพิธี พิธีมิสซาใหญ่แบบนี้จะต้องมีเนื้อหาใจความหลัก บาทหลวงกริมม์ทำการปาฐกถาเป็นเวลาสั้นๆ เขาเล่าเรื่องที่ได้พูดคุยกับฉินสือโอวหลังจากที่ได้พบกันกับเขาที่โรงพยาบาลชุมชนเมื่อก่อนหน้านี้ บรรยายถึงมุมมองเรื่อง ‘คิดดีคือพระเจ้า’
นิกายออร์ทอดอกซ์จะไม่สามารถพูดถึงเรื่องนี้ได้ เนื่องจากนิกายออร์ทอดอกซ์จะเน้นหนักว่าพระเจ้าเป็นผู้ที่อยู่สูงสุด แต่นิกายโปรเตสแตนต์ไม่จริงจังเรื่องนี้ สิ่งที่นิกายโปรเตสแตนต์ให้ความสำคัญคือโซลา ฟีเด (ความเชื่อเท่านั้น) และเชื่อว่าทุกคนสามารถเป็นบาทหลวงได้
หลังจากการปาฐกถาสิ้นสุดลง ทุกๆ คนก็ร้องท่วงทำนองกลอนและอ่านพระคัมภีร์ไบเบิลต่อ เพื่อเป็นการสวดภาวนาให้กับครอบครัว ให้กับเพื่อนพ้อง และเพื่อบรรดาพี่น้องศาสนิกชนผู้ที่มีจิตศรัทธาทุกคน
ขณะที่บาทหลวงกริมม์กำลังสวดภาวนาเขาตั้งใจเอ่ยถึงฉินสือโอวโดยเฉพาะ โดยเขาได้สวดภาวนาให้กับฉินสือโอวและฟาร์มปลาของเขา ทำให้ฉินสือโอวรู้สึกซาบซึ้งอยู่ไม่น้อย
ในเวลาเที่ยงคืน พิธีมิสซาครั้งใหญ่สิ้นสุดลง ณ ตอนนี้เทศกาลคริสต์มาสก็มาถึงพอดี พอบาทหลวงกริมม์โบกแขน ฆราวาสที่สวมใส่ชุดคลุมสีดำก็เริ่มลั่นระฆังโบสถ์
เสียงดังกังวานของระฆังดังไปทั่วเกาะ นำพาการให้อภัย คำอวยพร ความเบิกบานใจและความสุขส่งไปทั่วทุกมุมเมือง
หลังจากกลับมาแล้ว ฉินสือโอวบอกให้พวกเด็กๆ พากันเข้านอน ส่วนเขากับวินนี่และเออร์บักจะอยู่เตรียมของขวัญ
พวกเด็กๆ เล่นกันด้วยความคึกคักมาทั้งวัน บวกกับกฎเกณฑ์การพักผ่อนที่ถูกเลี้ยงดูมาในเวลาปกติ ในเวลานี้พวกเขาจึงพากันง่วงจนทนไม่ไหวไปตั้งนานแล้ว หลังจากกลับมาพอล้มตัวลงบนเตียงนอนก็เข้าสู่ห่วงนิทราทันที
ฉินสือโอวนำของขวัญชิ้นเล็กที่เตรียมไว้ใส่เข้าไปในถุงเท้าตรงหัวเตียงของพวกเขา หากของขวัญมีขนาดใหญ่เกินไปจนยัดไม่เข้า เขาก็จะใส่กุญแจดอกหนึ่งลงไปแทน แล้วนำกล่องของขวัญไปแขวนไว้บนต้นคริสต์มาสที่หน้าประตูทางเข้า
ช่วงเช้าเป็นเวลาสำหรับการแกะของขวัญ เสียงโห่ร้องด้วยความดีใจดังขึ้นต่อเนื่องเป็นระลอกๆ ฉินสือโอวกับวินนี่มอบของขวัญด้วยกัน พวกเขามอบเครื่องประดับไข่มุกสีดำให้มิแรนด้ากับฟอกส์คนละชิ้น และมอบเบ็ดตกปลาคาร์บอนไฟเบอร์ให้มาริโอ้หนึ่งคัน
ของขวัญที่มอบให้เด็กๆ ค่อนข้างมีความคิดสร้างสรรค์ เป็นของที่ฉินสือโอวกับวินนี่ช่วยกันคิด ของที่พวกเขามอบให้กับพาวลิสคือบังเหียนหนึ่งเส้น มอบเบาะนั่งที่ทั้งเบาและสบายให้แก่เชอร์ลี่ย์หนึ่งอัน มอบฐานรองรถลากเลื่อนหิมะให้กอร์ดอนหนึ่งคัน ส่วนของขวัญสำหรับมิเชลแน่นอนว่าต้องเป็นเฟรมรถลากเลื่อนหิมะ
สิ่งของเหล่านี้เมื่อประกอบกันขึ้นมา ก็จะได้รถลากเลื่อนหิมะหนึ่งคัน
ฉินสือโอวมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยความเสียดาย เขาพูดขึ้นมาว่า “น่าเสียดายที่ไม่มีหิมะตกในวันคริสต์มาส แต่หลังจากหิมะตกหนักสักครั้ง ฉันว่าพวกเธอคงจะได้ใช้มันแล้ว ใช่ไหมล่ะ?”
“แต่ว่า ฉิน พวกเราจะไปหากวางเรนเดียร์มาจากไหนล่ะ? กวางเรนเดียร์ที่ฟาร์มปลายังเล็กเกินไป พวกมันลากรถไม่ไหวหรอก”
ฉินสือโอวมองไปที่ปอหลัวที่กำลังกินหญ้าด้วยความเบื่อหน่าย ปอหลัวเงยหน้าขึ้นอย่างหวาดระแวง มันรู้สึกว่าเกิดเรื่องไม่ดีบางอย่างขึ้นแล้วอยู่เนืองๆ…
………………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset