ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 893 โอบกอดปีใหม่

คุณลุงฮิคสันปรับท่าทางให้ทั้งสองคน คาร์สันกับฉินสือโอวมีวงแขนที่ไม่ต่างกันมาก แต่มัดกล้ามใหญ่บึกบึน ความหนาของชั้นไขมันที่ทั้งหนักทั้งหนา ดูแล้วน่าจะใหญ่กว่ากันมากกว่าหนึ่งรอบ
คาร์สันเลิกคิ้วใส่ฉินสือโอว เผยรอยยิ้มร้ายให้กับเขาพร้อมกับพูดว่า “ฉิน ฉันอนุญาตให้นายใช้ทั้งสองมือเลย ถ้านายกลัวว่าจะแพ้อย่างน่าอนาถเกินไป ฉันก็รับได้ถ้านายจะทำอย่างนั้น”
ผู้คนในบริเวณรอบๆ ต่างก็ร้องเสียงแหลมส่งเสียงเย้าหยอกออกมาตามๆ กัน มีทั้งคนผิวปากแซว และแน่นอนว่าก็มีคนที่ตบไหล่ฉินสือโอวเพื่อปลอบใจเขาอยู่ด้วย ทุกๆ คนกำลังล้อเล่นอยู่ ดังนั้นไม่ว่าจะพูดอะไรก็ไม่ควรเก็บมาใส่ใจจนเกินไป
ถ้าจริงจังก็เท่ากับแพ้แล้ว
พอจวนจะเริ่มการแข่งขัน คาร์สันก็เริ่มแสดงกลอุบาย ‘ยุทธศาสตร์การเหยียดหยามศัตรูและกลยุทธ์การให้ความสำคัญกับศัตรู’ ออกมา เขาสูดหายใจลึกๆ หนึ่งครั้งแล้วเบ่งกล้ามเนื้อส่วนแขนขึ้นมา รอจนคุณลุงฮิคสันโบกมือให้สัญญาณแล้วบอกว่า ‘เริ่มได้’ จากนั้นเขาก็ร้องคำรามเพื่อเบ่งพลัง!
“สู้ คาร์สัน จัดการ…”
“ลุยๆๆ! คนขาวลูกหลานไวกิ้ง…”
“ฉิน นายจบ…”
“ฟัค!”
เสียงร้องคำรามของคาร์สันยังไม่ทันได้เปล่งออกมาจนจบ อีกทั้งเสียงเชียร์ของชาวเมืองที่กำลังชมการต่อสู้อยู่รอบด้านก็ถูกตะโกนออกมาได้แค่ครึ่งเดียวเท่านั้น ปรากฏว่าพวกเขาก็ได้ยินเสียงทึบๆ ดัง ‘ปัง’ ขึ้นมา แขนของคาร์สันถูกฉินสือโอวกดไว้บนโต๊ะ ส่วนเสียงทึบๆ ที่ดังขึ้นมาก็เกิดจากกำปั้นที่กระแทกเข้ากับโต๊ะนั่นเอง
“ฟะ ฟัค!”
มีแค่คำนี้ที่ถูกเปล่งออกมาจนจบคำ คำพูดของคนอื่นๆ ต่างก็ถูกเสียงทึบๆ ดัง ‘ปัง’ ตัดขาดไปแล้ว
หลังจากนั้น รอบๆ พื้นที่ที่ล้อมชมการแข่งงัดข้อก็เงียบเป็นเป่าสาก ในบาร์เหล้าที่กำลังสนุกสนานกันอย่างบ้าคลั่งยิ่งทำให้เหตุการณ์นี้ดูแปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง จนถึงขั้นทำให้คนอื่นๆ หันมามองด้วยความประหลาดใจ
ฉินสือโอวยืดเส้นที่คออยู่สักพัก กระดูกสันหลังส่วนคอส่งเสียง ‘กร๊อบๆ’ ออกมา ให้ความรู้สึกเหมือนปรมาจารย์ผู้เป็นที่สุดแห่งยุค “คนต่อไป!”
ฮิวจ์คนน้องเข้ามานวดกล้ามเนื้อไหล่ให้ฉินสือโอว พูดกับเขาว่า “ทำได้ดี เพื่อน จัดการได้สวยมาก! มา ฉันจะเป็นโค้ชให้นายเอง พวกเราจะร่วมมือกันกวาดล้างนครเซนต์จอห์น!”
ความเงียบงันในช่วงเวลาสั้นๆ ผ่านไป หลังจากนั้นก็มีเสียงบ่นที่ดังขึ้นมาเหมือนกระแสน้ำ พวกชาวประมงล้อมคาร์สันไว้ตรงกลาง จากนั้นค่อยเริ่มพูดจาเหยียดหยามเขา “ให้ตายเถอะ ก่อนหน้านี้แกเพิ่งจะเอากับเมียมาสองรอบหรือไง? มือไม้ถึงได้อ่อนขนาดนี้?”
“ฉันว่านะคาร์สัน เพื่อน แกเป็นโรคกระดูกอ่อนใช่ไหม? ฉันไม่เคยเห็นผู้ชายที่ไหนอ่อนเท่าแกมาก่อนเลย!”
“ต่อไปนี้ไม่ต้องบอกใครว่าเป็นลูกหลานของชาวไวกิ้งนะ อย่าทำให้บรรพบุรุษต้องขายหน้าเลย!”
มีคนเข้ามานั่งตรงข้ามกับฉินสือโอวอีกครั้ง เป็นชาวประมงหุ่นล่ำสัน ชื่อว่าชิลเดรส ว่ากันว่านอกจากเขาจะเป็นทายาทชาวไวกิ้งแล้ว เขายังมีเชื้อสายของชาวสลาฟอีกด้วย ตัวใหญ่เอวหนา ขนาดตัวใกล้เคียงกันกับซีมอนสเตอร์
ฮิวจ์คนน้องชี้ไปที่ทุกๆ คนแล้วพูดว่า “ไม่ต้องรีบนั่งเลย ไปดื่มก่อน! ชิล ไอ้เวร ฉันจำได้แม่นเลย แกพนันไว้สองขวดนี่ ใช่ไหม? เอ้าดื่มๆๆ!”
“ดื่มก็ดื่มวะ” ชิลเดรสทำเสียงฮึดฮัด แล้วรับเอาเบียร์สองขวดมากระดกลงไป ทั้งยังกระดกลงไปพร้อมกันทั้งสองขวดอีกต่างหาก ท่าทางองอาจของเขาเอาชนะความรู้สึกชื่นชมของผู้ชมรอบๆ ได้ และยังทำให้บรรดาชาวเมืองเชื่อมั่นในตัวเขาอย่างเต็มที่
คุณลุงฮิคสันส่งเบียร์แต่ละขวดๆ ออกไป ท้ายที่สุดก็หันไปถามคาร์สันว่า “ครั้งนี้นายจะร่วมเดิมพันไหม?”
คาร์สันที่อับอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนจึงพูดว่า “แน่นอน เมื่อกี้ฉันแค่มือไม้อ่อนไปหน่อยเท่านั้น ให้ตายเถอะ ฉินเป็นคนฉลาด เขาถนัดเรื่องการจู่โจมอย่างฉับพลัน ถ้าไม่ใช่เพราะลอบโจมตีฉัน ฉันไม่มีทางแพ้…”
“อย่าหยุมหยิมเหมือนผู้หญิงเลย พูดมา นายพนันว่าใครจะชนะ?” คุณลุงฮิคสันพูดด้วยความรำคาญ
“แน่นอนว่าต้องเป็น ฉิน!” คาร์สันพูดอย่างเด็ดขาด
คนอื่นๆ ต่างก็ตะลึงงัน จ้องมาที่เขาแล้วถามว่า “ใครนะ? นี่แกเมาแล้วใช่ไหม?”
คาร์สันยิ้มแหย แต่ยังยืนยันที่จะเดิมพันข้างฉินสือโอวอย่างหน้าไม่อาย เขาอาจจะหาเหตุผลหาข้ออ้างให้กับตัวเองได้ แต่จริงๆ แล้วมันเกิดอะไรขึ้น เขาที่เป็นคู่ต่อสู้ย่อมรู้ดีที่สุด เขาน่ะแพ้อย่างราบคาบเลย!
เมื่อสักครู่เขากำลังกัดฟันหาทางล้มฉินสือโอวอยู่ แต่ปรากฏว่าพละกำลังที่แขนของคู่ต่อสู้ส่งออกมา ทำให้เขาไม่มีแรงต้านทานเลยแม้แต่นิดเดียว!
เขารู้ว่า ถ้าไม่ใช่เพราะฉินสือโอวกินยาโด๊ปเข้าไป ก็ต้องเป็นเพราะชายที่อยู่ตรงข้ามมีเทคนิคการส่งพลังลึกลับของชาวตะวันออก อย่างเช่นพวกหมัดหนึ่งนิ้ว หรือหมัดหยงชุนอะไรทำนองนั้น คาร์สันเป็นคนรู้มาก มีประสบการณ์อย่างกว้างขวาง เขาก็เคยได้ยินของพวกนี้มาเหมือนกัน
คนทั้งกลุ่มโห่ร้องใส่เขา ชิลเดรสพูดอย่างเหยียดหยามว่า “เมื่อกี้ที่ถูกฉินกดไว้กับโต๊ะ ไม่น่าจะใช่แขน แต่น่าจะเป็นสมองของเขาหรือเปล่า? สมองเขาคงจะได้รับการกระทบกระเทือนไปแล้วแน่ๆ!”
คาร์สันไม่พูดอะไรออกมา พวกแกรนหาที่ตายเองนะ ฉันจะรอดูพวกแกแล้วกัน
คราวนี้เกมพนันพอจะดูดีขึ้นมาหน่อย ฝั่งที่เดิมพันว่าฉินสือโอวชนะเพิ่มมาเป็นสองคนแล้ว
หลังจากนั้นพอคุณลุงฮิคสันโบกมือ การแข่งขันก็เริ่มขึ้น!
ชิลเดรสออกแรงจากจุดแกนกลาง ลายเส้นกล้ามเนื้อบนแขนนูนพองขึ้นมาอย่างแน่นหนา ดูเหมือนกับนักกล้ามไม่มีผิด…
“ปัง!” เสียงทึบๆ ดังขึ้นมาอีกครั้งแล้ว เพียงแต่ว่าคราวนี้เสียงไม่ได้ดังขึ้นมาตั้งแต่ตอนเริ่มการแข่งขัน ชิลเดรสดันไว้ได้สองวินาที
ฉินสือโอวยักไหล่ด้วยท่าทางสบายๆ แล้วหันไปพูดกับฮิวจ์คนน้องว่า “นวดต่อเลยโค้ช!”
ฮิวจ์คนน้องถึงกับกลืนน้ำลาย หลังจากนั้นก็พูดว่า “ฉันรู้ว่านายเก่ง เพื่อน แต่นายเก่งยิ่งกว่าที่ฉันคิดไว้เสียอีก!”
ในตอนนี้คนทั้งกลุ่มตะลึงตาค้างไปแล้ว เมื่อสักครู่อาจจะพูดได้ว่าคาร์สันยังไม่ทันเตรียมตัว อาจจะพูดได้ว่าฉินสือโอวโชคดี แต่กับชิลเดรสครั้งนี้มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น?
ทุกๆ คนหันไปมองชิลเดรส คนหลังเต็มไปด้วยความรู้สึกทดท้อผิดหวัง จึงร้องขึ้นมาว่า “แม่งเอ๊ย ฉินแม่งคือทีเร็กซ์ในร่างคน!”
“ไม่ต้องหาเหตุผลให้ตัวเองหรอก เอ้านี่!”
คุณลุงฮิคสันส่งเบียร์ขวดแล้วขวดเล่าออกไปอย่างใจเย็น ‘อึกๆๆ’ ผู้คนรอบๆ ก็แหงนหน้ากระดกเบียร์ต่อ
เมื่อเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ห้าวินาทีต่อจากนั้นก็ ‘ปัง’ “นวดต่อ คนต่อไป!”
“นี่แม่งเรื่องบ้าอะไรกัน! ฉันไม่เชื่อเรื่องเหลวไหลหรอกโว้ย ฉันจะแข่งเอง! ไอ้พวกอ่อน ไสหัวไป!”
‘ปัง’ “นวดต่อ คนต่อไป!”
“ซี้ด!” เสียงสูดอากาศเย็นๆ ดังขึ้นมา ถึงแม้ว่าจะเป็นร้านเหล้าที่ยุ่งเหยิงวุ่นวาย ถึงเสียงดนตรีของดีเจกับเสียงร้องตะโกนของผู้คนจะจ้อกแจ้กจอแจแค่ไหน ก็ไม่สามารถกลบเสียงซี้ดปากสูดอากาศหนาวเย็นพวกนี้ได้ แถมยังมีคนพูดขึ้นมาเล่นๆ ว่า “มีใครเปิดเครื่องสูบลมหรือเปล่า?”
หลังจากนั้นฉินสือโอวก็เหมือนกับนั่งตกปลาบนเรือท่ามกลางพายุ บรรดาชาวเมืองลงสู่สนามทีละคนๆ อย่างไม่ยอมแพ้ หลังจากนั่งอยู่บนม้านั่งได้ไม่กี่วินาทีก็ต้องลงไป ส่วนคนที่มุ่งดูอยู่รอบๆ ก็พากันดื่มเบียร์
ตามข้อกำหนด เจ้ามือสามารถหยุดพักได้ห้านาทีโดยไม่ต้องต่อสู้ห้าครั้งติดต่อกัน เวลาส่วนใหญ่ของฉินสือโอวจะอยู่กับความเพลิดเพลินจากการนวดของฮิวจ์ พวกชาวเมืองที่มามุงดูแทบจะพากันคลั่งแล้ว ถึงขั้นว่ามีคนลองหยิกต้นขาตัวเองดูเลยด้วยซ้ำ
“คืนนี้ฉันต้องดื่มเยอะเกินไปแล้วแน่ๆ ส่วนตอนนี้ก็คือภาพลวงตา!”
“แม่งเอ๊ย ฟัค พระเจ้า นี่เจอผีจริงๆ แล้วหรือยังไง?”
“ฉินแม่งเป็นทีเร็กซ์ในร่างคนหรือเปล่า? ไม่มีใครเอาชนะพวกเราได้หมดทุกคนหรอก!”
“ปัง!” “คนต่อไป!”
ฉินสือโอวมองดูผู้คนรอบๆ ด้วยสายตาหยอกล้อ แขนของเขาเริ่มรู้สึกปวดเมื่อยขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ถ้าจะให้รับมือกับคนพวกนี้ที่สูญเสียความมั่นใจไปแล้วอีก แบบนั้นก็ไม่เป็นปัญหา
ในตอนนี้อยู่ๆ ก็มีคนร้องตะโกนขึ้นมาว่า “เร็วๆๆ เริ่มนับถอยหลังแล้ว! รีบมาหน่อยสิ มาเถอะ ปีใหม่! โอบกอดปีใหม่! ให้พวกเราได้โอบกอดปีใหม่อีกปี!”
ฉินสือโอวตกตะลึง เขามองดูโทรศัพท์ ตอนนี้เป็นเวลา 11.59 นาทีแล้ว กำลังจะถึงปีใหม่แล้ว เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ!
คนทั้งหมดยังพอเดินไปหาบันไดได้ พวกเขาวิ่งโซซัดโซเซออกไป แต่ยังมีคนดวงซวยบางพวกที่ต้องนอนหงายอยู่บนพื้น พวกเขาถูกขวดเบียร์ซัดจนล้มลง คนพวกนี้ไม่ยอมเชื่อเขาเลยจริงๆ เอาแต่พนันว่าฉินสือโอวจะแพ้…
บนหน้าจอขนาดใหญ่ตรงหน้าประตูร้านเหล้า ตัวเลขสีขาวสะอาดเริ่มนับเวลาถอยหลัง “10 9 8 7…”
หลังจากนั้นผู้คนทั้งหลายก็ร้องตะโกนเป็นเสียงเดียวกันว่า “6 5 4! 3! 2! 1!!! สุขสันต์วันปีใหม่!”
“ปุ้งๆๆ!” พลุสีสันสวยสดแต่ละดอกๆ ปรากฏตัวขึ้นบนท้องฟ้าที่อยู่ไกลออกไป ปีใหม่เริ่มต้นแล้ว!
………………………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset