ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 904 งานทุกวันนี้หาได้ไม่ง่าย

ในข้อมูลแนะนำของฟาร์มปลาต้าฉิน มีจุดหนึ่งที่ตั้งใจทำเครื่องหมายไว้โดยเฉพาะ นั่นก็คือจ่ายภาษีเกินหรือเคยจ่ายติดต่อกันสี่ไตรมาสเป็นจำนวนสิบล้านดอลลาร์
พนักงานคนเมื่อวานก็เห็นถึงข้อนี้เลยแทรกที่รับสมัครงานให้ฉินสือโอวโดยเฉพาะ แล้วยังเป็นที่วีไอพีซะด้วย เพราะฉะนั้นพวกเขาเลยหวังว่าฉินสือโอวอาจจะรับคนเยอะหน่อย อย่างไรก็เป็นฟาร์มปลาที่จ่ายภาษีรวมกันไตรมาสล่ะกว่าสิบล้านดอลลาร์แคนาดา จำนวนคนที่ต้องการก็น่าจะเยอะหน่อยสิ
น่าเสียดาย เขาไม่รู้ว่าภาษีของฉินสือโอวส่วนมากเป็นภาษีการก่อสร้างและภาษีบุคคล แต่ไม่ใช่ภาษีรายได้ของฟาร์มปลา
ไม่ว่าอย่างไร ฉินสือโอวก็ได้ที่นั่งวีไอพี เขานั่งเก๊กท่าอยู่ด้านหลังโต๊ะ ไม่นานก็มีคนเข้ามายื่นประวัติย่อให้ มีคนสังเกตเห็นข้อมูลการรับสมัครที่บูธเสนอมากขึ้นจึงล้อมกันเข้ามา
อัตราการตกงานของแคนาดาทั้งประเทศเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ และอัตราการจ้างงานของวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยนั้นค่อนข้างต่ำมาโดยตลอด ซึ่งสามารถดูออกได้จากการเบียดเสียดของผู้คนในมหกรรมจัดหางานเซนต์จอห์น
ฉินสือโอวเห็นฝูงชนที่มาหางานแต่เช้าก็รู้สึกว่างานนายกเทศมนตรีของแฮมเล็ตจะต้องไม่ง่ายแน่ๆ มิน่าล่ะตอนหาเสียงเขากับอ็อกเฟอร์ต่างก็สัญญาว่าจะเพิ่มอัตราจ้างงานในพื้นที่ ถ้าทุกคนยังไม่มีข้าวกินจะไปพูดถึงฝันแคนาดาได้อย่างไร?
ไม่ว่าจะเป็นประเทศสังคมนิยมหรือทุนนิยม อัตราการจ้างงานล้วนเป็นตัวบ่งชี้ที่สำคัญในการปรับปรุงการพัฒนาเศรษฐกิจในท้องถิ่น ยิ่งอัตราการจ้างงานต่ำอัตราการเกิดอาชญากรรมก็จะยิ่งสูง จะนอนสบายๆ ในบ้านก็ไม่ได้จริงไหม? นอนก็ไม่ได้มีเงินนี่
ก่อนที่มหกรรมจะเริ่ม ข้าราชการที่รับผิดชอบก็พูดแนะนำแบบเรียบง่ายซึ่งค่อนข้างเป็นพิธี ก็พูดประมาณว่ารัฐบาลเซนต์จอห์นมุ่งมั่นที่จะเป็นตัวกลางระหว่างแรงงานและฝ่ายบริหารมาตลอด รวมพลังแรงงาน ฝ่ายบริหารและรัฐบาลเพื่อให้ชาวเมืองสามารถหางานที่เหมาะสม และแสดงความสามารถ ส่วนบริษัทก็หาพนักงานดีๆ มาพัฒนาขยายตลาด และสร้างการพัฒนาด้านเศรษฐกิจร่วมกัน
ข้าราชการพูดอยู่ข้างบน คนรับสมัครงานและคนหางานด้านล่างก็ต่างพากันกลอกตาไม่เลิก พูดอะไรเหลวไหลทั้งนั้น เพิ่มโอกาสหางานจริงเหรอ พูดอะไรไม่มีประโยชน์พวกนี้ทำไม? วิกฤตการณ์จ้างงานจะหมดไปเองหรือไงกัน?
วิกฤตการณ์จ้างงานของแคนาดาในปัจจุบันเกิดจากระบบของรัฐบาล หลายปีก่อนเกณฑ์การย้ายถิ่นฐานของแคนาดาลดลงต่ำมากเพื่อที่จะเพิ่มจำนวนชาวเมืองผู้อพยพจึงทำให้ได้คนรายได้ต่ำมาจากเอเชีย อเมริกากลาง อเมริกาใต้ และยุโรปมากมาย
ใครก็รู้ว่าแคนาดากว้างใหญ่ ทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ สวัสดิการรัฐบาลดี ผู้คนต่างก็ย้ายถิ่นฐานเข้ามาด้วยหลากหลายวิธี และในตอนนั้นกองทุนก็เป็นบัตรผู้อพยพเข้าเมือง ขอแค่มีธนาคารที่เชื่อถือได้เพียงพอที่จะพิสูจน์ว่ามีกองทุนเท่าไหร่ ดังนั้นจึงสามารถย้ายถิ่นฐานได้
เบื้องบนมีนโยบาย เบื้องล่างก็มีมาตรการตอบโต้ ผู้อพยพหลายคนกู้ยืมเงินมาใส่ในบัญชีของพวกเขาชั่วคราว หลังจากย้ายถิ่นฐานมาค่อยคิดหาวิธีคืน แบบนี้พวกที่อพยพเข้ามาในแคนาดาก็ยังเป็นพวกไม่มีเงินอยู่ดี
ต่อให้คนพวกนี้มีเงินจริงๆ แต่ใช้ชีวิตที่แคนาดาไปพักหนึ่ง เงินก็ใช้หมดไปอย่างรวดเร็วแต่ก็ยังไม่สามารถหางานที่ทำเงินได้ ดังนั้นก็ยังคงเสียเปล่าอยู่ดี
หลายๆ คนไม่ขออะไรมาก แค่อยากหางานที่มั่นคงเลี้ยงครอบครัว แต่เศรษฐกิจอเมริกาเหนืออยู่ในช่วงตกต่ำ บริษัทกลางและเล็กในอุตสาหกรรมใหญ่ต่างก็ลดจำนวนพนักงานและรายจ่ายทางเศรษฐกิจลง ส่วนบริษัทใหญ่ก็ตั้งข้อกำหนดรับพนักงานไว้สูงมาก แถมยังชอบฝึกอบรมเด็กนักศึกษาจบใหม่
หลังจากที่ฉินสือโอวได้ประวัติย่อสมัครงานมาก็ขอให้ผู้สมัครนั่งลงคุยกัน แซนเดอร์สแตะข้อศอกของเขาเบาๆ จากนั้นก็วางประวัติย่อลงก่อนจะบอกกับผู้สมัครอายุน้อยว่า “รบกวนตอนบ่ายค่อยมาได้ไหมครับ? ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือ”
หลังจากนั้นก็เป็นแบบนี้ทั้งหมด เก็บประวัติก่อน ตอนบ่ายค่อยมาร่วมสัมภาษณ์งาน
ฉินสือโอวเข้าใจถึงเหตุผลในไม่ช้า ต้องเปรียบเทียบกันก่อน ถ้าเขาสัมภาษณ์ตอนนี้ก็จะเป็นการสัมภาษณ์ด้วยมาตรฐานที่ต่างกัน คนที่จ้างอาจจะไม่ใช่คนที่เหมาะที่สุด
ฉินสือโอวก็เป็นคนใจร้อนแบบนี้ ถ้าเป็นเขามานั่งทำเอง คงจะออกมาประมาณว่าคุยกับคนแรกสักหน่อย ไม่มีปัญหาอะไรก็จ้างงานเลย
เขากวาดตาอ่านประวัติย่อคร่าวๆ ส่วนมากจะเป็นคนหนุ่มสาว บางกลุ่มลาออกเพราะเมื่อก่อนเงินเดือนต่ำ หรือไม่ก็ความกดดันสูงจึงหาตำแหน่งงานที่ถูกใจอย่างใจเย็น แล้วก็มีนักเรียนที่หวังจะหางานพาร์ทไทม์เพื่อหาประสบการณ์ทำงาน หลังจบจะได้มีบริษัทใหญ่รับไปทำงาน
แซนเดอร์สบอกว่าตอนเช้าแค่เก็บประวัติย่อ เขาทำเองก็ได้ ให้ฉินสือโอวออกไปเดินเล่นก่อน ไปดูว่ามหกรรมเป็นอย่างไร ต่อไปเขาวางแผนจ้างงานอีกจะได้สะดวก
มหกรรมจัดหางานเซนต์จอห์นนี้ขนาดไม่ใหญ่ มีบริษัทจากอุตสาหกรรมต่างๆ ที่มาเข้าร่วมประมาณห้าสิบบริษัท ตำแหน่งงานที่รับสมัครก็เยอะทีเดียว มีตั้งแต่ระดับรากหญ้ายันผู้จัดการ ขอบเขตกว้างมาก มีทั้งงานด้านขายปลีก ทีมผู้คุมวินัย สังคมสงเคราะห์จนถึงงานทางเทคนิคเฉพาะด้าน
ต่างกับที่จีน มหกรรมจัดหางานแคนาดานั้นไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ฝ่ายทรัพยากรบุคคลของทางเทศบาลก็จะมาออกบูธ ที่นี่มีใบปลิวของบริษัทบางส่วนใส่อยู่ในถุงพลาสติก ผู้สมัครต่อแถวกันรับ เพราะสามารถโทรไปสมัครได้
แน่นอนว่าฝ่ายทรัพยากรบุคคลก็ให้คำปรึกษาและแนะนำข้อมูลการจ้างงาน บางครั้งก็จะมีคนแนะนำความสามารถของตัวเองกับนิสัยด้านต่างๆ จากนั้นก็จะมีคนวิเคราะห์ว่าเหมาะสมกับงานแบบไหน และเงินเดือนประมาณเท่าไหร่ที่เหมาะสม
ฉินสือโอวว่างจนเบื่อเลยไปเข้าแถวกับเขาด้วย เขาอยากรู้ว่าถ้าไม่มีหัวใจโพไซดอน เขาจะสามารถทำอะไรได้บ้างในเซนต์จอห์น และมีอนาคตแบบไหนได้บ้าง
คนที่มาต่อแถวเพื่อถามมีไม่เยอะ เพราะทุกคนล้วนมาพร้อมกับเป้าหมายที่ชัดเจน ใครจะไปเสียเวลากับการถาม?
หลังจากที่นั่งลง ฉินสือโอวก็เริ่มจากแนะนำตัวเอง ประเทศ ระดับภาษา อายุ งานอดิเรกความสนใจ วุฒิการศึกษา ความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ทำงาน เวลาที่มาแคนาดา ความสามารถในการสื่อสาร เงินเดือนที่อยากได้ ฯลฯ ล้วนต้องกรอกลงไปหรือไม่ก็เล่าให้ฟัง
หลังจากที่เขาเอาแบบฟอร์มส่งให้ผู้ให้คำปรึกษา อีกฝ่ายก็ถามแบบหยั่งเชิง “คุณผู้ชาย เงินเดือนที่คุณกรอกคือห้าพันถึงหกพัน ใช่ไหม? นี่คือรายเดือนเหรอครับ?”
ฉินสือโอวพูดแบบติดตลก “แน่นอนว่านี่คือเงินเดือน ผมไม่หน้าใหญ่เอารายสัปดาห์หรอก”
เขากรอกเงินเดือนห้าหกพัน เพราะว่านักบัญชีที่เขาจะจ้างครั้งนี้ก็ได้เงินเดือนเท่านี้ นี่ก็เป็นเงินเดือนระดับกลางค่อนไปทางต่ำของผู้ที่กลับมาทำงานหลังจากทำงานห้าหรือหกปีในแคนาดา
ผู้ให้คำปรึกษามองฉินสือโอวด้วยสายตาแปลกๆ ครู่หนึ่ง แขนทั้งสองข้างไขว้กันก่อนพูดด้วยสีหน้าระรื่น “พ่อหนุ่ม สถานการณ์เศรษฐกิจตอนนี้ไม่ค่อยสู้ดี ผมดูข้อมูลแนะนำของคุณแล้ว และคิดว่าคุณไม่เหมาะกับงานด้านฝ่ายทรัพยากรบุคคล ทิศทางการทำงานของคุณไม่ถูกต้อง”
ฉินสือโอวพูด “คงไม่มั้งครับ ผมเคยทำงานฝ่ายทรัพยากรบุคคลมาห้าปี เช่นพวกฝึกอบรม เงินเดือนค่าตอบแทน เอกสาร รับสมัครคนใหม่ ความสัมพันธ์ระหว่างพนักงาน ล้วนเคยทำมาหมดแล้วทั้งนั้น อีกอย่างผมยังเคยมีส่วนร่วมในการสร้างการประเมินประสิทธิภาพของบริษัท ผมคิดว่าความสามารถด้านนี้ของผมก็เพียงพอนะครับ”
ผู้ให้คำปรึกษาระบายยิ้มบาง “ในเมื่อเป็นแบบนี้ คุณก็น่าจะเข้าใจงานขั้นพื้นฐานของฝ่ายทรัพยากรบุคคลคือการสื่อสารและบริการใช่ไหมครับ? งั้นคุณเข้าใจถึงนิสัยในการทำงานและในชีวิตประจำวันของชาวเม็กซิกันไหม? คนอาร์เจนตินาล่ะ? คนรัสเซียล่ะ?”
ฉินสือโอวยิ้มขมขื่น “พวกนี้ผมเรียนรู้ได้”
“แต่ผมเตือนคุณได้อย่างหนึ่ง งานด้านทรัพยากรบุคคลต้องมีใบรับรองคุณสมบัติทรัพยากรบุคคล ผมขอถามหน่อยว่าคุณสอบผ่านหรือยังครับ?”
“ยังครับ”
“ผมแนะนำให้คุณทำงานใช้แรงงาน ด้านทรัพยากรบุคคลอาจไม่ค่อยเหมาะกับคุณสักเท่าไร”
……………………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset