ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 911 วันที่หิมะปิดเขา

หู่จือกับเป้าจือเป็นพวกราชาน้อยเจ้าอารมณ์ ทั้งสองตัวใช้ข้อได้เปรียบทางขนาดตัวและเรี่ยวแรงเข้ากระโจนใส่อเมริกันบูลลี่อ้วนทั้งสอง
พวกฉงต้า หลัวปอก็โจมตีตามมาติดๆ ล้อมอเมริกันบูลลี่สามตัวที่เหลือ
หมาอเมริกันบูลลี่ได้ฟังชื่อก็รู้แล้วว่าพวกมันนิสัยอย่างไร แม้ว่าพวกมันจะถูกมองว่านิสัยอ่อนโยนน่ารัก ใจกว้างและเป็นมิตรกับเด็กมาก แถมยังไม่แอคทีฟจนเกินไป แต่ต้องเข้าใจเหมือนกันว่าพันธุ์นี้ได้มาจากการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างพิทบูล เทอร์เรียกับสแตฟเฟอร์ดไชร์ บูล เทอร์เรียร์
พิทบูล เทอร์เรียเป็นหนึ่งในพันธุ์หมาที่ดุร้ายและต่อสู้เก่งที่สุด เป็นทิเบตัน มาสทิฟฟ์ในตำนาน ในสถานการณ์หนึ่งต่อหนึ่งก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมันอยู่ดี จากนี้ก็รู้ได้ว่า บูลลี่ในฐานะทายาท ต่อให้นิสัยดีขนาดไหนก็ดีไม่ได้เท่าไร
ต่อให้เรี่ยวแรงอยู่ในฐานะเสียเปรียบ แต่เหล่าอเมริกันบูลลี่ก็ไม่กลัว ทั้งสองดิ้นรนอยู่ใต้ร่างของหู่จือเป้าจือ อีกสามตัวรวมตัวกัน ถลึงตาเผยเขี้ยวคมและเห่าใส่ฉงต้า
ส่วนหลัวปอนั้นโดนมองข้าม ซึ่งทำให้ราชาหมาป่าขาวโกรธมาก
น่าเสียดายราชาหมาป่าน้อยไม่มีโอกาสแผลงฤทธิ์ ตั๋วตั่วเห็นหมาสามตัวของตัวเองโดนรังแกก็ร้อนใจจนตาแดง ดึงมือของวินนี่ด้วยสีหน้าร้อนใจ
วินนี่ออกมาตะโกน “พอแล้วเด็กๆ อย่าทำกับแขกแบบนี้! กลับมาให้หมด!”
หู่เป้าฉงหลัวได้ยินเสียงตะโกนของเธอก็เก็บความต้องการที่จะโจมตีทันที ฉงต้าเดิมทีกางอุ้งมือเตรียมตบเจ้าตัวจ้อยทั้งสาม และคาดการณ์ได้ว่าด้วยแรงของฉงต้าตอนนี้ ตบลงไปทีเดียวต่อให้ไม่ได้ตบจนพวกอเมริกันบูลลี่ไส้แตก ก็คงฉี่ราดจนหมดระหว่างทาง
พอวินนี่ตะโกน ฉงต้าก็เก็บอารมณ์สำรวมขึ้น มันหันตัวมาตบหัวของเจ้าสามตัวเบาๆ จากนั้นเจ้าอเมริกันบูลลี่กำยำทั้งสามก็หมอบลงกับพื้น…
ตีกันไม่ได้ พวกหู่เป้าฉงหลัวก็มีวิธีอื่นอีก พวกมันคิดอยู่ครู่หนึ่งก็วิ่งไปหาวินนี่เพื่อขอน้ำดื่ม จากนั้นก็มุ่งไปที่จุดที่พวกอเมริกันบูลลี่ฉี่เอาไว้ ยกขาขึ้นแล้วปล่อยฉี่ที่มากกว่าเดิม
หลังจากนั้นตอนที่กินอาหารเย็น จู่ๆ เหมาเหว่ยหลงก็พบว่าอเมริกันบูลลี่ของเขาตัวเปียก เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติจึงอุทานออกมา “อะไรกันเนี่ย ไอ้ฉิน ไอ้พวกนี้ที่บ้านแกคงไม่ได้ฉี่ใส่หมาฉันหรอกนะ?”
ฉินสือโอวหัวเราะแห้ง เรื่องนี้ก็เป็นไปได้แฮะ
สภาพอากาศอึมครึมขึ้นมา กระแสลมเย็นทางเหนือเริ่มพัดเข้ามหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ เมื่อไอน้ำทางตอนเหนือของมหาสมุทรแอตแลนติกใต้เย็นจัด เมฆจะเริ่มก่อตัวขึ้นบนท้องฟ้า
เด็กๆ กำลังจัดการรถเลื่อนอยู่ที่หน้าประตู พวกเขาตั้งตารอหิมะตกมากที่สุดก็จะ หลังหิมะตกสามารถนั่งรถเลื่อนไปอวดในเมืองได้
ฉินสือโอวเรียกให้พวกเขาไปล้างมือเตรียมตัวกินข้าว ปรากฏว่าตอนนั้นจู่ๆ ก็มีแสงสว่างวาบขึ้น กอร์ดอนที่กำลังเสริมความแกร่งให้รถเลื่อนยืนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เขาชูสองนิ้วแล้วมองไปทางฉินสือโอวด้วยท่าทีใสซื่อ
ฉินสือโอวตะลึงแล้วเอ่ยถาม “ทำอะไรน่ะ? ฟ้าแลบฟ้าผ่าอยู่ ยกมือขึ้นมาทำไม? อยากโดนผ่าหรือไง?”
กอร์ดอนเงยหน้ามอง บนฟ้ายังคงมีฟ้าแลบปรากฏให้เห็นเป็นระยะแล้วสบถด่าออกมา “ให้ตายสิ! แม่งเอ๊ย ผมนึกว่ามีคนกำลังถ่ายรูปพวกเรา! ผมนึกว่านั่นเป็นแสงแฟลช!”
ฉินสือโอวหัวเราะออกมา เด็กพวกนี้โดนถ่ายรูปจนบ๊องไปแล้ว จริงอยู่ ก่อนหน้านี้ขอแค่พวกเขาอยู่กับรถเลื่อนก็จะมีคนมาถ่ายรูปพวกเขา ปรากฏว่ากลับกลายเป็นการเรียนรู้อย่างมีเงื่อนไข
มิเชลก็ลุกขึ้นตามกอร์ดอน เพียงแต่เธอยังถือว่าฉลาด พอเห็นว่าไม่ชอบมาพากลก็นั่งลงอีก เธอถามขึ้น “ฉิน ฤดูหนาวทำไมถึงมีฟ้าแลบฟ้าร้องได้ล่ะครับ? จะมีปัญหาอะไรไหมครับ?”
ฤดูหนาวไม่ค่อยจะมีฟ้าแลบจริงๆ ฉินสือโอวอธิบาย “เรื่องนี้ก็ปกติ เรียกว่าฟ้าร้องในฤดูหนาว เกี่ยวข้องกับความแตกต่างของอุณหภูมิระหว่างโทรโพสเฟียร์และพื้นดิน รีบกลับเข้าข้างในกันเถอะ กระแสลมเย็นมาแล้ว หิมะจะตกแล้ว”
ในเมื่อหิมะลูกโตกำลังจะมาแล้ว ฉินสือโอวเลยไปรับแซนเดอร์สและคนอื่นๆ รวมสามคนมาล่วงหน้า บ้านของจางเผิงไม่ได้อยู่ในเซนต์จอห์น ต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งอาทิตย์เพื่อจัดการเรื่องในบ้านให้เรียบร้อยถึงจะมาทำงานได้ ฉินสือโอวส่งสัญญาจ้างแรงงานอิเล็กทรอนิกส์ไปให้เขาดูก่อนว่ามีปัญหาอะไรหรือไม่
พอคนเยอะฉินสือโอวก็เอาเตาแม่เหล็กไฟฟ้าออกมาทำหม้อไฟ ตกกลางคืนเกล็ดหิมะก็เริ่มโปรยปรายลงมา ลมทะเลเย็นเยือกพัดเกล็ดหิมะกระทบหน้าต่างจนส่งเสียง ‘กุกกัก’ ในเวลาแบบนี้การได้กินหม้อไฟในบ้านแสนอบอุ่นเป็นอะไรที่สุดยอดที่สุด
ฉินสือโอวเตรียมอาหารทะเลและเนื้อไว้มากมาย หลังจากที่หม้อไฟเดือด เขาเอาหอยงวงช้างหั่นชิ้นให้เหมาเหว่ยหลงแล้วพูดว่า “ไอ้นี่น่ะนายต้องกินให้เยอะๆ มันดีต่อสุขภาพ”
เหมาเหว่ยหลงรู้ว่าเขาไม่มีอะไรดีๆ จะพูด แต่พอหอยงวงช้างหั่นชิ้นก็ดูไม่ออกแล้วว่าคืออะไร เขาเลยลวกมันแล้วโยนลงไปในชามของหู่จือแล้วพูดยิ้มๆ “ฉันไม่รีบร้อน ให้พวกลูกชายแกบำรุงไปก่อนเถอะ”
ไอน้ำหม้อไฟอบอวล กลิ่นหอมของซุปพริกเผ็ดฟุ้งกระจายออกมาก่อน ฉินสือโอวเตรียมหม้อออกมาหลายใบ ยังมีหม้อกุ้งมังกรด้วย งมกุ้งมังกรเล็กมาส่วนหนึ่งแล้วตุ๋นล่วงหน้าสองชั่วโมง ตอนนี้กลายเป็นซุปน้ำข้นไปแล้ว
เชอร์ลี่ย์เอามันฝรั่งหั่นแผ่นลงไปต้มในหม้อซุปกุ้งมังกร หลังจากกินลงไปก็ร้องออกมาอย่างประหลาดใจ “อืม อร่อยจริงๆ เลย”
กอร์ดอนลวกไก่ชิ้นหนึ่ง กลิ่นเนื้อชนกัน สู้การลวกแต่ผักไม่ได้ โดนเฉพาะผักกาดขาว ใบผักแต่ล่ะใบพอต้มด้วยซุปกุ้งมังกรรสชาติทั้งสดทั้งหอม อร่อยกว่าเนื้อลวกเสียอีก
หลังจากนั้นเจ้าพวกตัวยุ่งทั้งหลายก็เริ่มแย่งผักมาลวกในหม้อซุปกุ้งมังกรกัน ฉินสือโอวตั้งอกตั้งใจกินเนื้อแกะลวกของตัวเอง แกะส่วนมากของแคนาดาจะเลี้ยงแบบปล่อย ดัชนีตลาดเนื้อแกะค่อนข้างสูง คุณภาพเนื้อดีกว่าเนื้อแกะชิ้นในซูเปอร์มาร์เก็ตจีนเยอะ
แน่นอน ที่เขายืนยันจะลวกเนื้อก็เกี่ยวกับมุมมองของเขาด้วย ก่อนหน้านี้ทุกคนบอกว่าเตรียมเนื้อน้อยหน่อย แต่ฉินสือโอวคิดว่ากินหม้อไฟก็ต้องกินเนื้อ เขาให้เบิร์ดหั่นแกะไว้ครึ่งตัวโดยเฉพาะ
วินนี่ลวกมะเขือม่วงให้เขาชิ้นหนึ่งแล้วพูดอย่างโกรธๆ ว่า “พอแล้วค่ะ อย่าปากแข็งไปหน่อยเลย มาลองชิมผักลวกซุปกุ้งมังกรดู รสชาติเยี่ยมมากเลยนะคะ”
“แล้วยังสารอาหารเยอะด้วย เพราะกุ้งมังกรอุดมไปด้วยแร่ธาตุพวกแคลเซียม โพแทสเซียม” หลิวซูเหยียนพูดเสริม
มะเขือม่วงพอต้มแล้วก็จะนิ่ม แต่ก็จะดูดน้ำซุปกุ้งมังกรไว้เยอะกว่า ฉินสือโอวรับเข้าปากไปยังไม่ทันเคี้ยวน้ำซุปกุ้งมังกรก็เริ่มไหลทะลักออกมาจนในปากเต็มไปด้วยรสชาติอร่อย
เขาทำปากแจ๊บๆ สุดท้ายก็อ้าปากพูดมั่วซั่วไม่ได้ เขาเทเนื้อลวกในจานให้หู่จือกับเป้าจือทั้งหมด ฉินสือโอวก็เข้าร่วมขบวนการแย่งผักด้วย ปรากฏว่าผักที่เตรียมไว้ไม่พอ ครู่เดียวก็กินกันจนหมด
ฉินสือโอวมองดูพายุหิมะด้านนอกพลางสวมเสื้อโค้ตแล้วพูดว่า “โอเค ทุกคนกินกันไปก่อนเลย ผมจะไปเก็บผักในสวนสักหน่อย ยิ่งสดยิ่งอร่อย”
เหมาเหว่ยหลงโบกมือให้เขา ฉินสือโอวคว้าตัวเขาดึงขึ้นมาแล้วแค่นเสียงหัวเราะ “แกคิดว่าฉันจะไปคนเดียวเหรอ? แกนี่ก็ทำตัวเป็นแขกผู้มีเกียรติเสียแล้วนะ? ไปแปลงผักกับฉัน ไม่อย่างนั้นคืนนี้จะโยนให้แกออกไปนอนข้างนอก!”
ยอดอ่อนของผักที่ถูกสัตว์เหยียบคราวที่แล้วเริ่มประคองจนตรงแล้ว พื้นที่ว่างบางส่วนโดนเหยียบไม่มาก คราวนี้สวนผักเรือนกระจกก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
เหมาเหว่ยหลงยื่นมือไปดึงแตงกวามากิน แล้วเคี้ยวกรุบๆ อย่างเอร็ดอร่อย ในขณะเดียวกันก็ทำหน้าสับสน “ฉันก็มีแปลงผัก เมล็ดที่ปลูกก็เหมือนแก ทำไมรสชาติผักที่นั่นใช้ไม่ได้เลย?”
ฉินสือโอวไม่ได้ล้อเลียนเขา แต่ตอบเขาอย่างจริงจัง “แกมันไอ้ทึ่ม เกาะแฟร์เวลฮวงจุ้ยดี เหมาะกับการปลูกผัก รู้หรือไหม?”
…………………………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset