ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 915 กลุ่มเพื่อนเลวแห่งท้องทะเล

เสียงปืนดังลั่น แต่ทุ่นลอยที่อยู่ไกลๆ ก็ยังคงลอยอยู่บนผิวน้ำทะเลอย่างเดิม ไม่เป็นอะไรเลย
เหมาเหว่ยหลงหัวเราะออกมา เขาผลักฉินสือโอวออกแล้วเปลี่ยนเป็นตัวเอง ฉินสือโอวเตือนเขาว่า “แรงเด้งกลับแรงมากเลยนะ แกระวังด้วย!”
“ฉันรู้ว่าทำอะไรอยู่ ฉันไม่ได้เพิ่งเคยเล่นปืนครั้งแรกเสียหน่อย ปืนบาร์เรตต์ก็เคยเล่นมาตั้งหลายปีไม่ใช่หรือไง?” เหมาเหว่ยหลงพูดด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม เขาหมอบตัวลงบนท้ายเรือและเล็งไปที่ทุ่นลอยผ่านช่องว่างของรั้วกั้นที่วางกลับหัว
นีลเซ็นพูดขึ้นด้วยความนับถือ “นึกไม่ถึงเลยว่าเหมาเป็นคนเล่นปืนด้วย ผมเองก็ไม่ค่อยได้ใช้ปืนบาร์เรตต์ แรงเด้งกลับแรงเกินไป เสียงดังเกินไป แรงลมที่ปากกระบอกปืนแรงไป ผมไม่ถนัด”
หูของฉินสือโอวโดนเสียงปืนเมื่อครู่ทำให้อื้อไปหมด ยิงปืนซุ่มยิงโบลต์แอคชั่นต้องใส่อุปกรณ์ป้องกันหู ไม่อย่างนั้นจะเป็นอันตรายต่อแก้วหูและคอเคลีย หลังจากวางปืนลง เขากำลังลูบหูอยู่ช้าๆ ก็เลยไม่ได้ยินสิ่งที่นีลเซ็นพูด
เหมาเหว่ยหลงตั้งท่าตั้งนานก็ยังไม่ได้ยิงออกไป ฉินสือโอวเตะเขาไปหนึ่งทีด้วยความรำคาญ ปรากฏว่าเหมาเหว่ยหลงรำคาญกว่าเลยหันกลับมาพูดว่า “แกถ่ายรูปให้ฉันหรือยัง? อย่ามาโม้แสงแฟลชยังไม่สว่างเลย!”
“ไอ้บ้า สร้างภาพ!” ฉินสือโอวด่าออกมา ได้แต่ล้วงมือถือออกมาแล้วถ่ายรูปให้เขาทุกมุมหลายรูป
พอแบบนั้นเหมาเหว่ยหลงถึงถือปืนอย่างพอใจ ดวงตาเขาเล็งทุ่นลอยสีแดงอันหนึ่งผ่านกล้องเล็ง จากนั้นก็เหนี่ยวไกปืนเบาๆ “…”
ฉินสือโอวถาม “ทำไมยังไม่ยิงอีกล่ะ?”
เหมาเหว่ยหลงมองเขาแบบเก้อๆ แล้วพูดขึ้น “เมื่อกี้ฉันเห็นว่าแรงที่แกเหนี่ยวไกไปไม่ค่อยแรง นึกไม่ถึงว่ามันจะแข็งขนาดนี้ ฉันกดไม่ลง!”
พอได้ยินแบบนั้น ฉินสือโอวถอยไปหลายก้าวทันที เขารู้สึกว่าแบบนี้ไม่ค่อยปลอดภัยเลยไปที่ด้านหลังของเหมาเหว่ยหลง ต่อให้ไม่น่าไว้ใจอย่างไร ปากกระบอกปืนก็คงไม่พลิกมาหนึ่งร้อยแปดสิบองศาหรอกนะ?’
เหมาเหว่ยหลงกดไกปืนแรงๆ เสียงดังสนั่นดังขึ้นอีกครั้ง จากนั้นปืนก็ดีดตัวไปข้างหลังอย่างแรง เหมาเหว่ยหลงเกือบจะร้องไห้ “ให้ตาย โดนไหปลาร้าฉันแล้ว! ไหปลาร้าจะหักแล้ว!”
นีลเซ็นช่วยเขาบีบนวดไหล่แทบเป็นแทบตาย เหมาเหว่ยหลงเจ็บจนร้องโอดโอย แต่พอนวดไม่กี่ครั้งพริบตาเดียวก็ดีขึ้น เหมาเหว่ยหลงคืนปืนให้ฉินสือโอวอย่างหงุดหงิด แล้วพูดแบบไม่สบอารมณ์ “ไม่สนุกเลยสักนิด”
นีลเซ็นพูดอย่างแปลกใจ “ก็ไม่สนุกแน่อยู่แล้ว ปืนไรเฟิลไม่สนุกหรอกครับ ไม่อย่างนั้นทำไมในทีมถึงไม่มีใครอยากเป็นพลซุ่มยิงล่ะ? แต่ว่าคุณเล่นปืนมาหลายปีแล้วไม่ใช่เหรอ?”
ฉินสือโอวพูดยิ้มๆ “เขาเล่นในเคาน์เตอร์ สไตรก์กับครอสไฟร์มาหลายปีต่างหาก”
เหมาเหว่ยหลงนึกถึงเคาน์เตอร์ สไตรก์ที่ตัวเองถนัดแล้วพูดอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “กลับไปเรามาเชื่อมอินเทอร์เน็ตเล่นเคาน์เตอร์ สไตรก์กัน ฉันเอาแกตายแน่!”
เขาเป็นคนกลุ่มแรกในจีนที่เล่นเคาน์เตอร์ สไตรก์ อินเทอร์เน็ตคาเฟ่ของปักกิ่งเกิดขึ้นค่อนข้างไว ปี 1999 หลังจากที่เคาน์เตอร์ สไตรก์เข้ามาในจีน เหมาเหว่ยหลงก็พก AK-47 และเอาเงินค่าขนมไปลงกับอินเทอร์เน็ตคาเฟ่จนหมด เพราะฉะนั้นฝีมือเขาก็ไม่เลวจริงๆ แล้วยังเป็นกัปตันทีมของทีมรบหนึ่งในชมรมเคาน์เตอร์ สไตรก์ของมหาวิทยาลัยด้วย
สมัยมหาวิทยาลัย ฉินสือโอวไม่กล้าเล่นเคาน์เตอร์ สไตรก์กับเหมาเหว่ยหลง เขาโหดร้ายเกินไปแล้ว พอหวนนึกถึงแล้วก็ชวนให้น้ำตาไหล
แต่ว่าตอนนี้สถานการณ์ไม่เหมือนเดิมแล้ว ฉินสือโอวนึกถึงก่อนหน้านี้ที่เขากวาดล้างพวกมีฝีมือชาวอเมริกันในไมอามีมาก่อน ก็เลยรับคำชวนของเหมาเหว่ยหลง พอขึ้นบกก็จะเล่นเคาน์เตอร์ สไตรก์กัน
หนึ่งพันเมตรนั้นไกลเกินไป พอห่างออกไปประมาณ 400 เมตร ฉินสือโอวก็ยิงปืนอีกครั้ง ความแม่นถึงเริ่มดูดีขึ้นหน่อย เขายิงถูกทุ่นลอยน้ำสองลูก…
ลากอวนไปสองชั่วโมงครี่ง ฉินสือโอวรู้สึกว่าน่าจะได้เวลาแล้ว ชาร์คควบคุบเครื่องให้ดึงอวนขึ้นมา บนใบหน้าของเหล่าชาวประมงเผยสีหน้าตื่นเต้นตามเสียง ‘กึกๆ’ ของเครื่องยนต์ อวนนี้ได้มาไม่น้อยเลย
หลังจากที่ดึงอวนขึ้นมา ถุงตาข่ายทรงหยดน้ำขนาดใหญ่เต็มไปด้วยปลาโอแถบที่มีรูปร่างสวยงาม ส่วนมากยาวประมาณแปดสิบเซนติเมตร ที่เล็กกว่านั้นก็ตัวค่อนข้างเล็ก เพราะตาของอวนลากที่ฉินสือโอวใช้ก็ค่อนข้างใหญ่ ปลาเล็กที่ยาวน้อยกว่าครึ่งเมตรก็เลยจับไม่ได้
ปลาโอแถบเป็นปลาทูน่าชนิดหนึ่ง ปลาทูน่าล้วนแล้วแต่สวยงามมากๆ ต่อให้เป็นคนนอกวงการอย่างเหมาเหว่ยหลง พอเห็นปลาทูน่ามากมายขนาดนั้นร่วงลงห้องแช่เย็นก็รู้สึกสะเทือนใจจนอดอุทานออกมาไม่ได้ “เป็นปลาทะเลที่สวยจริงๆ!”
ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้สนใจจับปลา รู้สึกว่าฟาร์มปลาไม่ดีเท่าฟาร์มเกษตร ตอนนี้พอได้สัมผัสเสน่ห์ของการจับปลาก็เลยดูข้อมูลเกี่ยวกับปลาทูน่า ที่แต่ก่อนฉินสือโอวดาวน์โหลดไว้
อ่านไปเขาก็แปลกใจแล้วถามฉินสือโอวว่า “ที่อ่านข้อมูลดู จับปลาทูน่าเขาใช้เบ็ดลากกับอวนลอยกลางน้ำไม่ใช่เหรอ? ทำไมแกใช้อวนลากล่ะ?”
ฉินสือโอวขี้เกียจจะอธิบายคำถามง่ายๆ แบบนี้ก็เลยโบกมือให้นีลเซ็นมาหาเพื่อให้เขาอธิบาย
นีลเซ็นฟังคำถามของเหมาเหว่ยหลงก็พูดยิ้มๆ “ก่อนอื่นคุณต้องเข้าใจก่อนว่าอะไรคือเบ็ดลาก อะไรคืออวนลอยกลางน้ำ อวนลอยกลางน้ำทำลายทรัพยากรทางทะเลมากเกินไป กรมประมงไม่อนุญาตให้ใช้แล้ว ส่วนเบ็ดลากก็เป็นวิธีทั่วไปที่ใช้ตกปลาทูน่าจริง แต่เป็นปลาทูน่าฝูงเล็ก”
“โดยปกติปลาทูน่าจะไม่ค่อยมีฝูงใหญ่โผล่มา ต่อให้เป็นปลาโอแถบในแอตแลนติกเหนือก็แทบจะไม่มีฝูงใหญ่ปรากฏ ฉะนั้นจึงใช้เบ็ดลากบ่อยกว่า มันเป็นอุปกรณ์ตกปลาที่มีเป้า แต่พวกเราเจอปลาฝูงใหญ่ ใช้เบ็ดลากไม่ได้ อวนหนึ่งสามารถจับปลาได้สี่ห้าตัน แต่เบ็ดลากอย่างมากก็จับปลาได้ครั้งละสี่ห้าร้อยกิโลกรัม”
เหมาเหว่ยหลงพยักหน้าที่มีแต่น้ำค้าง ที่จริงเขาก็ยังไม่เข้าใจ
หลังจากที่เก็บอวนปลา ฝูงปลาโอแถบนี้ก็หาอาหารได้อย่างวางใจแล้ว ฉินสือโอวไม่ลงอวนจับปลาฝูงเดียวกันซ้ำสอง แน่นอนว่าจุดประสงค์ก็เพื่อปกป้องการฟื้นฟูทรัพยากรประมง
นี่คือข้อแตกต่างระหว่างฟาร์มปลาเอกชนและเขตจับปลาสาธารณะ ของของฟาร์มปลาเอกชนเป็นของตัวเอง ให้ความสำคัญกับการเพิ่มผลกำไร ไม่ใช่การทำการประมงโดยไม่คำนึงถึงผลระยะยาว
เรือประมงเข้าไปใกล้เขตทะเลที่มีหม้อปูอยู่ เหล่าชาวประมงใช้ตะขอเกี่ยวเอาทุ่นลอยขึ้นมา จากนั้นก็ถือโอกาสเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ เอาหม้อปูพวกนี้ลากขึ้นมาทั้งหมด
ชื่อเรียกเป็นทางการของหม้อปูก็คือลอบดักปู ที่ชื่อมีคำว่า ‘หม้อ’ ก็เพราะว่ารูปร่างหน้าตามันเหมือนกับหม้อ เพียงแต่ไม่ได้ทำจากเหล็ก แต่เป็นตาข่ายพันรอบโครงเหล็ก ดูๆ ไปก็เหมือนเต็นท์ที่โดนทับแบน
รัศมีปากลอบดักปูมักจะยาวประมาณหนึ่งเมตรครึ่ง เวลาวางแนวนอนก็ดูเหมือนหม้อตาข่าย ที่ ‘ก้นหม้อ’ มีรูอยู่ด้วย ปูก็จะมุดเข้าไปตรงนี้ พวกมันไต่เข้าไปจากข้างนอกได้อย่างเดียว แต่กลับไม่สามารถไต่จากข้างในออกมาข้างนอกได้
เหมาเหว่ยหลงถามว่าทำไมถึงไต่ออกมาไม่ได้ ฉินสือโอวยิ้มแล้วพูดขึ้น “อีกครู่เดียวก็รู้เอง”
ทรัพยากรปูในฟาร์มปลายังคงอุดมสมบูรณ์อยู่มาก หลังจากที่งมหม้อปูพวกนี้ขึ้นมา ข้างในก็มีปูจำนวนแตกต่างกัน ไม่แค่ปูราชินีเท่านั้นยังมีปูสีน้ำตาลกรีนแลนด์ เป็นปูที่ดูปูดๆ พองๆ
ฉินสือโอวเอาหม้อปูวางไว้บนเรือ จากนั้นก็ดึงปูตัวหนึ่งมาไว้ข้างปากอวนปลา ในตอนนั้นปูตัวอื่นเห็นมันปีนขึ้นไปบนอวนก็ปีนตามขึ้นไป แถมพอไต่มาแถวปูตัวแรก พวกมันไม่ได้หาทางออก แต่ยื่นก้ามออกมาหนีบปูตัวนั้นไว้แล้วลากมันลงไป…
“นี่คือกลุ่มเพื่อนเลวอันดับหนึ่งของท้องทะเล ขอแค่ในหม้อปูมีปูสองตัวขึ้นไปก็จะไม่มีปูสักตัวที่หนีไปได้ ฉะนั้นถึงจะวางหม้อปูไว้นานๆ ก็ไม่ต้องกลัวว่าปูจะหนี” ฉินสือโอวกล่าว
…………………………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset