ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 917 กลิ่นหอมของปลาโอแถบแห้ง

ความสามารถในการดื่มเบียร์ที่ผ่านการฝึกในหนึ่งปีครึ่งหลังจากที่มาแคนาดา หรืออาจมีส่วนเกี่ยวกับการเสริมความแข็งแกร่งของพลังโพไซดอน ฉินสือโอวคอแข็งขึ้น แถมยังสร่างเมาไวขึ้นอีกด้วย เขาตะโกนบนดาดฟ้าแค่ครู่เดียวหัวเขาก็โล่งแล้ว จากนั้นก็วิ่งกลับเข้าไปนอนในห้องโดยสาร
ออกทะเลจับปลาเป็นงานที่ลำบากมาก โดยเฉพาะในฤดูหนาว เพราะต่อให้ลมกลางคืนหนาวก็ต้องจับต่อไป เจอฝูงปลาก็จำเป็นต้องปล่อยอวน
ตอนเย็นก็เจอฝูงปลาโอแถบอีกฝูงหนึ่งจึงปล่อยอวนจับลงไปอีก ตอนกลางคืนได้ปลาโอแถบมาส่วนหนึ่ง แบบนี้เช้าวันที่สองพอพวกเขาจับปลาโอแถบอีกครั้ง การออกทะเลจับปลาโอแถบบนทะเลก็จบลงแล้ว
ฉินสือโอวลงไปดูครู่หนึ่ง ช่องแช่เย็นสองช่องเต็มไปครึ่งหนึ่งแล้ว เหล่าชาวประมงยุ่งกับงานต่อไป แยกปลาโอแถบตามขนาดเล็กใหญ่แล้วใส่ในกล่องเก็บของสดแต่ล่ะกล่อง
ประเมินดูคร่าวๆ แล้ว ปลาโอแถบที่จับได้ในครั้งนี้มีประมาณสี่ห้าตัน เทียบกับเรือจับปลาทูน่าในมหาสมุทรแปซิฟิกจำนวนเท่านี้ก็ไม่เท่าไร เรือใหญ่พวกนั้นล้วนแล้วแต่เอาปลาโอแถบกลับท่ามาได้อย่างน้อยครั้งล่ะหลายร้อยตัน
เพียงแต่ว่าสำหรับแอตแลนติกเหนือ ออกทะเลวันครึ่งก็จับปลาโอแถบได้สิบสี่สิบห้าตันก็ถือว่าน่ากลัวมากแล้ว
ปลาโอแถบที่ตัวใหญ่หน่อยยาวหนึ่งเมตรกว่า หนักได้ถึงสี่ห้าสิบกิโลกรัม ตัวเล็กหน่อยก็หนักสิบห้าถึงสิบหกกิโลกรัม ที่เล็กกว่านั้นก็จะปล่อยกลับลงทะเลไป อย่างไรก็อยู่ในฟาร์มปลาของเขา คงหนีไปไหนไม่ได้
ตรวจดูแล้วปลาที่ได้ครั้งนี้ก็ไม่เลว ฉินสือโอวพยักหน้าแล้วไปที่ห้องควบคุม ให้ชาร์คแล่นเรือกลับตามคำบัญชาของเขา พวกเขาจะไปวางหม้อปู ที่ก้นทะเลยังมีปูหิมะจอมบ้าบิ่นที่ต้องจัดการ
มาถึงจุดที่ปูหิมะรวมตัวกัน ฉินสือโอวก็สั่งการให้พวกชาวประมงเอาหม้อปูที่ดึงขึ้นมาโยนลงไป ยังมีที่ดักกุ้งส่วนหนึ่งที่โยนลงไปด้วย สิ่งนี้ก็จับปูได้เหมือนกัน เพียงแต่ผลที่ได้ไม่เท่าลอบดักปู
ที่ดักกุ้งกับหม้อปูจะมีช่องทางเข้า ที่ดักกุ้งจะเป็นช่องทางแบน เพราะกุ้งมันทึ่ม พอมุดเข้าไปก็หาทางหนีไม่เจอ ส่วนช่องของหม้อปูจะอยู่ส่วนล่างสุด เพราะสิ่งนี้วางกลับด้าน ช่องของหม้อวางลงส่วนก้นก็วางขึ้น พวกปูจะดึงกันเอง พอเข้าไปก็ออกไม่ได้
ฉินสือโอวกลับฟาร์มปลาพร้อมกับปลาเต็มเรือ ตอนนั้นหิมะยังไม่หยุดตก หิมะกองรวมกันจนมิดน่องคนแล้ว หู่จือเป้าจือไม่ได้เล่นกันต่อ แต่กระโดดไปในจุดที่หิมะกองสุมกันลึกๆ เหมือนกับหลัวปอจนมองไม่เห็นตัว
เพียงแต่ตอนที่เรือประมงกลับมา หู่จือเป้าจือยังคงเดินโซเซ ตะเกียกตะกายกึ่งลุกกึ่งคลานวิ่งไปรับฉินสือโอว ฉงต้าก็อยากไปที่ท่าเรือ แต่ว่าขามันทั้งสั้นทั้งอ้วน เหยียบอยู่ในหิมะเอาไม่ออก เปลืองแรงเกินไป
ที่เหมาะกับสภาพแวดล้อมที่มีหิมะที่สุดก็เห็นจะเป็นลิงซ์ บนเท้าของราชาเจ้าป่าซิมบ้ามีขนหนานุ่ม น้ำหนักตัวก็เบา สามารถใช้วิชาฝ่ามือเหล็กพลิ้วบนสายน้ำ วิ่งไปมาบนหิมะได้โดยไม่เป็นอะไรเท่าไร
ฉินสือโอวยืนขึ้นบนท่าเรือ ซิมบ้าวิ่งมาเกาะเสื้อและกางเกงของเขาแล้วปีนขึ้นไหล่ หลังจากนั้นก็สลัดขนนุ่มบนตัว จนหน้าของฉินสือโอวเปียกไปด้วยน้ำหิมะ ทำเอาไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
หู่จือกับเป้าจือพุ่งเข้ามาเบียดเข้าอกฉินสือโอว อย่างกับไม่ใช่ว่าพวกมันไม่ได้เจอเขาแค่สองวันแต่เป็นสองปีอย่างไรอย่างนั้น
การใช้ช่องแช่เย็นของเรือประมงไปเรื่อยๆ นั้นเปลืองน้ำมันมาก พอหลังจากเทียบท่าก็เลยเอาปลาลงมาใส่ห้องแช่เย็นหรือส่งเข้าห้องโรงงานทำเป็นปลาโอแถบแห้ง
ท่าเรือห่างจากห้องโรงงานตั้งสี่ห้ากิโลเมตร รถกระบะก็ใช้ไม่ได้ ได้แต่เอารถเลื่อนลากไป
รถเลื่อนที่ฉินสือโอวใช้ไม่ได้ซื้อเอง แต่บัตเลอร์เอามาตอนที่มาเอาอาหารทะเลช่วงปีใหม่ ห้องแช่เย็นก็ห่างจากสนามบินพอควร ใช้รถในการขนส่งในหิมะแบบนี้ไม่ค่อยดี เขาเลยเอาเจ็ทสกีไปด้วยสองคัน
เจ็ทสกีสองคันนี้ยาวสามเมตรครึ่ง มีความสวยแบบไซไฟมากๆ ด้านนอกไม่ใช่ไม้แต่เป็นอะลูมิเนียมอัลลอย ดูราวกับเป็นสโนว์โมบิลที่ถูกทับแบน ทั้งสองข้างติดตั้งเจ็ททรัสเตอร์ไว้ข้างล่ะเครื่อง ขับเคลื่อนด้วยแบตเตอรี่เชื้อเพลิงคาร์บอนไฟเบอร์ ทุกครั้งที่เดินเต็มแรงจะสามารถสร้างแรงผลักได้ถึง 200 กิโลกรัม
เจ็ทสกีเร่งความเร็วด้วยการใช้นิ้วโป้งกด ความเร็วสามารถควบคุมได้โดยการหมุนรอกบนคันเร่ง และมันสามารถปรับทิศทางได้อย่างแม่นยำและมีช่องลากอยู่ด้านหลังซึ่งสามารถลากสิ่งของได้ครั้งละครึ่งตัน
ตอนนั้นเชอร์ลี่ย์กับคนอื่นๆ อยากเล่น ฉินสือโอวไม่กล้าให้พวกเขาเล่น มันอันตรายมาก เพราะมันไว บรรทุกผู้โดยสารน้ำหนักไม่เกิน 50 กิโลกรัม ความเร็วสูงสุดไวถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถ้าเกิดสูญเสียการควบคุมคนก็บินไปสวรรค์ได้
ฉินสือโอวให้บีบีซวงมาควบคุม บีบีซวงไม่กดดันอะไร เขาเคยศึกษาเจ็ทสกีนี้มาแล้ว ระบบไฟฟ้าเชื่อมต่อโดยตรงกับตัวควบคุมเลื่อนผ่านสายสวิตช์ ในกรณีฉุกเฉินสามารถดึงสายเคเบิลออกได้ตลอดเวลาและระบบไฟฟ้าจะปิดลง
รถพ่วงบรรทุกกล่องเก็บของสดน้ำหนัก 100 กิโลกรัมจำนวนสี่ตู้ บีบีซวงค่อยๆ เร่งความเร็ว เจ็ทสกีก็ค่อยๆ เคลื่อนไปบนหิมะ
พวกเด็กๆ อยากเล่นเจ็ทสกีนี้มานาน แต่ฉินสือโอวยืนยันไม่ยอมให้พวกเขาแตะต้อง คนที่ไม่เคยขี่สิ่งนี้ไม่เข้าใจถึงความเย้ายวนของความเร็ว การขับเจ็ทสกีแบบนี้ไม่ต่างกับการขับมอเตอร์ไซค์ เพิ่มความเร็วแล้วก็เพิ่มอีก การควบคุมตัวเองของพวกเด็กๆ ยังไม่มากพอ เขาไม่อยากเสี่ยง
ฉินสือโอวขับคันที่สอง เขาควบคุมความเร็วที่ประมาณยี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง ขนาดนี้ยังรู้สึกว่าไวมาก และอันตรายนิดหน่อย เพราะสิ่งนี้ไม่ได้มีการปกป้องผู้ขับขี่
พอเชอร์ลี่ย์กับคนอื่นๆ เห็นว่าไม่มีโอกาสแล้วก็ลากรถเลื่อนของตัวเองออกมา ปอหลัวสนใจที่จะได้แสดงออกเป็นพิเศษ ครั้งนี้ไม่ต้องใช้ผลไม้มาล่อมันก็ยอมให้ผูกเชือก พาวลิสเอากล่องเก็บของสดวางบนรถแล้วช่วยขนส่งปลาโอแถบ
พวกเขาอยากจะพิสูจน์ว่าตัวเองเก่งที่สุดก็เลยขนกล่องเก็บของสดขึ้นวางห้ากล่อง เยอะกว่าเจ็ทสกีกล่องหนึ่ง
ปอหลัวเป็นเหมือนระเบิดแรง เดิมทีกวางมูสก็เป็นกวางที่แข็งแรงที่สุด พอโดนพลังโพไซดอนเสริมความแกร่งเข้าไป แรงและความอึดของมันก็ยิ่งน่ากลัวอย่างไม่ต้องสงสัย ต่อให้ลากรถเลื่อนที่มีเด็กสี่คนมันก็วิ่งได้ทั้งบ่าย
ลากของหนักครึ่งตัน ปอหลัวก็ฝืนใช้แรงเยอะหน่อย แต่ก็แค่ฝืน พอวิ่งเหยาะก็ไม่หนักแล้ว
ฉินสือโอวขนปลาโอแถบมาส่วนหนึ่งก็เริ่มทำปลาโอแถบแห้ง
เขาเอาปลาโอแถบสี่ร้อยกิโลกรัมวางลงบนสายพาน สายการผลิตเริ่มทำงาน ปลาโอแถบถูกส่งเข้าที่นึ่งเป็นอันดับแรก
พอนึ่งจนสุก ปลาโอแถบก็ถูกใส่ลงในเครื่องเหวี่ยงเพื่อเอาน้ำออก กระบวนการนี้จะเหวี่ยงเอาน้ำจากในเนื้อปลาออกมาส่วนหนึ่ง แถมส่วนนี้ยังเป็นแก่นของน้ำจากเนื้อปลาโอแถบซึ่งต้องเก็บเอาไว้ คนญี่ปุ่นจะเอามาคลุกข้าวกิน แล้วยังเป็นเครื่องปรุงหมักผักที่ดีที่สุด
พอเครื่องเหวี่ยงทำงาน ในท่อน้ำก็มีน้ำสีเหลืองอ่อนที่เหนียวเล็กน้อยออกมา ฉินสือโอวเอาถังแก้วที่เตรียมไว้ไปวางรอง
การรองน้ำจากเนื้อปลาโอแถบใช้ถังพลาสติกไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะส่งผลต่อรสสัมผัส ถังแก้วจึงจะเหมาะสมที่สุด
ในตอนนั้นในโรงงานอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของปลาโอแถบ เพราะน้ำจากเนื้อปลาในตอนนี้ยังอุ่นร้อนอยู่
จากนั้นก็ผ่านกระบวนการอบแห้งที่ยาวนานที่สุด ปลาโอแถบแห้งแข็งๆ ก็ออกจากเตาอย่างเป็นทางการแล้ว
…………………………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset