ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 146 ชนเผ่าลึกลับในเทือกเขาร็อกกี

บทที่ 146 ชนเผ่าลึกลับในเทือกเขาร็อกกี
โดย
Ink Stone_Fantasy

ที่จริงความสัมพันธ์ของพี่น้องฮิวจ์ลึกซึ้งมาก เพียงแต่มุมมองของทั้งสองคนไม่เหมือนกัน พี่คนโตคิดว่าน้องชายควรหางานที่มั่นคงทำสักงาน หรือไม่ก็ช่วยเขาเปิดร้านสะดวกซื้อ แต่คนน้องเกลียดวิถีชีวิตที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงแบบนี้ ยืนยันไม่ยอมรับคำแนะนำของเขา
ฉินสือโอวไม่ต่อความยาวสาวความยืด รับโสมมาอย่างสบายใจแล้วพูดว่า “ก็ได้ อย่างนั้นฉันไม่เกรงใจล่ะนะ ฉันคิดว่าธุรกิจครั้งนี้นายก็คงทำกำไรได้ไม่น้อย พวกนี้เป็นโสมชั้นดีทั้งนั้นสามารถขายออกได้ในราคาสูงทีเดียว”
ฮิวจ์คนน้องยักไหล่อย่างจนปัญญา “เงินทุนไม่พอ พวกเรารับโสมมาเพียง 40 ต้นเท่านั้น ดังนั้นก็เลยได้เงินไม่เท่าไร”
“ราคาเท่าไร?” ฉินสือโอวถาม
“ขนาดเล็กใหญ่ไม่เหมือนกัน ราคาก็ไม่เหมือนกัน 40 ต้นนี้ราคา 7 พัน คนเก็บโสมผู้นั้นเป็นหัวหน้าชนเผ่าหนึ่งบนเทือกเขาร็อกกี ชนเผ่าพวกเขามีโสมอยู่ไม่น้อย พวกเราคิดว่าจะขาย 40 ต้นนี้ก่อน รอคืนทุนก่อนแล้วค่อยทำธุรกิจร่วมกับพวกเขา ให้พวกเขาส่งโสมอเมริกามาให้พวกเราโดยเฉพาะ”
ฉินสือโอวถามต่อ “ชนเผ่านั้น ใหญ่มากเลยเหรอ? พวกเขายังมีโสมในมืออีกเท่าไร?”
“ฮ่า ก็ใหญ่จริงนั่นแหละ แต่ว่าพวกเขาค่อนข้างเก็บตัว ปกติก็ไม่ค่อยได้ลงจากเขามาทำการค้า เพื่อนของฉันเป็นนักเดินทางแบกเป้เที่ยว รู้จักหัวหน้าพวกเขาโดยบังเอิญ โสมในชนเผ่าพวกเขาอย่างน้อยยังมีอีกสองพันต้น!”
ฉินสือโอวพูดต่อ “ถ้าหากคุณภาพโสมพวกนั้นดีเหมือนกับสองต้นนี้ เช่นนั้นนี่ก็เป็นธุรกิจที่น่าร่วมลงทุนด้วย พวกนายขาดแคลนเงินทุนเหรอ? ฉันลงทุนกับนายสักเล็กน้อยเป็นยังไง ฉันสามารถออกเงินทุนให้ได้สองแสน”
ฮิวจ์คนน้องรีบเอ่ยถามขึ้นมาอย่างกระตือรือร้น “จริงเหรอ?”
ฉินสือโอวยิ้ม “แน่นอนว่าจริงสิ ฉันรู้สึกว่านายเปิดร้านขายของป่าร้านหนึ่งได้ หมู่บ้านกำลังจะพัฒนาการท่องเที่ยวแล้ว ฉันกล้าพนันเลยว่าของที่นายรวบรวมมาจากชนเผ่านั้นจะต้องได้รับความนิยมเป็นแน่”
ฮิวจ์คนน้องลุกขึ้นเดินหมุนสองรอบอย่างเร็ว “อย่างนั้นฉันจะต้องวางแผนหน่อย แต่ว่าสองแสนที่นายบอก…”
“บอกเลขบัญชีมาฉันโอนให้นายได้เลย” ฉินสือโอวพูดอย่างสบายๆ
ฮิวจ์คนน้องถามต่ออีก “แล้วพวกเราจะแบ่งหุ้นกันยังไง?”
นี่เป็นปัญหาใหญ่ ฉินสือโอวไม่ได้ใส่ใจมาก “ฉันแนะนำว่าแบ่งห้าสิบห้าสิบ ฉันไม่สนใจว่าพวกนายจะมีกันกี่คน ทางฉันได้ครึ่งหนึ่งก็พอ”
ฮิวจ์คนน้องยิ้มขึ้นมา ข้อเสนอนี้ของฉินสือโอวถือได้ว่าใจกว้างมากแล้ว เพราะว่าเขาสามารถลงทุนสองแสนเป็นเงินลงทุนเริ่มต้น สำหรับพวกเขาถือว่าเป็นเงินทุนก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งเลยทีเดียว
ฉินสือโอวเรียกเออร์บักกลับมา ตาเฒ่ากำลังกำจัดวัชพืชในแปลงผัก สองวันนี้พลังโพไซดอนที่ปรับสุขภาพของเขาให้ดีขึ้นนั้นเห็นผลในทันที อาการอาเจียน ปวดหัวตอนเช้าต่างๆ ของเขาก็ดีขึ้นแล้ว ตอนกลางคืนก็สามารถนอนหลับได้แล้ว สภาพจิตใจดีกว่าวันก่อนมากแล้ว
เออร์บักร่างแบบหนังสือสัญญาการลงทุนและการแบ่งหุ้นส่วน ฉินสือโอวและฮิวจ์คนน้องเซ็นชื่อ เรื่องนี้จึงจบด้วยการตกลงกันแบบนี้
รอจนฮิวจ์คนน้องกลับไป ฉินสือโอวและนีลเซ็นเก็บของเตรียมขึ้นเขา
ชาร์คและซีมอนสเตอร์ต้องดูแลฟาร์มปลา ดังนั้นจึงไม่สามารถไปได้ ฉินสือโอวทิ้งงานทั้งหมดให้พวกเขาทำ โดยที่ตัวเองพาอีวิลสันและนีลเซ็นไปก็พอแล้ว
อีวิลสันมีกำลังเรี่ยวแรงมาก ขึ้นเขาไม่สามารถขับรถได้ เขาคือรถขนส่งที่ดีที่สุด นีลเซ็นเป็นคนนำทางและบอดี้การ์ด มีแค่สองคนนี้ก็เพียงพอแล้ว
เหมาเหว่ยหลงเห็นท่าทางทิ้งการทิ้งงานของเขาแบบนี้แล้วจึงเอ่ยว่า “ไม่เข้าใจคุณจริงๆ ดูเหมือนคุณไม่ได้สนใจทำฟาร์มปลานี้สักเท่าไรนะ แต่ว่าครั้งก่อนคุณคงได้เงินไม่น้อยจากการขายวัตถุโบราณ คุณทำฟาร์มปลาเล่นๆ เหรอ?”
ฉินสือโอวยิ้ม “แน่นอนว่าไม่ใช่ ฟาร์มปลานี้ฉันตั้งใจทำมันนะ เพียงแต่นายไม่เข้าใจเท่านั้น ที่ฉันต้องทำไม่ใช่ออกไปตรวจตราและตรวจสอบสถานการณ์ปลา ฉันมีเรื่องอื่นที่สำคัญกว่าต้องทำ”
ที่จริงแล้ว การใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนให้ได้ผลประโยชน์มากที่สุดคือการกอบกู้ซากเรือใต้ทะเล เพียงแค่กอบกู้ไม่กี่ลำเรืออับปางที่เต็มไปด้วยเพชรพลอยทองคำ เขาก็สามารถใช้ชีวิตตามใจชอบไปได้ทั้งชาติแล้ว
แต่ว่าฉินสือโอวไม่เคยมีความคิดนี้เลย ในแผนการของเขา สิ่งที่สำคัญที่สุดคือบริหารฟาร์มปลาให้ดี รองลงมาถึงจะเป็นการค้นหาสมบัติใต้ทะเล
เพราะว่าหลายวันมานี้เขาพบว่ามันเป็นเรื่องยากมากที่จะหาซากเรืออับปางในท้องทะเลอันกว้างใหญ่นี้ ไม่ต่างกับการงมเข็มในมหาสมุทร และจะพบเรืออับปางที่เต็มไปด้วยเพชรพลอยเงินทองในบรรดาซากเรืออับปางนี้ยิ่งเป็นเรื่องยากมากขึ้นไปอีก
ควบคุมปลาในทะเลเพื่อค้นหาซากเรืออับปาง เป็นเรื่องที่น่าเบื่อมาก ฉินสือโอวไม่ได้ชอบทำเรื่องแบบนี้เลย การสร้างฟาร์มปลาน่าสนใจยิ่งกว่า อีกอย่างหนึ่ง เขามีความทะเยอทะยานในใจ นั่นคือการควบคุมอุปทานผลผลิตจากทะเลของแคนาดาทั้งหมด!
ถ้าหากเขาสามารถทำจุดนี้ได้ นั่นถึงเป็นชัยชนะที่แท้จริง ซากเรืออับปางได้เงินไม่เร็วเท่ากับการขายผลิตภัณฑ์ทางทะเล
กองทัพต้องเดินด้วยท้อง นี่เป็นหลักการที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
ฉินสือโอวให้นีลเซ็นไปซื้ออุปกรณ์สำหรับการตั้งแคมป์ปีนเขาในครั้งนี้ ทุกคนต่างมีเครื่องวิทยุสื่อสารกำลังแรงสูงติดตัว ช่วงรัศมีกว้างถึงสองกิโลเมตรครึ่งเพื่อป้องกันไม่ให้เดินพลัดหลงกัน
ทุกคนต่างเตรียมพร้อมกันอย่างดี บนร่างกายสวมใส่ชุดกีฬาที่แห้งเร็ว กางเกงที่ป้องกันการขีดข่วน ที่เท้าคือรองเท้าปีนเขา บนหัวคือหมวกกันแดด ถุงมือ สนับเข่าและสนับข้อศอกก็สวมใส่ครบ ล้วนเป็นของดีของแบรนด์คาเมล
และอีกอย่าง นีลเซ็นยังเตรียมเต็นท์กันฝน เบาะรองพื้น ถุงนอน ไฟฉายคาดหัว ไฟฉาย อุปกรณ์ส่องสว่างต่างๆ
สิ่งของทุกอย่างนี้ถูกมอบให้กับอีวิลสันดูแล ข้างหลังมีกระเป๋าใบหนึ่งและในมือก็มีอีกใบหนึ่ง รวมๆ แล้วก็น่าจะมีน้ำหนักกว่าร้อยกิโลกรัม คนปกติคงถูกทับล้มไปแล้ว แต่อีวิลสันไม่ได้กังวลเลยแม้แต่น้อย
ฉินสือโอวแบกกระเป๋าเป้ปีนเขา ข้างในมีที่ชาร์จไฟ อุปกรณ์อาบน้ำ ขวดน้ำแก้วน้ำ ผลิตภัณฑ์อนามัย ยาปฐมพยาบาลฉุกเฉิน ถุงกันน้ำและถุงขยะ
ถุงขยะเป็นสิ่งของที่คนปีนเขาในแคนาดาต้องเตรียมพร้อม การตระหนักต่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของที่นี่ถูกฝังแน่นอยู่ในใจของผู้คน บนเขาไม่มีคนดูแลป่าหรือคนทำความสะอาดอะไรอย่างนั้น ทุกคนต้องจัดการกับขยะของตัวเอง
กระเป๋าบนตัวเขาหนักเป็นอันดับสอง นอกจากสิ่งของจำเป็นพวกนี้แล้ว ในกระเป๋าคาดเอวของเขายังมีอาวุธปืนและกระสุน
ในกระเป๋าของนีลเซ็นหลักๆ แล้วคือกระสุนดินปืน อาหารให้เหมาเหว่ยหลงดูแล มีข้าวสารและขนมปังกรอบ อาหารสำเร็จรูปอื่นๆ ถือว่าเบาที่สุดในนี้แล้ว
ทุกคนอาวุธครบครัน นีลเซ็นนำ SIG มา ฉินสือโอวแบก AR15 ไว้บนหลัง สะพายปืนเดสเสิร์ท อีเกิ้ลและปืนกล็อกไว้ ส่วนเหมาเหว่ยหลงเองก็มีเรมิงตัน M870 บวกกับ QSZ-92
เห็นว่าฉินสือโอวมี QSZ-92 เขาดีใจมาก เพราะว่าเป็นปืนที่พ่อเขาใช้บ่อยที่สุด และก็คุ้นชินมากที่สุดจนสามารถถอดประกอบอย่างรวดเร็ว
ตอนที่เตรียมตัวออกเดินทาง ฉินสือโอวพาหู่จือและเป้าจือไปด้วย ทั้งสองตัวโตเร็วมาก ตัวใหญ่เท่าครึ่งหนึ่งของแลบราดอร์แล้ว ฉลาดและตื่นตัว นับว่าเป็นผู้ช่วยที่ดีในการขึ้นเขา
เดิมทีเขาไม่ได้อยากพาฉงต้ามาด้วย แต่ตอนออกมาฉงต้าก็มากอดขาเขาเอาไว้ ฉินสือโอวหัวเราะ “พวกเราจะไปปีนเขา แกจะไปเหรอ? เหนื่อยมากด้วยนะ แถมยังอาจจะเจอกับหมาป่าและหมูป่า ไม่แน่อาจจะมีหมีตัวใหญ่ แกไม่กลัวเหรอ?”
บนเขา หมีตัวใหญ่เป็นศัตรูตัวฉกาจของหมีตัวเล็ก หมีตัวผู้ชอบฆ่าหมีตัวเล็กเพื่อบีบบังคับให้หมีตัวเมียผสมพันธุ์กับพวกมัน
ฉินสือโอวชี้ไปทางเทือกเขาเคอร์บัลด้านตะวันออกเฉียงเหนือของฟาร์มปลา ฉงต้ากะพริบตาเล็กๆ ที่ดำสนิท จากนั้นก็ตัดสินใจกอดขาของฉินสือโอวแน่นไม่ยอมให้เขาไป
ชาร์คที่เตรียมตัวจะออกทะเลหัวเราะขึ้นว่า “บอส พาฉงต้าไปด้วยเถอะ มันเป็นผู้ช่วยที่ดีตอนเข้าป่าเลย เพราะว่ายังไงที่นั่นก็เป็นพื้นที่ของสายพันธุ์ของพวกมัน”
“ฉงต้ายังเล็กเกินไป ฉันกลัวว่าหากมีอันตรายแล้วจะดูแลมันไม่ได้” ฉินสือโอวอธิบาย
ชาร์คพูดต่อว่า “ยังไม่แน่ว่าใครจะได้ดูแลใคร ประสาทดมกลิ่นของหมีสีน้ำตาลดีกว่าหมาล่าเนื้ออีก และกลิ่นตัวของมันที่แผ่ออกมายังสามารถทำให้สัตว์ป่าตกใจกลัวได้ ดังนั้นมันน่าจะสามารถช่วยเหลือคุณในป่าได้นะ”
ได้ยินชาร์คพูดอย่างนี้ ฉินสือโอวจึงพยักหน้ารับ จูงฉงต้าเดินนำไปทางพื้นที่ป่าของฟาร์มปลา
…………………………………………………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset