ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 920 เริ่มงานประมูล

ฉินสือโอวกำลังนั่งเหม่อลอยอยู่บนเก้าอี้ที่นั่ง ทันใดนั้นก็มีคนมาตบบ่าเขาเบาๆ
เขาตกใจจนโอบรูปปั้นแน่นโดยไม่รู้ตัว พอหันหลังไปมองที่แท้ก็เป็นคนรู้จักกัน นายกเทศมนตรีคนใหม่
ข้างๆ แฮมเล็ตเป็นชายวัยกลางคนดูเรียบร้อย เขากำลังแบกเป้เอาไว้อยู่ ฉินสือโอวเพิกเฉยต่อท่านนายกเทศมนตรี แต่กลับบอกกับชายวัยกลางคนคนนั้นก่อนว่า “คุณครับ ไม่ทราบว่าสะดวกให้ผมยืมเป้ของคุณสักครู่ได้ไหมครับ? พรุ่งนี้ผมจะคืนให้ครับ”
มุมปากชายวัยกลางคนกระตุกขึ้นมาเล็กน้อย มองไปที่ฉินสือโอวด้วยสายตาแปลกๆ แล้วถามอย่างลังเลว่า “ขอโทษนะครับ คุณ ผมคิดว่าคงไม่ค่อยสะดวกครับ”
แฮมเล็ตคิดจะช่วยฉินสือโอว จึงพูดว่า “ไม่นะ สลาวิช พวกเราต่างรู้ดีว่าในกระเป๋ามีเอกสารไม่กี่ฉบับที่ไม่ได้สำคัญอะไร นายเอาออกมาแล้วไปใส่ไว้ในกระเป๋าอีค่าน้อย แล้วเอากระเป๋าใบนี้ให้ฉินยืมเถอะ ฉันรับประกันว่าเขาจะคืนให้อย่างแน่นอน”
ชัดเจนว่าชายวัยกลางคนที่ชื่อสลาวิชเป็นพนักงานข้าราชการคนหนึ่ง ท่านนายกเทศมนตรีออกปากพูดขนาดนี้แล้วเขาจะทำอะไรได้ล่ะ? จึงได้แต่เอาเอกสารออกจากกระเป๋าแล้วยื่นให้กับฉินสือโอว
ฉินสือโอวนำรูปปั้นใส่ไว้ในกระเป๋า การหลอกล่อนับว่าช่วยผ่อนภาระเขาไปได้อยู่ ทำให้เขาสามารถพูดคุยกับคนทั่วไปได้แบบปกติ
แฮมเล็ตนั่งด้วยกันกับเขา พูดอย่างดีใจว่า “พวกเราไม่ได้เจอกันนานแค่ไหนแล้วนี่? พระเจ้า นายนี่ก็ใช้ชีวิตสบายอยู่ในฟาร์มปลาตลอดเลยนะ ทำไมไม่เข้าเมืองมาเข้าร่วมกิจกรรมโน่นนี่หน่อยล่ะ?”
ฉินสือโอวตอบว่า “คุณก็รู้ วินนี่กำลังท้อง ผมเลยคิดว่าต้องอยู่ดูแลเธอตลอด”
แฮมเล็ตพยักหน้าแล้วถามขึ้น “วินนี่ล่ะ? วันนี้เธอมาไหม?”
ฉินสือโอวบอกว่าไม่ได้มา เพราะเดินทางไม่ค่อยสะดวก อากาศก็หนาว จึงให้วินนี่อยู่ที่บ้าน เขาถามแฮมเล็ตว่ามาทำอะไร มาเป็นเจ้าภาพงานประมูลเหรอ?
คำพูดที่เขาพูดไปก็แค่ล้อเล่น เพราะว่านายกเทศมนตรีคงไม่สามารถมาเป็นเจ้าภาพงานประมูลการกุศลสำหรับประชาชนแบบนี้แน่ ไม่ใช่เป็นเพราะตำแหน่งของเขา แต่เป็นเพราะตอนนี้เขาเป็นหนึ่งในคนที่ไม่ได้รับการต้อนรับมากที่สุดในงานต่างหากล่ะ
เมื่อรัฐบาลแคนาดาทำการโฆษณาชวนเชื่อด้วยตนเอง มักจะมีคำกล่าวหนึ่งปรากฏออกมา ซึ่งมีหมายความว่าหน้าที่หลักของรัฐบาลคือ การรักษาความเป็นธรรมทางสังคม ความยุติธรรมและปกป้องกลุ่มผู้ด้อยโอกาสจากการถูกกำจัดสิทธิ์
อย่างเช่นเป้าหมายของงานกิจกรรมการกุศลพวกนี้คืออะไร? แน่นอนว่าเพื่อช่วยกลุ่มผู้ด้อยโอกาส และหากตามคำพูดของรัฐบาล นี่ไม่ใช่หน้าที่ของรัฐบาลหรอกเหรอ? นอกจากนี้ผู้เสียภาษีก็ต้องเสียภาษีทุกๆ ปี ถ้าเช่นนั้นสุดท้ายแล้วเงินภาษีไปไหนหมด? เหตุใดรัฐบาลไม่แก้ปัญหาการระดมทุนหลังจากประชาชนในเขตอำนาจได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ และทำไมพวกเขายังต้องการเงินบริจาคอีก?
เป็นดั่งคาด พอได้ยินคำพูดเขา แฮมเล็ตฝืนยิ้มออกมา แล้วพูดอย่างช่วยไม่ได้ว่า “รัฐบาลไม่ได้เป็นได้ทุกอย่างนะ ฉิน นายไม่รู้หรอกว่าที่ฉันรับช่วงต่อมานั้นมันเละเทะขนาดไหน ฉันก็ไม่อยากจะบ่นกับนาย ฉันพูดได้แค่ว่า ครั้งนี้ที่ฉันมาร่วมงานประมูลการกุศล ฉันมาเป็นการส่วนตัว”
ขณะที่ทั้งสองคนคุยกันอยู่ ก็มีคนใส่สูท รองเท้าหนัง พร้อมใส่ถุงมือสีขาวขึ้นมาบนเวที เคาะที่โต๊ะเพื่อบอกเป็นนัยว่าให้ทุกคนเงียบ หลังจากนั้นเขาก็โบกไม้โบกมือ มีเด็กกลุ่มหนึ่งเดินออกมาเอาแผ่นพับแจกให้กับทุกคนที่นั่งอยู่
แผ่นพับนี้เขียนให้เห็นถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นและบริเวณที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติหิมะในครั้งนี้ แน่นอนว่าเรียกร้องให้ทุกคนมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการประมูลเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย
พอเห็นแผ่นพับฉินสือโอวถึงเพิ่งรู้ว่า งานประมูลการกุศลสี่เมืองครั้งนี้จัดโดยมหาวิหารเซนต์จอห์นเดอะแบ๊พติสท์ โดยมีคาบ็อทเป็นหนึ่งในคนนำทีม ในแผ่นพับจงใจเขียนถึงคุณปู่ฉินหงเต๋อของเขาเป็นพิเศษ แนะนำความเป็นมาและผลประมูลของงานประมูลการกุศลสี่เมืองหลายครั้งก่อนหน้านี้
หลังจากที่งานประมูลเริ่มต้นขึ้น ชายใส่ถุงมือสีขาวก็ค่อยๆ นำของประมูลออกมาทีละชิ้น ของที่มาร่วมประมูลมีจำนวนเยอะพอสมควร มีแม้กระทั่งรูปวาดเส้นง่ายๆ ที่เด็กๆ วาด
เริ่มไปสักพัก ราคาของที่มาประมูลเริ่มต้นที่ 10 ดอลลาร์แคนาดาขึ้นไป ไม่ได้มีมูลค่าอะไรมาก ส่วนมากจะเป็นคนที่เอาของมาประมูลประมูลของตัวเองกลับไป ถือเป็นโอกาสบริจาคเงินให้เล็กๆ น้อยๆ
ฉินสือโอวชูป้ายหลายครั้ง ประมูลของเล็กๆ มาได้หน่อย เขาไม่ได้ใช้ของพวกนี้หรอก แต่ก็เหมือนที่เขาเคยบอกเมื่อก่อน สะสมคุณความดีไว้ให้กับเด็กๆ เพราะว่าเงินที่ใช้ไปก็ไม่ได้มากมายและเขาตอนนี้ก็ไม่ได้ขาดเงินด้วย
โดยเฉพาะในงานประมูลครั้งนี้ที่เขาได้รูปปั้นอำพันทะเลมาโดยไม่คาดคิด เป็นความบังเอิญที่ช่างน่ายินดี ซึ่งถ้ายึดตามประเพณีดั้งเดิมของบ้านเกิด เขาก็ต้องเสียทรัพย์สินไปบ้าง เพราะใช่ว่าเขาจะได้รับเรื่องดีๆ ทุกเรื่องบนโลกใบนี้
นอกจากนั้นแล้วฉินสือโอวยังรู้สึกว่า ทุกเรื่องราวบนโลกใบนี้อยู่ที่ฟ้ากำหนด อำพันทะเลที่เขาได้มา เกือบทุกครั้งมักจะเกี่ยวข้องกับการทำความดี ครั้งที่แล้วที่เขาได้สร้อยข้อมืออำพันทะเลมา นั่นก็เพราะว่าเขาใจกว้างยอมเลิกราหาความรับผิดชอบจากกัปตันเรือขยะ
ชายที่ใส่ถุงมือสีขาวชูเสือแกะสลักตัวเล็กขึ้นมาหนึ่งตัวอีก ตอนนี้ฉินสือโอวรู้สึกแพ้พวกงานแกะสลักไม้มาก เป็นเพราะว่านั่งห่างไกลออกไปเขาจึงไม่รู้ว่าของชิ้นนี้มันเกี่ยวข้องกับอำพันทะเลไหม แต่ทว่าในความมืดนั้น เขาก็ยกมือขึ้นแบบไม่คิดอะไรมาก ยอมเสียใจดีกว่าปล่อยผ่านไป
แต่ปรากฏว่าตอนที่เขาเพิ่งจะยกมือ แฮมเล็ตที่นั่งข้างเขาก็ยกด้วยเช่นกัน คนทั้งสองคนสบตามองกัน ฉินสือโอวถามเสียงเบาว่า “คุณสนใจของสิ่งนี้เหรอครับ?”
แฮมเล็ตตอบอย่างช่วยไม่ได้ “เพื่อน นี่เป็นของประมูลที่ฉันเอามาเอง เป็นของเล่นที่ฉันกับน้องสาวแกะสลักจากไม้โอ๊คขึ้นมาด้วยกันตอนเด็กๆ”
ฉินสือโอวลูบไปที่จมูกของเขา ในเมื่อแฮมเล็ตบอกว่าของชิ้นนี้แกะสลักมาจากไม้โอ๊ค ถ้าเช่นนั้นก็ไม่เกี่ยวข้องกับเขาแล้ว ดังนั้นเขาจึงอาศัยโอกาสและไม่ได้บอกราคาออกไปต่อ
แต่มีคนประมูลสู้กับแฮมเล็ตแทน แล้วคนนั้นยังมีความเกี่ยวข้องกับฉินสือโอวด้วย นีลเซ็น
ชายใส่ถุงมือขาวตะโกนออกมาว่า “เสือแกะสลักราคา 200 ดอลลาร์แคนาดา โอเค คุณผู้ชายคนนั้นให้ราคา 200 ดอลลาร์แคนาดา 300 ดอลลาร์แคนาดา โอว ขอบคุณท่านนายกเทศมนตรีของพวกเรา เขาเสนอมาที่ โอเค คุณผู้ชายท่านนั้นเพิ่มราคาเป็น 500 ดอลลาร์แคนาดา…”
แฮมเล็ตมองไปที่นีลเซ็นอย่างสงสัย แน่นอนว่าทั้งสองรู้จักกันดี เขาจึงถามว่า “นีลเซ็นนายทำอะไรเนี่ย? เขาจะมาสนใจของเล่นแบบนี้ทำไมกัน?”
ฉินสือโอวชำเลืองมองไปที่แฮมเล็ตด้วยความคิดไม่ดี เขาจะไม่บอกไอ้นี่เด็ดขาดว่ามันเกี่ยวข้องกับแพรีส คาดว่านายกเทศมนตรีพอรับตำแหน่งก็ยุ่งมากจนไม่มีเวลาแม้กระทั่งไปสนใจปัญหาความรู้สึกของน้องสาวตัวเอง
นีลเซ็นเป็นคนใจร้อนไม่อยากจะดึงเรื่องไปมากับคุณลุงให้มันเยิ่นเย้อ ครั้งสุดท้ายจึงเพิ่มราคาเป็น 1,000 ดอลลาร์แคนาดา
เสียงร้องอย่างประหลาดใจดังขึ้นเป็นครั้งแรกในงาน เพราะทุกคนไม่เข้าใจ เงินห้าดอลลาร์แคนาดาสามารถซื้อของเล่นห่วยๆ นี้ได้มากมายทำไมถึงมีราคาสูงถึง 1,000 ดอลลาร์แคนาดาได้ แต่นี่ก็เป็นงานประมูลการกุศล ทุกอย่างจึงไม่สามารถใช้หลักเหตุผลทั่วไปมาตัดสินได้
พอได้ยินชายสวมถุงมือขาวประกาศราคา ‘1,000’ ออกมา แฮมเล็ตพูดเสียงเบาว่า “ไอ้เลวนี่ต้องเสียใจทีหลังแน่ เขาคิดว่านี่ทำมาจากทองหรือไงกัน? โอเคโอเค ในเมื่อเขาจะเอาก็เอาไปเลย!”
ฉินสือโอวแอบพึมพำกับคุณลุงผู้โชคร้ายเงียบๆ สิ่งที่นีลเซ็นเอาไปไม่ใช่แค่ของเล่นทั่วไป คาดว่าแม้แต่น้องสาวสุดที่รักของคุณก็อยากจะเอาไปเช่นกัน
ต่อมาภายหลัง ของที่ออกมาประมูลมีราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ หลังเวทีมีผู้เชี่ยวชาญด้านการประมูลที่ได้รับเชิญจากคริสตจักร พวกเขารีบประเมินราคาของที่เข้าประมูล ของที่ไม่มีมูลค่าของแค่แยกออกไปจัดประเภทเป็นกลุ่มหนึ่ง แต่ของที่สำคัญก็จะมีการประเมินค่าอย่างรอบคอบ
งานประมูลไม่ได้เกิดในชั่วข้ามคืน แต่จะแบ่งเป็นช่วงเวลาต่างๆ ส่วนแรกของการประมูลเข้าสู่ช่วงสุดท้าย ในตอนนี้เองมีภาพวาดจีนถูกยกออกมา เป็นภาพม้วนที่ยาวมากเป็นพิเศษ ชื่อของภาพวาดนี้ช่างน่าประทับใจ ซึ่งก็คือ “พื้นที่บริเวณรอบแม่น้ำในเทศกาลชิงหมิง!”
……………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset