ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 924 ติดอาวุธให้กับคราเคน

ฉินสือโอวรู้สึกกังวลเมื่อเห็นว่าหนวดข้างหนึ่งของคราเคนถูกใครเอาไป
ถึงแม้ว่าหมึกยักษ์จะสามารถสร้างหนวดใหม่มาทดแทนได้ แต่นักรบหมายเลขหนึ่งภายใต้คำสั่งของเขาถูกตัดหนวดออกไปโดยไม่คาดคิดมาก่อนเช่นนี้ สิ่งนี้ทำให้เขาเจ็บปวดใจเหลือเกิน!
 ช่วงระหว่างการงอกใหม่ของหนวดที่ถูกตัดขาดของหมึกยักษ์ พลังงานในร่างกายของพวกมันจะถูกป้อนไปยังเซลล์ของหนวดเพื่อแบ่งตัวและเติบโต ซึ่งช่วงนี้พวกมันจะไม่เติบโต พลังของพวกมันก็จะอ่อนแอมาก
ฉินสือโอวรีบถ่ายพลังโพไซดอนให้กับคราเคน ถ่ายพลังไปก็ตำหนิตัวเองไปที่ช่วงนี้ละเลยในการดูแลจัดการฟาร์มปลา ถ้าเป็นแบบนี้ไม่ดีแน่ ภัยคุกคามที่ซ่อนอยู่มากเกินไป คราเคนหนวดยังหายไปแค่หนึ่งหนวด แต่ถ้าเป็นฝูงปลามาเจอเข้าจะต้องตายหมดแน่ๆ
ขณะที่คราเคนดูดซึมพลังงานโพไซดอนอยู่ หนวดทั้งเก้าของมันก็ขยับขึ้นมาพร้อมกัน ตอนนี้ฉินสือโอวสัมผัสได้ถึงจิตใต้สำนึกของมัน แต่ว่าระดับปัญญาของเจ้านี่ไม่สูงมาก จึงรู้แค่ว่าตอนนี้มันมีรูสึกสบายและรู้สึกดี
เมื่อเข้าไปใกล้ ฉินสือโอวยิ่งปวดใจมากกว่าเดิม คราเคนไม่ได้เสียแค่หนวดไป มันยังมีแผลบนร่างกายอยู่เยอะมาก ราวกับว่าถูกโยนเข้าไปในเครื่องบดเนื้อ ร่างกายขนาดยักษ์มีบาดแผลเต็มไปหมด แผลเหวอะที่ใหญ่ที่สุดคือตรงส่วนคอของมันที่ถูกกัดจนเนื้อหายไปก้อนหนึ่ง!
พลังงานโพไซดอนมีผลอย่างมากต่อการส่งเสริมการเติบโตของคราเคน กล้ามเนื้อรอบๆ บาดแผลบิดตัวขึ้นมา เซลล์แบ่งตัวและเติบโตอย่างรวดเร็ว เมื่อเขาป้อนพลังเสร็จเมื่อไร พวกบาดแผลเล็กๆ ก็จะฟื้นตัวดีขึ้น
แต่ส่วนของหนวดที่หายไปยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เกิดขึ้น เห็นได้ชัดว่าบาดแผลสาหัสฟื้นตัวไม่ง่าย
ฉินสือโอวปลอบเจ้าคราเคน ไม่ต้องร้อนใจที่จะแก้แค้น แม่งเอ๊ย ตีหมายังต้องดูเจ้าของ นี่ใครช่างกล้านัก กล้าลงมือกับคราเคนของเขา? ดี เขาจะติดอาวุธให้กับคราเคน!
ใช่ จริงๆ แล้วเขามีความคิดนี้มานานแล้ว
เดิมทีก่อนที่คิดจะทำเรือผี เขาก็วางแผนไว้ว่าจะทำให้คราเคนดูน่าเกรงขามด้วยการติดอาวุธให้กับคราเคน เพราะภายหลังถ้ามีใครกล้ามาขโมยปลาของเขา ก็จะได้ทำให้เรือของพวกมันแตกเป็นเสี่ยงๆ ไปเลย!
ต่อมาเขาคิดว่าความคิดนี้อาจจะมากเกินไปหน่อย เพราะขโมยที่มาขโมยปลาเขาก็อาจจะประสบปัญหาชีวิตที่ยากลำบากอยู่ คราเคนเวลาลงมือจะไม่มีการยั้งมือ ตอนที่ทำลายเรือประมงอาจจะทำร้ายคนด้วย ซึ่งมันไม่ใช่จุดประสงค์ที่เขาต้องการเลย
หลังจากที่กุเรื่องเรือผีฟลาวเวอร์ฟอกซ์ได้สำเร็จ เขาก็หยุดแผนที่จะติดอาวุธให้กับคราเคนไว้ก่อน เพราะไม่มีความจำเป็นขนาดนั้น ยังไงคราเคนก็เป็นนักหาอาหารตัวยงใต้ท้องทะเล ไม่จำเป็นต้องติดอาวุธก็สามารถกวาดของที่อยู่ในท้องทะเลของมหาสมุทรแอตแลนติกได้เรียบเช่นกัน
แต่ตอนนี้ดูๆ แล้ว เขาคงประเมินวีรบุรุษในปฐพีนี้ต่ำเกินไป
พอปลอบคราเคนเสร็จ ฉินสือโอวก็ลองสำรวจน่านน้ำบริเวณนั้นดูอีกรอบ หลังจากที่ซึมซับพลังจากรูปปั้น หัวใจโพไซดอนก็ได้รับการวิวัฒนาการเชิงคุณภาพ จิตสำนึกแห่งโพไซดอนไม่เพียงแต่เพิ่มจำนวนขึ้น พลังก็แข็งแกร่งมากขึ้นด้วย
ตอนนี้ความเร็วของในการเคลื่อนไหวของจิตสำนึกแห่งโพไซดอน ยังเร็วกว่ารถแข่งเบนซ์ F1 เสียอีก ซึ่งสิ่งนี้มีประโยชน์อย่างมากต่อฉินสือโอว เพราะความรวดเร็วในการสำรวจของที่อยู่ในน่านน้ำทะเลทั้งหมดจะเพิ่มขึ้น
เนื่องด้วยการมองสิ่งต่างๆ ที่อยู่ในน้ำทะเลต้องอาศัยจิตสำนึกไม่ใช่ดวงตา ดังนั้นต่อให้การเคลื่อนไหวจะเป็นไปอย่างรวดเร็ว แต่สมองของฉินสือโอวก็ยังจัดการสิ่งต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย
ฉินสือโอวค้นหาเป็นระยะทางหลายร้อยกิโลเมตรในน่านน้ำทะเลเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง แต่ไม่พบสิ่งใดที่สามารถคุกคามการดำรงอยู่ของเจ้าคราเคนได้ แต่เขากลับเห็นเรือจมอยู่ลำหนึ่งในที่ไม่ห่างไกลไปมากนัก
เขาเอาคราเคนกลับมาที่ฟาร์มปลาก่อน ให้มันกับเฮยป้าหวังที่นำฝูงฉลามขาวช่วยกันรับมือ หากภายหลังเกิดอะไรขึ้นก็จะร่วมมือกันต่อสู้ได้ แล้วหลังจากนั้นก็ไปตรงตำแหน่งของเรือที่จมอยู่ทันที
นี่คือเรือติดอาวุธเก่า ด้านข้างเรือมีช่องสำหรับใส่ปืนใหญ่อยู่ เมื่อฉินสือโอวเข้าไปก็เห็นท่อขึ้นสนิมขนาดใหญ่หลายสิบอัน แน่นอนว่านี่คงเป็นท่อสำหรับใส่ดินระเบิดในสมัยก่อน
 เรือจมลำนี้มีของอยู่เยอะมาก แค่ลังที่แตกหักก็มีมากกว่าร้อยอัน แต่เนื่องด้วยเวลาล่วงเลยไปนานแล้ว ความสามารถในการกัดกร่อนของน้ำทะเลจึงทำลายของที่อยู่ข้างในจนหมด ทำให้มองไม่ออกแล้วว่าเมื่อก่อนในลังนี้เคยบรรจุอะไรไว้
ฉินสือโอวว่ายรอบเรือจมลำนี้รอบหนึ่ง พบพวกโครงกระดูกจำนวนหนึ่ง และเจอพวกเหรียญเงินเหรียญทองในห้องกัปตันด้วย
เงินทองพวกนี้ก็โดนสนิมกินกัดกร่อนไปมาก ระดับการถลุงทองคำในสมัยยุคกลางเป็นแบบทั่วไป พวกเงินทองไม่ได้ทำจากเงินหรือทองเพียวๆ ข้างในมีพวกทองแดง เหล็กและดีบุกมากกว่า
จิตสำนึกแห่งโพไซดอนขยับเหรียญเงินเหรียญทองพวกนี้ ฉินสือโอวมองดูแล้ว ส่วนมากไม่ได้มีมูลค่าอะไร เพราะโดนกัดกร่อนจนไม่เห็นร่องรอยหลงเหลือ
แต่ในห้องกัปตันยังมีมีดอยู่เล่มหนึ่ง ฉินสือโอวหยิบมันขึ้นมา มีดนี้ถูกปิดผนึกด้วยฝักที่ทำจากวัสดุพิเศษ มีความยาวประมาณ 1.2 เมตร รูปแบบเรียบง่ายและด้ามจับก็เป็นสนิมหมด โชคดีที่ฝักถูกปิดผนึกไว้จึงยังคงรูปลักษณะเดิมไว้ได้
ดังนั้น เขาจึงเอาดาบนี้ออกจากเรือจมลำนั้น เขาเจอเข้ากับปลากระโทงร่มตัวหนึ่ง เขาเอามีดเสียบเข้าไปในปากปลา ให้มันทำหน้าที่ขนส่งไปส่งให้ถึงฟาร์มปลา
พอทำเรื่องนี้เสร็จ ฉินสือโอวก็เก็บจิตสำนึกแห่งโพไซดอนแล้วหลับไป
ในช่วงฤดูหนาวเป็นช่วงที่มีงานให้ทำมากมาย พอกินข้าวเช้าเสร็จฉินสือโอวก็เริ่มคิดว่าจะติดอาวุธให้กับคราเคนอย่างไร
แผนของเขาก็คือคิดจะทำของที่คล้ายกับกระบองหนามหรืออาวุธอย่างเช่นคทาสักสิบอัน เพราะอย่างไรก็ตามพละกำลังของสัตว์ประหลาดในทะเลมีมาก ปกติเวลาไม่มีอะไรก็จะยกเรือเล่น คาดว่าคงเล่นจนเกิดเป็นกล้ามเนื้อขึ้นมาแล้ว
ฉินสือโอวร่างในกระดาษคร่าวๆ กระบองหนามนี้จะมีแค่ส่วนที่ไว้ต่อสู้ น้ำหนักแต่ละอันก็ร้อยกว่ากิโล ทำจากโลหะผสม เพียงแค่ฟาดไปหนึ่งทีก็สามารถทำให้ฉลามแตกเป็นเสี่ยงๆ ได้
คิดจะจัดการกับพวกปลาเหล่านี้ ก็มีแต่ต้องใช้กำลังรุนแรงแบบนี้ เพราะถ้าจะให้ใช้มีดที่พวกทหารใช้ มีดใบตาย หรือพวกไม้สามง่ามก็ไม่มีประโยชน์อะไร เพราะพอแทงเข้าไปในตัวปลา พวกมันก็ยังมีชีวิตอยู่ได้ ต่อให้แทงเข้าไปที่สมองมัน ปลาส่วนมากก็ยังคงมีชีวิตอยู่ได้อีกยาวนาน
อย่างไรก็ตามกระบองหนามแบบนี้ได้ผลดีที่สุด ถ้าพอร่างแหลกเป็นชิ้นๆ แล้ว เขาไม่เชื่อหรอกว่ายังจะมีแรงสู้อะไรอีก
กระบองหนามมีโครงสร้างพิเศษ ส่วนปลายสุดมีห่วงกลมอยู่ พอเป็นแบบนี้เมื่อหนวดของคราเคนยื่นเข้าไปก็จะเท่ากับมันจับกระบองหนามไว้แน่น พอใช้ต่อสู้จะต้องวิเศษมากแน่ๆ
เมื่อออกแบบเสร็จ ฉินสือโอวก็โทรหาเรค บิ๊กฟุต ถามว่า “เพื่อน นายรู้ไหมว่าที่ไหนมีช่างตีเหล็กฝีมือดี?”
เรค หัวเราะแล้วพูดขึ้น “ที่เมืองเซนต์จอห์นก็พอมีอยู่ บ้างก็เป็นอู่ต่อเรือ บ้างก็เป็นช่างตีเหล็ก นายจะสร้างอะไรล่ะ? นอกจากขีปนาวุธแล้ว ไม่ว่าอะไรก็สามารถทำให้นายได้ทั้งนั้น”
ฉินสือโอวบอกว่าถ้าอย่างนั้นก็ดี เขาถ่ายรูปภาพที่เขาวาดส่งไปให้เรค ให้เขาช่วยหาคนทำมันออกมา
พอเรคเปิดดูอีเมลก็ประหลาดใจ แล้วถามขึ้นว่า “นี่นายทำอะไรของนาย? นายจะสร้างกันดั้ม หรือว่าซูเปอร์หุ่นรบเหรอไง?”
แน่นอนว่าอาวุธพวกนี้ไม่ได้ให้มนุษย์ใช้ กระบองหนามมีความยาวเกินเมตรครึ่ง เส้นผ่าศูนย์กลางครึ่งเมตร ถึงแม้ว่าส่วนตรงกลางจะไม่มีอะไร แล้วยังใช้อะลูมิเนียมแบบเบา แต่น้ำหนักอย่างน้อยๆ ก็ต้องมี 400-500 กิโลกรัม
ฉินสือโอวหัวเราะเสียงดังบอกว่าช่วงนี้เขาค่อนข้างหมกมุ่นกับพวกวัฒนธรรมของมนุษย์ยักษ์ จึงวางแผนว่าจะทำโครงการพัฒนาการท่องเที่ยวดำน้ำ เขาอยากทำสิ่งนี้เพื่อเอาไปตั้งอยู่ใต้ทะเลตรงแถวน่านน้ำทะเลที่ไม่ไกลออกไป หลังจากนั้นก็สร้างความประหลาดใจให้กับนักประดาน้ำสักหน่อย
เรคบ่นว่าคนรวยที่ว่างจัดจนไม่มีอะไรทำ พอชื่นชอบวัฒนธรรมของมนุษย์ยักษ์ ก็ใช้เงินสร้างสิ่งไร้ประโยชน์พวกนี้เนี่ยนะ
ผ่านไปสักพัก เรคก็โทรมาหา บอกว่าเขาถามให้แล้ว สิ่งนี้สามารถสร้างขึ้นมาได้ ไม่ติดปัญหาอะไร แต่แบบจำลองที่ทำอาจจะใช้เวลาหน่อย ประมาณหนึ่งอาทิตย์หลังจากนั้นถึงจะส่งมาให้เขาดูได้
วัสดุที่ใช้ทำกระบองหนามสิบอันทำจากอะลูมิเนียมหล่อ พยายามลดน้ำหนักให้ได้มากที่สุด และทนต่อการกัดกร่อนของสนิม แต่ละอันอย่างน้อยก็สามารถทิ้งไว้ในน้ำทะเลห้าหกปีก็ยังสามารถรักษารูปเดิมที่ออกมาจากโรงงานได้
กระบองหนามสิบอันนี้ ฉินสือโอวต้องใช้เงินถึง 1 แสนดอลลาร์แคนาดา อะลูมิเนียมหล่อหนึ่งกิโลกรัมราคาเท่ากับ 20 ดอลลาร์แคนาดา ซึ่งเป็นราคาที่สูงมาก
พอเขาทำของพวกนี้เสร็จหมด ลุงฮิคสันก็ขับรถเสียงดัง แก็กๆ มาถึงฟาร์มปลา เพื่อมาเก็บองุ่นโดยเฉพาะ
……………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset