ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 926 องุ่นแช่แข็ง

องุ่นต้นแรกเจริญเติบโตไม่ค่อยดีเท่าไร บนเถาวัลย์องุ่นก็จะมีองุ่นเพียงพวงหรือสองพวงเท่านั้น แล้วก็มีจำนวนหนึ่งที่ยังไม่โตเป็นองุ่นเลยด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตามสวนองุ่นมีพื้นที่ตั้งหลายร้อยเอเคอร์ จำนวนองุ่นที่มีก็ยังนับว่าเยอะ อีกทั้งเป็นเพราะได้พลังงานโพไซดอนเข้าไป เม็ดองุ่นพวกนี้ถึงมีลูกใหญ่เต็มเม็ด
หลังจากที่ถูกหิมะแช่แข็งไว้ ไม่ว่าจะเป็นองุ่นที่มาหมักไวน์ หรือองุ่นแถบยุโรป พอจับดูองุ่นทุกลูกก็จะมีลักษณะแข็งๆ ผิวเต่งตึง น้อยมากที่ถูกแช่แข็งจนเสีย แม้กินเข้าไปก็จะยังรู้สึกถึงเนื้อองุ่นที่ยังมีน้ำแข็งปนอยู่ด้วย
ลุงฮิคสันตอนแรกก็ตกใจเล็กน้อย แต่พอหลังจากนั้นก็ไม่ได้สนใจอะไร เขาสนใจแค่ว่าจะสามารถหมักไอซ์ไวน์ออกมาได้หรือเปล่า เรื่องอื่นจะมีอะไรได้อีก? เรื่องแปลกๆ บนโลกยังมีอีกมาก
แต่สำหรับเหมาเหว่ยหลงเขากลับรู้สึกว่าแปลก เขาเอาองุ่นเม็ดหนึ่งมาผ่าเป็นสองซีก เห็นน้ำแข็งที่แทรกอยู่ระหว่างเนื้อองุ่น แล้วถามด้วยความสงสัยว่า “ฉินโซ่ว พันธุ์องุ่นของแกคือพันธุ์อะไร? มันเจ๋งสุดๆ ไปเลย แช่แข็งแบบนี้ก็ยังไม่เสียเหรอ?”
ฉินสือโอวยักไหล่ “สงสัยสัดส่วนน้ำตาลเยอะมั้ง ถ้าแกสนใจก็ขุดเอาไปปลูกที่ไร่นาสักส่วนหนึ่งสิ เพราะยังไงองุ่นของฉันก็มากมายอยู่แล้ว”
เขาพยายามพูดเลี่ยงไป แล้วก็เปลี่ยนหัวข้อคุย หลังจากนั้นก็คิดแล้วว่าปีนี้เขาคงถ่ายพลังโพไซดอนเข้าไปในองุ่นตามใจไม่ได้แล้ว แค่ถ่ายให้กับองุ่นในส่วนที่ตัวเองอยากกินก็พอ
ตะกร้าหวายหลายสิบใบก็มีองุ่นเต็มไปหมดอย่างรวดเร็ว มิเชลขี่เจ้าปอหลัวที่ลากรถลากเลื่อนหิมะเอาลังไปเก็บไว้ที่โรงน้ำแข็ง
เห็นปอหลัววิ่งไปมาอยู่บนหิมะอย่างมีความสุข ลุงฮิคสันก็หัวเราะเสียงดังแล้วพูดว่า “เป็นเครื่องมือที่ไม่เลวจริงๆ เลย เทียบกับรถของเราแล้วยังดีกว่ามาก สงสัยฉันจะต้องคิดละว่าจะเลี้ยงกวางสักตัวดีไหม”
ฉินสือโอวยักไหล่ แล้วพูดขึ้นว่า “คุณลุงเชื่อผม อย่าหาเรื่องให้ตัวเองเลย เลี้ยงกวางตัวหนึ่งเสียทั้งเงินและแรงกาย เหนื่อยกว่ามีรถเก่าๆ ของคุณลุงมากกว่าเยอะ”
“แต่ก็น่าสนุกกว่ามากเลยนะคะ” เชอร์ลี่ย์พูดเสริม หลังจากนั้นก็กระโดดโลดเต้นไปหาปอหลัว
นีลเซ็นขี่รถลากเลื่อนหิมะแบบพ่นไอมา แล้วพาฉินสือโอวไปที่โรงน้ำแข็ง
โรงน้ำแข็งที่ฟาร์มปลาไม่ใช่กิจการเล็กๆ ที่อยู่ในชนบทแบบนั้น โรงน้ำแข็งในชนบทพื้นที่รวมกันยังไม่ถึง 400 ตารางเมตร ในขณะที่โรงน้ำแข็งในฟาร์มปลาครอบคลุมพื้นที่ถึงหนึ่งหมื่นกว่าตารางเมตร ลึกลงไปในใต้ดินสิบกว่าเมตร เป็นสิ่งก่อสร้างที่สำคัญมากที่สุดในฟาร์มปลา
ไม่ใช่แค่ฟาร์มปลาต้าฉินที่เป็นแบบนี้ ฟาร์มปลาที่อื่นก็เช่นกัน เมื่อเจ้าของฟาร์มปลาจับปลาได้ ส่วนหนึ่งก็จะอาศัยตอนที่ยังสดรีบขายทิ้ง อีกส่วนก็จะเก็บเอาไว้ขายในช่วงที่ปิดการประมงเพื่อให้ขายได้ราคาที่ดี
ตอนนี้ฉินสือโอวมีโรงน้ำแข็งอยู่ในมือทั้งหมด 6 ที่ แต่มีแค่โรงน้ำแข็งที่เดียวในฟาร์มปลาต้าฉินที่ใช้งานอยู่ อีกห้าที่ที่เหลือยังปล่อยว่างไว้ เพราะว่าปลาที่เขาจับมาได้มีจำนวนไม่เยอะ จึงไม่จำเป็นต้องใช้โรงน้ำแข็งอื่น
ตอนนี้ถ้าเอามาเก็บผลไม้ ฉินสือโอวก็คงต้องเปิดโรงน้ำแข็งอีกหนึ่งแห่ง เพราะอุณหภูมิที่ใช้เก็บผักผลไม้แตกต่างกับเก็บพวกปลากุ้งปูและสัตว์ป่าต่างๆ
สวนองุ่นตั้งอยู่ที่ฟาร์มปลาของมิสเตอร์รอท โรงน้ำแข็งของที่นี่เปิดใช้งานตามธรรมชาติ โรงน้ำแข็งของแต่ละฟาร์มปลาแตกต่างกันเล็กน้อย โรงน้ำแข็งของฟาร์มปลาของมิสเตอร์รอทก็มีพื้นที่กว่าหนึ่งหมื่นตารางเมตรเช่นกัน พื้นที่ 100×100 เมตรถูกแบ่งออกเป็นห้องแช่แข็ง 6 ห้อง ซึ่งห้องแช่แข็งของแต่ละห้องจะมีตู้ทำความเย็นกำลังสูงทำงานอยู่หนึ่งเครื่อง
ตอนที่ฉินสือโอวรับช่วงต่อฟาร์มปลามาก็เคยทำความสะอาดโรงน้ำแข็งมาก่อน ของข้างในถูกจัดเก็บเรียบร้อยมานานแล้ว เมื่อก่อนตอนที่เก็บองุ่นเขาก็จะเปิดพัดลมระบายอากาศ ทำให้อากาศข้างในสดชื่นมาก
นอกจากพัดลมระบายอากาศ ตู้ทำความเย็นและการเชื่อมต่อกับภายนอกแล้ว โรงน้ำแข็งปิดมิดชิดแน่นดีมาก ดังนั้นต่อให้ด้านนอกจะอากาศหนาวเหน็บ แต่โรงน้ำแข็งที่อยู่ใต้ดินอากาศภายในกลับอบอุ่นดีมาก เพราะว่าผนังทั้งสี่ด้านมีฉนวนอยู่ ใช้หลักการเดียวกันกับกล่องเก็บความร้อนที่ใช้เก็บผัก
พอเข้าไปในโรงน้ำแข็ง ฉินสือโอวก็ถอดเสื้อขนเป็ดออก เหลือไว้แต่เพียงเสื้อขนแกะ แต่พวกชาวประมงแข็งแรงยิ่งกว่า อากาศหนาวแบบนี้เสื้อแจ็กเกตตัวเดียวก็เอาอยู่แล้ว
คนกลุ่มหนึ่งเอาองุ่นที่เก็บมาตรวจดูอย่างระมัดระวัง พอตรวจดูแล้วองุ่นไม่เน่าเสียหรือแมลง จึงค่อยเก็บเข้าโรงน้ำแข็ง
ในองุ่นจะประกอบไปด้วยส่วนของน้ำและสารบำรุงเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นอาหารเชื้ออย่างดีสำหรับพวกจุลินทรีย์ วิธีที่พวกจุลินทรีย์เข้าไปในเนื้อผักและผลไม้ก็คือผ่านจุดที่เป็นแผลจากแมลงกัดหรือความเสียหายเชิงกลของอาหาร ซึ่งผักผลไม้ที่โดนรุกรานด้วยจุลินทรีย์ก็จะเน่าเสียอย่างรวดเร็ว
ดังนั้นจึงต้องตรวจเช็กก่อน ปอหลัวลากรถลากเลื่อนหิมะมาทำให้เกิดการกระแทกระหว่างทาง จึงต้องคัดเอาองุ่นที่ถูกทับจนแตกออกมาก่อน เพื่อลดโอกาสในการแพร่พันธุ์ของจุลินทรีย์ให้มากที่สุด
องุ่นพวกนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะวางบนพื้นได้ แต่ต้องใช้กระดาษออร์แกนิคในการห่อ แล้วจึงค่อยวางบนชั้นวางไม้ที่ชาร์คและซีมอนสเตอร์ตอกติดเอาไว้ก่อนหน้านี้
กระดาษออร์แกนิคสามารถป้องกันแมลง ความชื้น และจุลินทรีย์ได้ ภายหลังจะหยิบหรือถือก็สะดวก หากจะหยิบก็สามารถหยิบขึ้นมาได้เลย
คน 20-30 คนยุ่งมาทั้งวัน องุ่นที่มาหมักไวน์ส่วนมากถูกคุณลุงฮิคสันเอาไป ส่วนที่เหลือจำนวนหนึ่งก็วางรวมไว้กับองุ่นอีกชนิดหนึ่ง แล้วเก็บไว้ที่โรงน้ำแข็งของฟาร์มปลา
พวกชาวประมงใช้โรงน้ำแข็งด้วยความชำนาญมาก เพราะเดิมทีโรงน้ำแข็งของฟาร์มปลาก็เอาไว้ใช้เก็บพวกผักผลไม้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงรู้ว่าจะต้องเก็บองุ่นอย่างไรให้ออกมาดีกว่าเดิม
ฉินสือโอวนึกว่าแค่ปรับอุณหภูมิให้เหมาะกับการเก็บองุ่นก็พอแล้ว ชาร์คส่ายหน้าแล้วอธิบายว่า “ไม่ครับบอส ทำแบบนี้ไม่ได้ หลังจากที่ผลไม้เข้าสู่ห้องแช่แข็งแล้ว ควรใช้วิธีค่อยๆ ลดอุณหภูมิเอา ไม่เช่นนั้นจะทำให้ผลไม้เสื่อมสภาพและเกิดโรคทางสรีรวิทยา”
เดิมทีอุณหภูมิในโรงน้ำแข็งจะอยู่ที่ประมาณ 10 กว่าองศา ชาร์คจึงปรับอุณหภูมิเล็กน้อยให้เหลือ 5 องศา โดยทิ้งไว้ที่อุณหภูมิแบบนี้สองชั่วโมง หลังจากนั้นก็จะเป็น 2 องศา ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงก็เป็น 0 องศา จนสุดท้ายจะหยุดอยู่ที่อุณหภูมิ -1 องศา
อุณหภูมิ -1 องศาเป็นอุณหภูมิที่เหมาะสมที่สุดในการเก็บองุ่นแช่แข็ง สามารถกักเก็บรสชาติหอมขององุ่นเอาไว้ได้ ไม่ได้ทำให้เนื้อองุ่นเสียไปด้วยอุณหภูมิที่เย็นเกินไป และก็ยังช่วยเก็บองุ่นได้นานขึ้นด้วย
ตู้ทำความเย็นล้ำสมัยมาก มีคอมพิวเตอร์คอยควบคุม สามารถปรับอุณหภูมิเองได้อัตโนมัติ พอฉินสือโอวตรวจดูแล้วไม่มีปัญหาอะไร จึงกลับไปที่วิลล่าเตรียมกินข้าวเย็น
ทำงานมาทั้งวันเต็มๆ ทั้งตัวของฉินสือโอวจึงเต็มไปด้วยน้ำของหิมะที่หนาวเย็น ซึ่งเวลาแบบนี้เหมาะที่จะไปแช่น้ำร้อนที่สุด เขามองไปที่ไอน้ำที่กระจายตัวไม่ไกลออกไปแล้วทอดถอนใจ ต้องหาทีมทางธรณีวิทยามาดูหน่อย เพราะเมื่อที่ทางธรณีวิทยาในฟาร์มปลาเรียบร้อยดีก็จะได้รีบสร้างบ่อน้ำพุร้อน
ฉินสือโอวไม่เข้าใจมาตลอดว่า การระเบิดของภูเขาไฟขนาดเล็กเกิดขึ้นที่ท้องทะเลหลายร้อยกิโลเมตรมันจะส่งผลกระทบต่อฟาร์มปลาของเขาได้อย่างไร? แต่เขาก็ไม่ได้มีความรู้ทางด้านนี้ จึงได้แต่ฟังคำพูดจากผู้เชี่ยวชาญ
ขากลับเขาบังเอิญเจอแซนเดอร์สและอีกสองคน ศาสตราจารย์วัยชรากำลังถือแผนที่ตระเวนดูฟาร์มปลาอยู่ ส่วนทิญาถือกระเป๋าหนึ่งใบที่ในนั้นมีหญ้าทะเลเปียกๆ อยู่
ฉินสือโอวทักทายทั้งสามคน แล้วก็ถามว่าคุ้นชินกับการอยู่ที่ฟาร์มปลาหรือยัง หลังจากนั้นสายตาเขาก็จับจ้องอยู่ที่กระเป๋าของทิญา
แซนเดอร์สหัวเราะเบาๆ แล้วอธิบายว่า “ผมกำลังหาหัวข้อทำงานวิจัยอยู่ เพราะยังไงก็ไม่ควรเอาเงินของคุณมาฟรีๆ ตลอดอยู่แล้ว ถูกไหมครับ?”
ฉินสือโอวจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านการประมงมาทำงานที่นี่ ไม่เพียงแต่จะรับประกันความปลอดภัยในชีวิตของพวกกุ้งปลาปู แต่ยังจะต้องดูด้วยว่าในฟาร์มปลามีอะไรที่จะเอามาทำการวิจัยได้บ้าง เพราะถ้าหากมีหัวข้อที่เหมาะสม ก็จะสามารถขอเงินทุนจากกรมประมงมาทำวิจัยได้
นอกจากนี้แล้ว ถ้าหากวิจัยจนสามารถจดสิทธิบัตรอะไรได้ เช่นนั้นฟาร์มปลาก็จะมีรายได้ตามมา
ฉินสือโอวไม่ได้มีความสนใจอะไรในหัวข้อวิจัย เขาแค่กลัวว่าฟาร์มปลาจะเจอวิกฤตอะไรที่เขาไม่เข้าใจ ถึงได้จ้างศาสตราจารย์มาทำงานถึงที่ ว่าง่ายๆ ก็เพื่อช่วยให้สบายใจนั่นเอง
……………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset