ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 147 ไร้ร่องรอยสิ่งมีชีวิต

บทที่ 147 ไร้ร่องรอยสิ่งมีชีวิต
โดย
Ink Stone_Fantasy

ฟาร์มปลาต้าฉิน ล้อมรอบด้วยเทือกเขาเคอร์บัล ทางทิศเหนือของฟาร์มปลาเป็นจุดเริ่มต้นของแนวเขาที่อยู่ทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะเล็ก ครั้งนี้พวกเขาเริ่มปีนเขาจากจุดนี้ เพราะว่าแม่น้ำไหลผ่านตำแหน่งตรงนี้ และนีลเซ็นกำหนดแผนเอาไว้ว่าจะปีนขึ้นไปตามเส้นแม่น้ำสายนี้
ฉินสือโอวเดินไปตรวจดูเล้าไก่ เป็ด หมูของตัวเองก่อน พวกมันเจริญเติบโตดีมาก เป็ดกินปลาและกุ้งในแม่น้ำได้ พวกไก่ก็สามารถจับแมลงที่อยู่บนหญ้ากินได้ ส่วนหมูก็กินอาหารได้หลากหลายอย่างพวกวัชพืช ผลไม้เน่า เป็นต้น
ตอนนี้หน้าที่ให้อาหารไก่ให้อาหารหมูก็ตกไปเป็นของอีวิลสันแล้ว ซึ่งเขาก็ชอบทำงานที่ไม่ต้องใช้ฝีมืออะไรพวกนี้มากที่สุด
พอถึงที่เล้า ฉงต้าก็ยกขาขึ้นฉี่ ซึ่งนี่กลายเป็นการตอบสนองด้วยความคุ้นชินโดยอัตโนมัติไปเสียแล้ว พอฉินสือโอวทานข้าวเสร็จก็มักจะพามันมาเดินเล่นที่เล้า ให้มันขับถ่ายที่นี่เพื่อทิ้งกลิ่นของหมีเอาไว้
ที่เชิงเขาเป็นผืนป่าประกอบไปด้วยต้นเมเปิล ต้นสน ต้นสพรูส ต้นซีดาร์แดงตะวันตก ต้นสนดักลาส ผืนป่านี้ก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของฟาร์มปลา มีพื้นที่ประมาณ 40-50 หมู่[1]
ตอนนั้นฉินสือโอวยังไม่เข้าใจว่าฟาร์มปลาที่ถูกทิ้งแห่งนี้จะมีมูลค่าถึง 200-300 ล้านหยวนได้อย่างไร แต่พอดูคำอธิบายของสินทรัพย์ก็เข้าใจว่า ฟาร์มปลาไม่ได้แค่หมายถึงผืนทะเล แต่ยังหมายถึงอาณาเขตบริเวณ ซึ่งถ้ายึดตามกฎหมายของประเทศแคนาดาแล้ว ของที่อยู่ในอาณาเขตเหล่านี้ถือเป็นสินทรัพย์ของเขา
อย่างเช่นผืนป่าแห่งนี้ ต้นไม้ที่อยู่ในป่าแห่งนี้ก็เป็นของฉินสือโอวทั้งหมด ต่อให้เขาขายไม้ที่อยู่ในผืนป่าแห่งนี้ก็ยังคงขายได้ 20 ล้านหยวน
พอถึงฤดูร้อน ต้นไม้ก็จะเปลี่ยนเป็นเขียวชอุ่ม ต้นไม้แต่ละชนิดก็จะผลิใบอ่อนออกมา พื้นปกคลุมไปด้วยดอกไม้นานาพรรณที่บานเบ่งและพุ่มไม้ ซึ่งนั่นเรียกว่า ดอกไม้สวยสดสะพรั่ง
นอกจากนี้แล้ว ที่ผืนป่าแห่งนี้ยังปลูกต้นไม้ที่มีมูลค่าไว้อีกด้วย ซึ่งตอนที่นีลเซ็นอยู่กองกำลังพิเศษก็มักจะทำการฝึกภาคสนาม จึงคุ้นเคยกับชนิดต้นไม้และพรรณพืชต่างๆ เป็นอย่างดี
ตลอดทางเขาแนะนำต้นไม้ที่มีมูลค่าบางชนิดให้สองคนนั้นฟัง ไม่ว่าจะเป็นต้นหงส์ฟู่ ต้นสนสีทอง ต้นเชอรี่พลัม ต้นเมเปิลแดง ต้นโซโฟร่าทอง ต้นควันใบม่วง ต้นสนบลูไอซ์…
ต้นไม้เหล่านี้กระจายตัวในหมู่มวลไม้ ทำให้ไม้สีเขียวประดับด้วยสีสันสดสวย แต่งแต้มเสน่ห์ได้มากยิ่งขึ้น
ในแมกไม้เหล่านี้ ได้ยินเสียงดังเจื้อยแจ้วหรือเสียงสูงของนกน้อยอยู่ตลอดเวลา และยังได้ยินเสียงพวกแมลง จึงทำให้ผืนป่าแห่งนี้ดูมีชีวิตชีวาเป็นอย่างมาก
เดินขึ้นไปตามลำน้ำ ฉินสือโอวและพรรคพวกเดินไปอย่างช้าๆ เพราะถึงอย่างไรของที่นำมาด้วยก็มีไม่น้อยจึงต้องเก็บออมแรงไว้ก่อน
เมื่อใกล้ถึงธารน้ำตกน้อย ทันใดนั้นนีลเซ็นที่เดินนำอยู่ด้านหน้าก็ยกมือขวาขึ้นมากำหมัดแน่น ฉินสือโอวและเหมาเหว่ยหลงหยุดฝีเท้าและไม่เอ่ยอะไรออกมาทั้งนั้น ซึ่งเป็นสัญญาณแสดงถึงว่ามีปัญหาอะไรบางอย่างให้ทุกคนหลบก่อน
เมื่อเห็นฉินสือโอวหมอบลง หู่จือและเป้าจือคลานมาอยู่ด้านข้างเขาอย่างชาญฉลาด ปิดปากเงียบและจ้องมองเหมือนรอคำสั่ง
ฉงต้าไม่รู้เรื่องราวจึงอยากจะตะโกนเรียกเพื่อแสดงถึงความมีตัวตน อีวิลสันถลึงตามองมัน มันอ้าปากแล้วก็กะพริบตาปริบๆ อย่างไร้เดียงสา หุบปากไปอย่างไม่พอใจ
นีลเซ็นหันไปมอง พูดกระซิบว่า “บอส อาหารกลางวันออกมาแล้ว”
“เป็นสัตว์ใหญ่รึเปล่า” ฉินสือโอวยังคงกระซิบ
“ไม่ใช่ เป็นไก่ป่า ไก่ป่าเฮเซล!” นีลเซ็นพูดเสียงเบาขึ้น
เหมาเหว่ยหลงถามขึ้นมาว่า “ไก่ป่าตัวหนึ่ง พวกเราจะกระซิบกันทำไม กลัวหรือไงกัน”
ฉินสือโอวและนีลเซ็นมองหน้ากัน บ้าเอ๊ย ทำอะไรของมันล่ะเนี่ย
ยกเออาร์15 ขึ้นมา ฉินสือโอวพร้อมลุย นีลเซ็นกดปากกระบอกปืนไว้ แล้วพูดว่า “ถ้ายิงนัดนี้ไป แม้แต่ขนไก่พวกเราก็ไม่ได้กิน! ใช้ธนู!”
ฉินสือโอวถือธนูทดกำลังของเขา ส่วนนีลเซ็นก็เตรียมหน้าไม้ ทั้งสองค่อยๆ ย่องเดินจากทั้งทางซ้ายและขวาอ้อมวนไป ไก่ป่าหลายตัวที่กำลังจิกกินในพุ่มไม้เบอร์รีก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า
สีขนของไก่ป่าพวกนี้ขาดสีสันมาก เกือบจะมีแค่สองสีคือขาวและดำ บางครั้งถึงจะมีขนสีเหลืองบ้าง และรูปร่างของมันก็เล็กกว่าแม่ไก่พ่อไก่มาก ตัวใหญ่ที่สุดก็แค่ประมาณ 30 เซนติเมตร ตัวอื่นๆ มีขนาดประมาณ 20 กว่าเซนติเมตร บนหัวมีขนสั้นๆ กระจุกหนึ่ง มองแล้วไม่ได้ดึงดูดสายตาอะไร
หู่จือและเป้าจือตามฉินสือโอวอยู่ข้างๆ กาย ค่อยๆ เข้าใกล้ไก่ป่ากลุ่มนี้ ฉินสือโอวและนีลเซ็นพยักหน้าให้กัน ทันใดนั้นก็ยืนขึ้นมาพร้อมกัน แล้วง้างคันธนูยิงพุ่งออกไป
ในขณะเดียวกัน หู่จือและเป้าจือก็เหมือนลูกกระสุนปืน ร่างกายที่แข็งแกร่งพุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็ว ขาสี่ขาของมันเคลื่อนไหวว่องไว ต่างมุ่งไปที่ไก่ป่าแต่ละตัว
ตอนนี้ทักษะการยิงธนูของฉินสือโอวรุดหน้าไปมาก เขาเล็งไปที่ไก่ป่าตัวที่อ้วนที่สุด เพียงลูกธนูพุ่งออกไป ก็สามารถตรึงไก่ป่าอยู่ที่พื้นได้ทันที
นีลเซ็นก็โชว์ฝีมือของตนเองเช่นกัน เขาดึงไกหน้าไม้อย่างรวดเร็ว ยิงลูกดอกออกไปสองดอกติดกัน พุ่งเข้าหาไก่ป่าสองตัวได้อย่างแม่นยำ
ไก่ป่าห้าหกตัวที่เหลือตกใจจนกระพือปีกอย่างหวาดกลัว ถึงแม้ว่าพวกมันจะไม่ถนัดบิน แต่ก็สามารถบินได้ วิ่งได้สองก้าว ก็ร้องจิ๊บๆ แล้วกระพือปีกบินขึ้นมา
ไก่สองตัวที่ถูกหู่จือและเป้าจือจ้องอยู่นั้นไม่ทันจะบินหนี กระพือปีกบินเข้าไปหลบในพุ่มไม้ หู่จือและเป้าจือเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว ตามติดอยู่ด้านหลัง พุ่งเข้าไปในพุ่มไม้ไล่จับไก่ป่าสองตัวได้สำเร็จ
อีวิลสันเข้าไปจัดการเก็บกวาดเรียบร้อย ไก่ป่าตัวที่โดนยิงโดยฉินสือโอวลมหายใจขาดห้วงไปแล้ว อีกสองตัวที่เหลือยังดิ้นอยู่เพราะโดยทั่วไปไก่ป่านั้นมีพละกำลังล้นหลาม
สองนาทีกว่าผ่านไป หู่จือและเป้าจือก็วิ่งตามๆ กันมา พร้อมไก่ป่าในปากของพวกมันแต่ละตัวที่โดนกัดจนตายไปแล้ว
ฉินสือโอวรับไก่ป่ามา โอบเจ้าสองตัวที่เริงร่า แล้วเอ่ยปากชม “ลูกรัก! ทำดีมาก ช่างเป็นลูกที่ดีจริงๆ พวกแกช่วยพ่อทำงานได้แล้ว พ่อมีความสุขเหลือเกิน!”
หู่จือและเป้าจือแลบลิ้นมาเลียเขา ฉินสือโอวยิ้มไปลูบคลำพวกมันไป โดนพวกมันเลียจนแฉะไปหมด
เหมาเหว่ยหลงเดินมาดู ยิ้มแล้วพูดว่า “นี่มันของดีจริงๆ มังกรฟ้านะเนี่ย”
“อะไร มังกรฟ้า?” ฉินสือโอวถาม
เหมาเหว่ยหลงจับเอาไก่ป่าขึ้นมาแล้วพูดว่า “นี่ไม่ใช่ไก่ป่าหรอกเหรอ ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือเราเรียกว่ามังกรฟ้า เขาบอกกันว่าจักรพรรดิเฉียนหลงหลังจากที่ได้กินไก่ตุ๋นชนิดนี้ก็รู้สึกว่ารสชาติวิเศษมาก จึงคิดถึงประโยคหนึ่งที่ว่า ‘เนื้อมังกรบนสวรรค์ เนื้อลาบนพื้นดิน’ จึงประทานชื่อให้ไก่ป่าเหล่านี้ว่า ‘มังกรฟ้า’”
“ถ้าเช่นนั้น มื้อกลางวันนี้เราก็มากินเนื้อมังกรกัน” ฉินสือโอวหัวเราะแล้วพูด
พวกเขาเดินต่อไปข้างหน้า ระหว่างทางก็เจอไก่ป่าพวกนี้อีกหลายตัว นีลเซ็นจึงอธิบายว่า “ไก่ป่าเฮเซลเป็นไก่ป่าชนิดหนึ่งที่พบมากที่สุดบนเขาของพวกเรานี้ โดยปกติแล้วพวกเราที่นี่ถ้าขึ้นมาบนเขาแล้วก็จะล่ากลับไปหลายตัวเพื่อนำไปต้มกิน รสชาติอร่อยมากๆ”
ฉินสือโอวไม่ได้ไล่ล่าต่อ ทุกเรื่องต้องมีขีดจำกัด ไก่ห้าตัวเพียงพอสำหรับพวกเขาแล้ว อีกอย่างก็ยังมีของกินอื่นๆ ที่กินได้อีก
เดินไปตามล่องแม่น้ำ ภูมิประเทศค่อนข้างราบเรียบ ชายหาดถูกเซาะออกมา อีกทั้งมีลำน้ำที่พวกสัตว์ป่า สัตว์ปีก นก เหยียบย่ำไว้ตอนมาดื่มน้ำ ดังนั้นทางที่พวกเขาเดินจึงไม่นับว่าลำบากมากนัก
เดินไปก็ชื่นชมธรรมชาติอันเขียวขจีไป เมื่อถึงตอนกลางวันพวกเขาก็ได้ข้ามเนินเขาเล็กๆ มาเรียบร้อยแล้ว ราวสิบเอ็ดโมงครึ่ง นีลเซ็นแสดงสัญญาณว่าเราจะตั้งแคมป์กินข้าวกลางวันและหลบร้อนกันชั่วคราวที่นี่
ฉินสือโอวและเหมาเหว่ยหลงตกปลา นีลเซ็นพาหู่จือและเป้าจือไปออกล่า อีวิลสันทำความสะอาดบริเวณตั้งแคมป์ ซึ่งหลักๆ แล้วก็คือเอาหินก้อนใหญ่ออกเพื่อให้พื้นมีความราบเรียบเพิ่มขึ้นมา
ฉงต้านั่งลงพร้อมเสียงหอบ หน้าที่ของมันก็คือทำตัวทึ่มๆ และแอ๊บแบ๊ว งานอื่นๆ ก็ทำไม่ได้
ฉินสือโอวใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนพายวนรอบในแม่น้ำไปหนึ่งรอบ จนหาแหล่งปลาชุกชุมเจอแล้วจึงเริ่มลงมือ
ฝีมือตกปลาของเหมาเหว่ยหลงยังคงยอดเยี่ยม เขาหาไส้เดือนโดยการเขี่ยหินที่อยู่ริมแม่น้ำออก แทนที่เขาจะนำไส้เดือนไปล้างก่อน แต่เขากลับเอาไส้เดือนพวกนั้นจุ่มลงไปในน้ำมันงาแล้วใช้เป็นเหยื่อตกเบ็ดเลยซึ่งดึงดูดใจปลาพวกนี้ได้ดียิ่ง
ผ่านไปสิบนาที เขาก็สามารถตกปลาไพค์ได้สามตัว ปลากะพงขาวสองตัว ปลากะพงปากเล็กสองตัว รวมๆ กันแล้วก็ 7-8 กิโลกรัม
ฉินสือโอวตกปลาสเมลท์ได้ เขาเอาน้ำมันมะกอกไปด้วย ตั้งใจทำอาหารจานนี้ขึ้นมากินตอนกลางวัน
ปลาสเมลท์มีอีกชื่อเรียกว่า ‘ตัวชุนอวี๋ (ปลาไข่เยอะ)’ ตอนฤดูร้อนไข่ปลาจะเยอะมากและมีมากที่สุดตอนฤดูใบไม้ร่วง ปลาชนิดนี้ไม่ว่าจะเอามาปิ้งย่างหรือเอามาผัดรสชาติก็หอมอร่อย
……………………………………….
[1] หมู่ เป็นหน่วยวัดมาตราหนึ่งของประเทศจีน 1 หมู่ เท่ากับ 666.67 ตารางเมตร

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset