ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 930 โดนไข่แล้ว

จุดสุดท้าย ฉินสือโอวจำคำสอนของเบิร์ดได้ เมื่อต้องการชะลอความเร็ว ต้องกางขาออกให้ไม้สกีด้านหลังเปิดกว้างออกเป็นรูปเลขแปดตัวจีน (八) ยิ่งส่วนโค้งมาก แรงต้านทานก็จะมีมากขึ้นทำให้เบรกได้ง่าย
ดังนั้นแล้ว เรื่องน่าเศร้าก็เกิดขึ้น จริงๆ เบิร์ดก็เดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาถึงไม่กล้ามอง จึงได้แต่กุมหัวนั่งยองลงไป
ฉินสือโอวจำคำสอนของเบิร์ดได้เท่านั้น แต่ลืมเงื่อนไขของการทำแบบนี้ ความเร็วต้องไม่มาก ซึ่งตอนนี้ความเร็วของเขาถือว่าไวพอสมควร คิดดูว่าตอนที่กำลังไถลไปอย่างรวดเร็วแล้วอยู่ดีๆ กางขาจะเกิดอะไรขึ้น? พอกางสองขาออก ฉินสือโอวไม่สามารถควบคุมส่วนโค้งได้ ขาสองทั้งข้างจึงถ่างออกกว้างมาก ดูเหมือนว่าเขาจะได้ยินเสียงกระดูกเชิงกรานดัง ‘กร๊อบ’ ตามด้วยเสียงกรีดร้องของเขา “โอ๊ย พระเจ้า! ไข่ฉัน!”
คาร์สันและฮิวจ์คนน้องที่อยู่ข้างๆ รีบวิ่งเข้าไปประคองฉินสือโอว ฉินสือโอวนายใหญ่รอบนี้จะกล้าขยับไปไหนได้อีก? เมื่อกี้เขาฉีกขา 180 องศาไปหนึ่งรอบ การฉีกขา 180 องศาของชายวัยกลางคน!
ทันใดนั้นฉินสือโอวก็นึกถึงบทสนทนาที่คุยกับวินนี่เมื่อวาน วินนี่บอกว่าตอนนี้เขาเน้นแค่กำลัง แต่ความเร็วยังไม่ได้ ต้องออกกำลังให้ครอบคลุม แต่ตอนนั้นฉินสือโอวไม่ได้สนใจ
ตอนนี้เขารู้สึกเสียใจภายหลัง ถ้าเลือกได้ จะต้องให้เขาไหว้วินนี่เป็นอาจารย์สอนไทเก๊กหรือโยคะก็ได้ทั้งนั้น!
ฝูงคนมารวมตัวกัน ชิลเดรสที่ถูกฉินสือโอวเล่นงานไปตอนแข่งงัดข้อหัวเราะชอบใจ “นานแล้วที่ไม่ได้เห็นคนเล่นฉีกขาบนหิมะ สนุกจริงๆ ฉินนายก็ยังคงเก่งเหมือนเดิมนะ สีหน้าตอนฉีกขานี่ยังดูทรมานยิ่งกว่าคนทั่วไปเสียอีก!”
สีหน้าเหยเกของฉินสือโอวด้วยความเจ็บปวด แต่ยังคงอดทนชูนิ้วกลางให้เขาแล้วตะโกนใส่ “เชี่ย สาบานต่อพระเจ้าเลย โอโดมอยู่ไหม? เป้าฉันมันแปลกๆ!”
โอโดมก็พาลาร่ามาเล่นสกีเช่นกัน แต่ทั้งสองคนอาศัยในเมืองใหญ่ผ่านอะไรมามาก ไม่เหมือนคนในเมืองแฟร์เวลที่ไม่รู้อะไร เล่นสกีต่างใช้วิถีการเคลื่อนไหวแบบระดับง่าย แต่สองคนนี้เวลาเล่นสกีจะเป็นระดับที่ยาก ไม่ได้ใช้เส้นทางนี้ ดังนั้นจึงมาช้าหน่อย
ลาร่าโบกไม้โบกมือให้คนที่ห้อมล้อมอยู่นั้นกระจายออก ฉินสือโอวสั่งให้หู่จือและเป้าจือไปกัดคน แต่หมาแลบราดอร์ไม่ฟังคำสั่ง ได้แต่นั่งอยู่ข้างๆ มองไปที่ฉินสือโอวด้วยความสงสาร พ่อ น่าสมเพชจริงๆ เลย
โอโดมช่วยดูให้ฉินสือโอว หลังจากนั้นจึงบอกว่าเอ็นฉีกขาดเล็กน้อย กลับไปพักผ่อนสองสามวันก็หายแล้ว
ดังนั้นเวลาที่เหลือฉินสือโอวจึงทำได้แค่นั่งอยู่ข้างๆ มองคนเล่นสกีอย่างมีความสุขด้วยอารมณ์หมดอาลัย ถ้าแค่นั่งยังไม่เท่าไร แต่ที่สำคัญคือท่านั่งของเขาช่างน่าอับอาย เขาถ่างขานั่งอยู่…
ฮิวจ์คนน้องเห็นโอกาสที่จะแก้แค้นขึ้นมา เขากางขาออกแล้วพูดติดตลกว่า “มา ที่รัก อ้าขากว้างกว่านี้หน่อย ฉันจะทำให้เธอรู้สึกสบายเอง ให้เธอสบายเหมือนได้ขึ้นสวรรค์!”
“กัดมัน!”
“ฮ่องๆๆๆ!”
“บ้าเอ๊ย ฉันจะต้องเลี้ยงคอเคเซียนให้ได้” ฮิวจ์คนน้องกลิ้งไปแล้วรีบวิ่งหนี หู่จือและเป้าจือไล่ตามอยู่ด้านหลังอย่างดุร้าย
ฮิวจ์คนพี่พูดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ว่า “น่าแปลกจริงๆ ไอคิวของน้องชายฉันอาจจะมีปัญหา? เมื่อก่อนที่บ้านยากจน จึงไม่เคยได้พาเขาไปตรวจดู จริงๆเขาก็รู้อยู่แก่ใจว่าถ้าหาเรื่องคุณแล้วจะเป็นยังไง แต่ก็ยังจะทำ”
“คือคุณอยากจะบอกว่า เขามีแนวโน้มที่จะเป็นมาโซคิสม์?” ทิญาเดินขึ้นมาจากด้านหลัง พูดติดตลก
ฮิวจ์พยักหน้าให้กับทิญา เขาแนะนำตัวเองหลังจากนั้นก็จากไป ก่อนที่จะเดินไปยังแอบขยิบตาให้ฉินสือโอว แสดงทั้งความอิจฉายินดีและเกลียดชัง
ฉินสือโอวรู้สึกทนไม่ได้สุดๆ ผู้ชายพวกนี้ทำไมถึงมีนิสัยแย่ๆ แบบนี้กันนะ? พอเห็นสาวสวย ก็คิดเรื่องอื่นกันไม่ได้เลยเหรอ?
ทิญานั่งอยู่ตรงข้ามฉินสือโอว มองเขาด้วยความสงสารแล้วพูดว่า “เจ็บมากสินะ ใช่ไหม?”
ฉินสือโอวฝืนยิ้ม “ยังได้อยู่”
เขาพยายามตั้งขาตรง แต่พยายามได้สักพักก็ล้มเลิกความคิดนี้ โคตรเจ็บเลย
“ตอนที่วินนี่คลอดลูกอะ เจ็บมากกว่าคุณตอนนี้หลายเท่าเลยนะ จริงๆ เป็นแบบนี้ก็ดีนะคุณฉิน คุณจะได้รับรู้ความลำบากของภรรยาคุณได้ดีขึ้น แบบนี้ก็จะทำให้พวกผู้ชายยิ่งรักและทะนุถนอมภรรยาได้มากขึ้น” ทิญาพูดเยาะเย้ย
ฉินสือโอวยิ้มอย่างทรมาน เขาคิดมาตลอดว่าทิญาสาวคนนี้มีความรู้สึกดีๆ ต่อเขา ดังนั้นพอตอนนี้ที่ได้ยินประโยคเหล่านี้ก็รู้สึกว่ามันมีอะไรแปลกๆ
ด้านหลังมีเด็กวัยรุ่นสองคนที่ใส่หมวกผ้าฝ้ายใบใหญ่วิ่งมาทางนี้ ดาวสีแดงดวงใหญ่ประดับอยู่ด้านหน้าหมวก ส่องแสงเป็นประกายภายใต้แสงอาทิตย์ แน่นอนว่าเป็นเจี้ยนผานโฮ่วและหวงเฮ่าเจียพี่ชายที่แสนดีของภรรยาเขา
เมื่อเห็นเพื่อนตลกคู่นี้ ฉินสือโอวก็นึกว่าจะได้เห็นเรื่องฮาแล้ว ให้เพื่อนขายหน้าดีกว่าตัวเองขายหน้า เขาจึงหวังว่าคู่ตลกคู่นี้จะสร้างเรื่องตลกที่ใหญ่กว่านี้ได้
ปรากฏว่า ทั้งสองเลือกชุดสกีแล้วขึ้นไปบนเนินสูง หลังจากนั้นก็ร่อนลงมาอย่างรวดเร็วด้วยท่าทีที่ดูสบาย สองคนนั้นตอนที่เล่นสกียังทำแม้กระทั่งกีดขวางทางของกันและกัน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความชำนาญมาก ทำให้ประชาชนในเมืองต่างประหลาดใจไม่น้อย
คาร์สันมองทั้งสองอย่างชื่นชม หยุดอยู่ข้างฉินสือโอวแล้วเอ่ยขึ้น “ทักษะของโฮ่วจื่อกับหวงนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ ถ้าไม่มีพวกเขามา ฉันยังนึกว่าทักษะการเล่นสกีของคนจีนจะเหมือนนายกันหมด”
ฉินสือโอวกำลังอยากถามว่าหมายความว่าอะไร แต่ปรากฏว่าเจ้านายหนวดเฟิ้มก็แกว่งไม้สต็อกแล้วไถลออกไปไกลแล้ว!
หลังจากไถลลงมาโหวจื่อเซวียนกับหวงเฮ่าเจียก็เห็นฉินสือโอวเข้า จึงรีบวิ่งมาทางนี้ด้วยความประหลาดใจ “พี่ มานั่งทำอะไรตรงนี้? พื้นมันไม่หนาวเหรอ? รีบขึ้นมาเร็ว เดี๋ยวพอแก่แล้วจะเป็นโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ได้ง่ายนะ”
ฉินสือโอวยิ้มแห้ง “ไม่มีอะไรหรอก เอ่อ นายสองคนมีทักษะการเล่นสกีที่ไม่เลวเลยนะ”
หวงเฮ่าเจียพูดอย่างภูมิใจว่า “พอได้พี่ ฮ่าๆ ที่พวกเราน่ะมีลานเล่นสกีเยอะ ตอนเด็กๆ หิมะตกหนักมาก หาเนินสักเนินก็สามารถเล่นสกีได้แล้ว แต่ตอนนั้นโง่มากเลยเล่นสกีแล้วชอบลื่นจนเจ็บไข่ตลอดเลย…”
ทันใดนั้นคำพูดของเขาก็หยุดลง
หลังจากนั้นสองหนุ่มก็มองหน้ากันและกันและมองไปที่เป้าของฉินสือโอวที่ขาสองข้างอ้าออกและเผยให้เห็นอยู่ด้วยสายตาแปลกๆ
“รีบไสหัวไปเลย ไม่งั้นฉันจะให้หมากัดพวกนาย เชื่อไหม?” ฉินสือโอวหัวเราะ
โหวจื่อเซวียนยื่นมือไปห้ามแล้วพูดว่า “พี่ พี่หมายความว่ายังไง ก็แค่ไถลแล้วโดนไข่แค่นั้นเองไม่ใช่เหรอ? พวกเราพี่น้องจะหัวเราะเยาะพี่ได้ยังไงล่ะ? พวกเราไม่ได้เป็นคนไม่มีเหตุผลอย่างนั้นนะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!”
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แม่งท่าทางของพี่ฉินมันช่างน่าปวดใจจริงๆ!” หวงเฮ่าเจียหัวเราะอย่างบ้าคลั่งขึ้นมา ล้วงมือถือคิดจะถ่ายรูปเก็บไว้
เชอร์ลี่ย์วิ่งไปพร้อมเปียสีทองขนาดใหญ่ มองทั้งสองคนด้วยความโกรธแล้วตะโกนขึ้นว่า “พวกคุณหัวเราะอะไรกัน? รีบออกไปเลย ไม่อย่างนั้นหนูจะเรียกหู่จือกับเป้าจือให้มากัดพวกคุณ!”
“ฮ่องๆๆ!” หมาแลบราดอร์ทั้งสองตัวตะโกนเห่าขึ้นมาอย่างเชื่อฟัง แต่ฉินสือโอวสังเกตดูการแสดงออกของเจ้าสองตัวนี้ ปากฉีกกว้าง ดวงตาก็หรี่เล็ก นี่มันเป็นการคำรามด้วยความโกรธหรือว่าหัวเราะอย่างมีความสุขเนี่ย?
พอเห็นโลลิต้า หวงเฮ่าเจียก็ทำเป็นยอมแพ้ก่อน ราวกับกำลังเล่นละคร รอยยิ้มบนหน้าเขาอยู่ดีๆ ก็หายไป แล้วเปลี่ยนเป็นเหนียมอายในทันที พูดเสียงเบาว่า “สวัสดี เชอร์ลี่ย์ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน”
“ไสหัวไปเลย!”
หวงเฮ่าเจียลูบจมูกตัวเองด้วยความโกรธ จากไปอย่างไม่เต็มใจ ด้านหนึ่งก็เดินจากไปอีกด้านหนึ่งก็หันกลับมามอง ส่วนโหวจื่อเซวียนเดินถอยหลังจากไป
สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวโกรธก็คือ ไอ้เลวนี่มันเดินถอยหลังยังเดินคล่องกว่าเขาตอนนี้ที่เดินหน้าปกติเลย!
……………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset