ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 938 แสงแดดแผดเผา

เครื่องบิน XRS บอมบาร์ดิเอร์โกลบอลเอ็กซ์เพรสเป็นผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทบอมบาร์ดิเอร์ ไม่เพียงแต่เป็นผลิตภัณฑ์ที่ตกแต่งหรูหรามีระดับเท่านั้น การใช้งานก็โดดเด่น
อัตราการบินของมันสามารถบินได้สูงถึง 15,545 เมตร ในความสูงระดับนี้มีอากาศไหลเวียนน้อยมาก ดังนั้นจึงรู้สึกสบายอย่างที่สุด หลังจากเครื่องบินออกตัวแล้วฉินสือโอวรู้สึกได้ถึงการไต่ระดับเพียงสองครั้งเท่านั้น หลังจากไต่ระดับสองครั้งนั้นแล้ว เครื่องบินก็มั่นคงมากราวกับอยู่บนผืนดินเลย
ในด้านความเร็ว เครื่องบินพาณิชย์ลำนี้ก็ใช่ย่อย อัตราความเร็วในการบินปกติของมันคือ 0.85 มัค หรือก็คือ 0.85 เท่าของความเร็วเสียงนั่นเอง ในหนึ่งชั่วโมงสามารถบินไปได้ไกลถึงหนึ่งพันกว่ากิโลเมตร ในระดับความเร็วแบบนี้ เครื่องบินสามารถบินต่อเนื่องกันได้นานถึงสิบสองชั่วโมง…
คนเยอะมักจะมีแต่เรื่องน่าสนใจ กลุ่มผู้ชายพากันพูดคุยสัพเพเหระกันในพื้นที่พักผ่อน หลังเดินทางผ่านไปหนึ่งวันหนึ่งคืน ตอนเปิดประตูผู้โดยสารออกนั้นสิ่งที่รอต้อนรับอยู่ก็คือลมร้อนที่พัดโชยมาโดนหน้า!
ถึงหน้าร้อนแล้ว
ออสเตรเลียอยู่ห่างจากอเมริกาเหนือถึงสองพันกิโลเมตร เพราะว่าอยู่ในเขตซีกโลกเหนือและใต้ ทำให้สภาพอากาศของทั้งสองตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง ตอนนี้ที่เกรตแบร์ริเออร์รีฟเป็นช่วงฤดูร้อน แน่นอนว่าเพราะที่นี่อยู่ในพื้นที่สภาพอากาศเขตร้อน ดังนั้นอากาศจึงร้อนมากตลอดปี
ระหว่างหนึ่งปีนั้น เดือนมกราคมที่เกรตแบร์ริเออร์รีฟเป็นช่วงที่มีอุณหภูมิสูงที่สุด อุณหภูมิตอนกลางวันของที่นี่เฉลี่ยอยู่ที่สูงกว่าสามสิบองศาเซลเซียส
ถึงตอนที่เครื่องบินกำลังจะลงพื้น แอร์โฮสเตสสาวได้พูดแนะนำให้ทุกคนเปลี่ยนเป็นชุดสบายตัวด้วย ไม่เสียแรงที่บริษัทเอ็กซ์เพรสเป็นบริษัทด้านการบริการ ดูแลได้ทั่วถึงจริงๆ บริษัทได้จัดเตรียมพวกเสื้อยืดกับกางเกงชายหาดไว้ให้บนเครื่องบินด้วย ผู้โดยสารแค่เปลี่ยนชุดก็พอแล้ว
เกรตแบร์ริเออร์รีฟไม่มีสนามบิน เครื่องบินบอมบาร์ดิเอร์โกลบอลเอ็กซ์เพรสจึงทำการลงจอดที่สนามบินแคนส์แทน ซึ่งเป็นสนามบินที่ใกล้เกรตแบร์ริเออร์รีฟที่สุด สนามบินมีขนาดใหญ่ ในทุกปีต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวออสเตรเลียมากมาย ตอนที่พวกฉินสือโอวลงเครื่องมาก็ได้พบกับนักท่องเที่ยวมากมายด้วย
รถบัสระดับหรูของบริษัทเอ็กซ์เพรสได้จอดรออยู่ในสนามบินแล้ว ทุกคนเพิ่งลงจากเครื่องบิน รถบัสก็ได้ขับเข้ามารับอย่างช้าๆ
ฉินสือโอวยืดเส้นยืดสายไปทีหนึ่ง ก็มีเสียงข้อต่อดังกร๊อบแกร๊บขึ้นมา นั่งเครื่องบินมายี่สิบกว่าชั่วโมง ถึงจะเป็นเครื่องบินระดับพรีเมียมก็เถอะ ก็ยังคงมีความรู้สึกเหนื่อยอยู่นิดๆ
เวลาที่พวกเขาถึงสนามบินคือตอนบ่ายสองโมงครึ่ง ซึ่งเป็นช่วงที่ร้อนที่สุดพอดี ฉินสือโอวยืนอยู่ข้างนอกแค่ไม่กี่สิบวินาที ก็รู้สึกว่าเหงื่อไหลท่วมตัวแล้ว แสงอาทิตย์เหนือหัวแผดเผาลงมา ทุกอย่างที่นี่ล้วนแผดเผาทั้งนั้น
ระหว่างที่กำลังรับลมร้อนอยู่นั้น ฉินสือโอวส่ายหัว สกีหิมะที่เขาเคอร์บัลเหมือนเพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อวานเอง แต่เขาในตอนนี้กลับอยู่ในฤดูที่ร้อนระอุเสียแล้ว
เหล่าแอร์โฮสเตสได้เตรียมกำหนดการมาให้ทุกคนคนละชุด หลังขึ้นรถบัสแล้วฉินสือโอวก็หยิบออกมาดู สถานที่ที่พวกเขาจะไปนั้นเป็นรีสอร์ตแห่งหนึ่ง ชื่อว่า รีสอร์ตควอเลีย เห็นว่าไม่นานมานี้รีสอร์ตนี้ถูกนิตยสารของคองเดนาสต์ ซึ่งเป็นนิตยสารท่องเที่ยวยกให้เป็นรีสอร์ตที่ดีที่สุดในเขตโอเชียเนีย
เหมาเหว่ยหลงดูประวัติของรีสอร์ตก็ยิ้มแล้วพูดว่า “นี่ฉันกำลังกลับบ้านแล้วเหรอ?”
แบรนดอนถามว่าหมายความว่าอย่างไร เหมาเหว่ยหลงชี้ไปที่ประวัติของรีสอร์ตบนคู่มือแล้วพูดว่า “คุณดูสิ ในนี้บอกว่ารีสอร์ตตั้งอยู่ที่แฮมิลตัน ผมมีฟาร์มอยู่ที่แฮมิลตันฟาร์มหนึ่ง ไม่เรียกว่าได้กลับบ้านแล้วเหรอครับ?”
รีสอร์ตควอเลียตั้งอยู่บนพื้นที่เหนือสุดของเกาะแฮมิลตัน ตรงชายแดนเกรตแบร์ริเออร์รีฟ เงียบสงบมาก เป็นที่ที่มีชื่อเสียงในด้านความหรูหราระดับโลกในออสเตรเลีย รถบัสขับเคลื่อนไปตามทาง ระหว่างทางไม่มีการก่อสร้างหรือรถขับผ่านเลย ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังเดินทางไปดินแดนในอุดมคติอย่างไรอย่างนั้น
แต่ฉินสือโอวกลับรู้สึกว่าที่แบบนี้ไม่น่าสนใจเท่าไรนัก เพราะว่าเกาะแฟร์เวลก็คือดินแดนในอุดมคติที่ดีที่สุดในโลกอยู่แล้ว เขากลับหวังว่าบริษัทเอ็กซ์เพรสจะเลือกเมืองใหญ่อย่างนิวยอร์กเป็นสถานที่จัดงานประจำปีมากกว่า ถ้าเป็นอย่างนั้นทุกคนจะได้พากันไปเที่ยวเล่น ไปบ้าระห่ำกันถึงจะดี
ปกติตลอดปีก็อยู่แต่บนเกาะเล็กๆ ที่ตัดขาดโลกภายนอก แม้ว่าฉินสือโอวจะชอบการใช้ชีวิตแบบสุขสบายแบบนี้ แต่ก็ยังคงต้องการกิจกรรมที่บ้าคลั่งเพื่อแก้เบื่อบ้าง ก็เขายังเป็นคนหนุ่มอยู่เลยนี่นา
ในรีสอร์ตมีบ้านพักสไตล์ลอฟท์อยู่ 60 ห้อง รอบข้างล้อมรอบไปด้วยป่าไม้สวยงามน่าค้นหา หากว่าใช้ชีวิตอยู่ในเมืองใหญ่มานาน การได้มาพักในที่แบบนี้สักพักถือว่าสบายมากเลยทีเดียว ที่นี่เป็นที่ที่เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจมาก
หลังจากเข้าไปในอาณาเขตรีสอร์ตแล้ว จะเห็นศาลาพักผ่อนที่ออกแบบสวยงามประณีตค่อยๆ ปรากฏออกมา เป็นศาลาที่มีครบหมดทุกสไตล์ แต่ไม่ว่าจะสไตล์ไหน การออกแบบของศาลาเหล่านี้ก็ยังคงเข้ากับทิวทัศน์โดยรอบอย่างลงตัวทั้งนั้น สามารถทำให้เพลิดเพลินจนลืมเวลาไปได้
รถบัสขับผ่านไป ทางนี้เป็นทรายขาวบริสุทธิ์ที่ยาวระดับพันลี้ ส่วนทางนั้นเป็นป่าไม้ที่เขียวขจีสวยงาม และเหมือนกับเกาะแฟร์เวล ที่มักมีสัตว์ตัวเล็กมุดออกมาจากป่าเป็นพักๆ หรือไม่ก็วิ่งกลับจากถนนเข้าไปในป่า
ฉินสือโอวหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปจำนวนหนึ่งส่งให้วินนี่ วินนี่ก็ส่งรูปกลับมาให้เขาจำนวนหนึ่ง เป็นรูปที่เธอถ่ายเซลฟีกับเจ้าตัวเล็กทีละตัว ในทุกรูปจะมีวินนี่อยู่ด้วย มันมุดเข้าไปที่หน้าอกของวินนี่ แล้วโผล่หน้าเล็กๆ ที่อ้วนกลมออกมา
รถบัสขับเข้าไปยังที่จอดรถของรีสอร์ต มีคนมารอต้อนรับกลุ่มของฉินสือโอวอยู่ที่นั่นก่อนแล้ว เป็นคนผิวขาวผมทองที่สวมเสื้อเชิ้ตสุภาพกับกางเกงสแลค มีคนแนะนำว่านี่ก็คือผู้จัดการทั่วไปของบริษัทเอ็กซ์เพรสในเขตออสเตรเลีย ชื่อว่าควินซี เกตส์
“คุณเกี่ยวข้องกับคุณบิล เกตส์หรือเปล่าครับ?” ฉินสือโอวถามพร้อมหัวเราะ เขาไม่ได้ถามเล่นๆ นะ เพราะดูจากโครงหน้าของชาวผิวขาวคนนี้แล้ว มีส่วนคล้ายกับเศรษฐีระดับโลกคนก่อนจริงๆ
ควินซีหัวเราะแล้วพูดว่า “คุณมีสายตาที่เฉียบแหลมจริงๆ ครับ ความจริงแล้วบิลเป็นลูกพี่ลูกน้องของผมเอง พูดถึงจุดนี้แล้วผมต้องอธิบายเกี่ยวกับตัวผมไหมครับ ว่าที่ผมได้มาเป็นผู้จัดการทั่วไปของบริษัทอเมริกันเอ็กซ์เพรสนั้นเกี่ยวข้องกับบิลหรือเปล่า?”
ฉินสือโอวและคนอื่นๆ พากันหัวเราะตามขึ้นมา ควินซีคนนี้เป็นคนที่ร้ายกาจจริงๆ ตัวเองเป็นถึงสมาชิกคนในตระกูลเกตส์ ที่บริษัทเอ็กซ์เพรสให้เข้ามาดูแลที่ออสเตรเลีย ไม่แน่ว่าอาจจะเพราะอยากยืมอำนาจของตระกูลเกตส์ด้วยก็ได้
ห้องพักถถูกจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ที่รีสอร์ตต้องรับรองแขกพิเศษถึงหลายร้อยคน แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ที่ทุกคนจะได้บ้านพักส่วนตัวกันคนละหลัง ห้องพักของแขกทุกคนได้ถูกจัดแบ่งเรียบร้อยแล้วโดยแบ่งตามพื้นที่ ฉินสือโอวเลยโชคร้ายเพราะต้องพักอาศัยกับอัลเบิร์ต
ฉินสือโอวไม่อยากเห็นหน้าที่น่ารังเกียจของอัลเบิร์ตทั้งเช้าและเย็น ส่วนอีกทางก็คงคิดแบบนี้เช่นกัน ดังนั้นทั้งสองจึงไปหาควินซีเพื่อขอเปลี่ยนห้องพักกันโดยไม่ต้องนัดหมาย ควินซีไม่ได้ถามเหตุผล แค่ไปพูดคุยกับฮับเบิลและแบรนดอนสักครู่ แล้วก็รีบเปลี่ยนห้องให้พวกเขา
อากาศร้อนอบอ้าว ส่วนฉินสือโอวก็นั่งเครื่องบินมาแล้วหนึ่งวันหนึ่งคืน จึงวางกระเป๋าสัมภาระลงแล้วเตรียมอาบน้ำ
สระว่ายน้ำของห้องพักทำด้วยกระจกนิรภัย เชื่อมเข้าไปในทะเลโดยตรง หรือก็คือสระว่ายน้ำสระนี้กับท้องทะเลนั้นมีเพียงกระจกแผ่นเดียวกั้นอยู่เท่านั้น ส่วนผิวน้ำของสระว่ายน้ำก็อยู่ในระดับเดียวกับท้องทะเลด้วย
เมื่อก่อนฉินสือโอวเคยเห็นสระว่ายน้ำแบบนี้แต่เพียงในโทรทัศน์เท่านั้น เมื่อเป็นแบบนี้ทำให้เขารู้สึกสนใจขึ้นมา เขาสวมกางเกงว่ายน้ำลงไปในสระ ที่สระว่ายน้ำนี้ยังสามารถสัมผัสกับคลื่นทะเลได้เหมือนกับอยู่บนทะเลอีกด้วย
แสงอาทิตย์แผดเผาจนน้ำในสระว่ายน้ำร้อนระอุไปแล้ว หลังฉินสือโอวลงน้ำแล้ว ก็ปล่อยจิตสำนึกแห่งโพไซดอนออกไปในทะเลอย่างที่ทำประจำ แต่กลับพบว่าใต้ท้องทะเลรอบๆ นั้นไม่มีอะไรเลย มีแต่เพียงก้อนหินเม็ดทรายเท่านั้น
ฉินสือโอวเข้าใจในทันที เพื่อเป็นการคุ้มครองนักท่องเที่ยว ใต้ท้องทะเลรอบๆ บริเวณรีสอร์ตจึงถูกเก็บกวาดไปหมดแล้วนั่นเอง ก็เหมือนกับที่อัลเบิร์ตวางแผนจะทำกับฟาร์มปลาแกธเธอริงนั่นแหละ ท้องทะเลแบบนี้ไม่มีทั้งสาหร่ายและหญ้าทะเล ทำให้ไม่มีปลามาอยู่อาศัย จึงไม่มีพวกแมงกะพรุนกับงูทะเลด้วย
จำนวนของแมงกะพรุนและงูทะเลที่ถูกฆ่าตายในออสเตรเลียนั้นสูงที่สุดในโลก น่านน้ำรอบๆ นี้ไม่ปลอดภัยเป็นอย่างมาก ทุกปีจะต้องมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อยกว่าสิบคนเลย
………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset