ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 946 คืนที่หนึ่ง

ชุดที่ฮามานแดนสวมคือชุดพื้นเมืองสีขาวของมุสลิมในตะวันออกกลางเหมือนกับอาฟิฟ โพกผ้าลายตารางไว้บนหัว หน้าตาหล่อเหลาเฉียบคมได้รูป ดวงตาลึกเช่นเดียวกับน้องสาวของเขา คิ้วสวยชูชัน รูปร่างสูงโปร่ง ไม่เสียชื่อผู้ชายที่หล่อที่สุดของตะวันออกกลาง
“สวัสดี ฉิน” ฮามานแดนจับมือกับฉินสือโอว แล้วก็ไปตามน้องสาวมา แล้วทั้งสองคนก็พูดคุยกันด้วยภาษาอารบิกขึ้นมา
เห็นได้ชัดว่า ฮามานแดนไม่เหมือนกับอาฟิฟลูกพี่ลูกน้องของเขา การปฏิบัติต่อคนนอกของเขานั้นยังคงเย็นชาอยู่บ้าง
ฉินสือโอวไม่สนใจ ในสายตาคนอื่นตัวเขาเองก็เป็นแค่คนเลี้ยงปลาเท่านั้น ฐานะและสถานะของทั้งสองนั้นไม่เท่ากัน ไม่มีเหตุผลที่จะมาคุยเล่นกันอยู่แล้ว
อาฟิฟอธิบายให้ฉินสือโอวฟัง ว่าฮามานแดนก็เป็นคนแบบนี้แหละ จะค่อนข้างอายต่อหน้าคนแปลกหน้า ฉินสือโอวยิ้มออกมา พูดชมถึงความหล่อของฮามานแดนและความสวยของซาลามาห์ด้วยน้ำเสียงนอบน้อม จากนั้นก็ยกเรื่องงานประมูลขึ้นมาพูด
ครั้งที่แล้วเบลคได้ขายภาพชื่อดังของแวนโก๊ะให้กับอาฟิฟไป หลังจากนั้นทั้งสองก็ยังคงติดต่อกันอยู่บ้าง ดังนั้นการประมูลยุทธนาวีครั้งนี้ จึงแจ้งให้กับอาฟิฟรู้ก่อนเพื่อถามว่าเขาสนใจยุทธนาวีชิ้นนี้หรือเปล่า
และอาฟิฟก็สนใจจริงๆ เบลคเคยพูดไว้ว่าฉินสือโอวเป็นเจ้าของสมบัติที่ถูกค้นพบพวกนี้ อาจจะเป็นเพราะเหตุผลนี้ด้วย อาฟิฟจึงมองฉินสือโอวว่าอยู่ในระดับสูงขึ้นมาบ้าง ไม่อย่างนั้น แม้ว่าเขาจะเข้ากับคนเก่งแค่ไหน ก็ไม่มีเหตุผลที่จะรู้สึกดีกับฉินสือโอวขนาดนี้
อาฟิฟบอกว่าเขาอยากซื้อยุทธนาวีรอบนอก ฉินสือโอวไม่เข้าใจ ถามว่าทำไมต้องซื้อของสะสมมากมายขนาดนี้
เมื่อได้ยินความสงสัยของเขา อาฟิฟก็หัวเราะออกมาแล้วพูดว่า “คุณคิดว่าผมซื้อของพวกนี้ไว้ใช้เองเหรอครับ? ไม่ๆๆ เพื่อนฉิน มีของมากมายที่แค่ฝากผมซื้อเท่านั้น เพราะผมมีความรู้ด้านนี้อยู่บ้าง ดังนั้นเมื่อมีญาติพี่น้องสนใจ ก็จะมาให้ผมช่วยซื้อให้”
 “ภาพ ‘อาทิตย์อัสดงที่มงต์มาจูร์’ ของงานครั้งก่อน ผมก็ซื้อแทนฮามานแดนนั่นแหละ พ่อของเขาชอบภาพวาดของแวนโก๊ะ ฮามานแดนจึงซื้อมาเป็นของขวัญให้พ่อของเขา ส่วนยุทธนาวีในครั้งนี้ ก็เป็นของที่คุณลุงที่ชื่นชอบยุคการสำรวจบนทะเลสนใจอยากจะซื้อ”
ฉินสือโอวเข้าใจในทันที ยุทธนาวีเป็นหนึ่งในสินค้าหลักของการประมูลรอบฤดูใบไม้ผลิของเบลค หากว่าเขายอมขายนอกรอบให้กับอาฟิฟ จะต้องทำให้งานประมูลได้รับผลกระทบไปด้วยแน่ เขาจึงอธิบายกลับไปว่า เขาขอกลับไปปรึกษากับเบลคก่อน หากว่าไม่มีปัญหาอะไรก็จะขายให้เขาทันที
หลังคุยเรื่องพวกนี้กันอย่างคร่าวๆ ฉินสือโอวก็ทำท่าขอตัวจากอาฟิฟ แล้วไปหาพวกบิลลี่แล้วกลับไปที่วิลล่ากัน
ในระหว่างการสนทนานั้น เขากับเจ้าชายขี่ม้าขาวของตะวันออกกลางพูดคุยกันแค่ประโยคเดียว “สวัสดีครับ” “สวัสดีครับ” เท่านั้น
กลับถึงวิลล่าเปิดประตูแล้ว สิ่งที่พวกฉินสือโอวเห็นเป็นสิ่งแรกก็คืออาหารมากมายที่ถูกจัดไว้บนโต๊ะในห้องรับแขก
เกรตแบร์ริเออร์รีฟอยู่ติดทะเล อาหารที่มากที่สุดจึงเป็นอาหารทะเลเป็นธรรมดา มีทั้งกุ้ง หอยนางรม ล็อบสเตอร์ กุ้งเครฟิชและหอยแครงที่ทั้งสดและรสชาติหวานหอม พร้อมทั้งกุ้งปูอีกหลายๆ อย่าง เรียกได้ว่ามีทุกอย่างที่อยากได้ก็ว่าได้ แต่ละจานได้ทำการปรุงมาอย่างพิถีพิถัน รสชาติไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร แต่มองดูจากสีสันหน้าตาแล้วล้วนเป็นอาหารระดับสูงทั้งนั้น
นอกจากนี้แล้วยังได้เตรียมอาหารอีกหลายอย่างที่ทำมาจากเห็ดหอมอีกด้วย ตอนที่เพิ่งมาถึงที่นี่ฉินสือโอวได้ทำการหาข้อมูลมาบ้างแล้ว เพราะเกรตแบร์ริเออร์รีฟเป็นเกาะที่อยู่ในสภาพอากาศป่าฝนเขตร้อน ในป่าจึงอุดมสมบูรณ์ไปด้วยเห็ดนานาชนิด เป็นของที่มีชื่อเสียงในท้องถิ่นมาก
เหมาเหว่ยหลงหยิบไวน์แดงขึ้นมาดูขวดหนึ่ง ผิวปากทีหนึ่งแล้วพูดว่า “ไวน์สำหรับมื้ออาหารของโรงไวน์ชาโต เปตรุส บริษัทเอ็กซ์เพรสนี่เงินหนาจริงๆ ไวน์ขวดนี้ราคาเท่าไร? ราคาหลายหมื่นหยวนเลยหรือเปล่า?”
ฉินสือโอวไม่สนใจไวน์แดง ตอนนี้เป็นเวลาหิวโหย จึงนั่งลงและเริ่มกินทันที
กินข้าวเสร็จพักผ่อนไปหนึ่งชั่วโมงกว่า บิลลี่ก็ชวนฉินสือโอวออกไปวิ่งออกกำลังกาย ฉินสือโอวปัดมือ แล้วพูดว่า “นายไปเองเถอะ ฉันถนัดออกตอนเช้ามากกว่า ไม่ชินกับการออกกำลังกายตอนดึก”
“นายไม่ได้ไม่ชินกับการออกกำลังกายตอนดึกหรอก ก็แค่การออกกำลังกายตอนดึกของนายไม่ใช่การวิ่งเฉยๆ ถ้าฉันมีแฟนสาวอย่างวินนี่แล้วล่ะก็ ฉันก็ไม่ออกไปวิ่งตอนกลางคืนเหมือนกัน” เบลคพิงตัวอยู่บนโซฟาด้านหลังฉินสือโอวแล้วพูดพร้อมหัวเราะ
คนอื่นๆ ก็หัวเราะร่ากันออกมา บิลลี่พูดว่า “พวกนายก็พาเพื่อนสาวมาด้วยไม่ใช่เหรอ? งั้นก็ไปออกกำลังกายในห้องแล้วกัน ฉันจะไปวิ่งข้างนอกเสียหน่อย บางทีฉันอาจจะเจอกับภรรยาที่พระเจ้าทรงเตรียมไว้ให้ก็ได้”
แบรนดอนที่กำลังดูมือถืออยู่นั้นไม่รู้ว่ากำลังคุยอะไรอยู่ สีหน้าอิ่มเอิบเป็นที่สุด เดี๋ยวก็ดีใจเดี๋ยวก็ส่ายหัวแล้วถอนหายใจ พวกของฉินสือโอวแอบไปยืนมุงข้างตัวเขาแล้วเขายังไม่รู้ตัวเลย ยังคงพิมพ์ข้อความต่อด้วยหน้าตาระรื่นอยู่
ฉินสือโอวแอบมองมาจากข้างหลัง เห็นว่าแบรนดอนกำลังบ่นถึงเรื่องค่ำนี้ว่าต้องไปฟังรายงานทำให้ไม่อยากอาหารจึงไม่ได้กินอะไร อีกฝ่ายก็ส่งรูปมื้ออาหารมาให้เขารูปหนึ่ง มีสลัดผลไม้กับสปาเกตตี จากนั้นก็ส่งอิโมจิรูปปวดใจมาให้เขา
แบรนดอนในตอนนี้หน้าระรื่นขึ้นไปอีก นิ้วมือกดรัวๆ ไปบนหน้าจอมือถือ สงสัยคงเริ่มจะเล่นบทอ้อนแล้ว
สุดท้ายเบลคก็มาแอบดูด้วย เขาดูแวบเดียวแล้วก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาแล้วพูดว่า “นายนี่มั่วเก่งจริงๆ สารเลว นายไม่ได้กินมื้อเย็นเหรอ? ล็อบสเตอร์สองตัว กับซุปเนยเห็ดอีกหนึ่งถ้วยนั่นเข้าไปในท้องหมาแทนหรือไง?”
แบรนดอนตกใจกับเสียงของเบลค พอเงยหน้ามาก็เห็นคนทั้งกลุ่มกำลังล้อมตัวเขาไว้แล้วก็โกรธขึ้นมา ทั้งต่อยทั้งถีบให้พวกเขารีบหลีกไป
ฉินสือโอวมองไปที่เบลคอย่างไม่พอใจ เขายังไม่ทันรู้เลยว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใครมาจากไหนนี่นา
เขาบ่นเบลค เบลคจึงเข้าไปแย่งมือถือของแบรนดอนมา ทำเอาแบรนดอนตกใจสุดขีด ตะโกนออกมาว่า “อย่าเล่นนะ ฉันกำลังตั้งใจคุยอยู่ จริงๆ นะ ฉันมีความรู้สึกที่ดีกับเธอมาก!”
“เธอเป็นใคร?” ฉินสือโอวได้ทีถามออกไป
เบลคยังคงก่อกวนไม่หยุด ตอนนี้แว่นตาสายทองคำของเขาได้หล่นลงไปแล้ว เขากำลังปกป้องมือถืออย่างสุดชีวิตเลย
เมื่อเห็นแบรนดอนมีท่าทีจริงจังมาก เบลคจึงหยุดแล้วถามออกไปว่า “นายหมายความว่าอะไร? กำลังมีความรักจริงเหรอ?”
แบรนดอนโล่งใจขึ้นมา เขาก้มลงไปมองบนหน้าจอ พิมพ์ตอบไปประโยคหนึ่ง จากนั้นก็ยักไหล่แล้วพูดว่า “ฉันเองก็อายุมากแล้วไม่ใช่เหรอ? เมื่อก่อนฉันไม่ได้เจอคนที่ถูกใจสักที แต่ว่าเมื่อวานฉันได้รู้จักผู้หญิงคนหนึ่ง พวกเราคุยกันถูกคอมากจริงๆ เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ทำไมจะไม่อยากรู้จักมากขึ้นล่ะ?”
เขาเพียงเอ่ยออกมาไม่กี่คำ แต่ฉินสือโอวก็จับข้อความที่มีประโยชน์ได้ทันที จึงพูดออกไปอย่างประหลาดใจว่า “แอร์โฮสเตสสาวบนเครื่องบินคนนั้นเหรอ?!”
แบรนดอนบอกว่าเป็นผู้หญิงที่เจอกันเมื่อวาน แต่เมื่อวานฉินสือโอวก็อยู่กับเขาตลอด ผู้หญิงแปลกหน้าที่พวกเขาเจอ ก็มีแค่แอร์โฮสเตสสาวสี่คนนั้นเท่านั้น และแบรนดอนก็ได้ยื่นมือไปช่วยแอร์โฮสเตสสาวสวยคนหนึ่งไว้ด้วย
เมื่อฟังคำพูดประโยคนี้ของฉินสือโอว แบรนดอนก็มีสีหน้าเคร่งเครียดทันที แล้วด่าออกไปว่า “ฟัค ปากโง่ๆ ของฉัน!”
เบลคกลับเต็มไปด้วยสีหน้าอมทุกข์ เขาชี้ไปที่แต่ละคนแล้วพูดว่า “นาย วินนี่ นาย หลิวซูเหยียน นาย แอร์โฮสเตส นาย อยู่ในช่วงละเว้น ให้ตายเถอะ! แล้วฉันจะทำอย่างไร? ต่อไปใครจะไปจีบสาวเป็นเพื่อนฉันล่ะ?”
บิลลี่มองไปที่เบลคอย่างเห็นใจ แล้วพูดว่า “เพื่อน เลิกเล่นได้แล้ว ไปหาคนที่สามารถอยู่กับนายทั้งชีวิตเถอะ ดีไหม? นายต้องกลับตัวกลับใจได้แล้ว”
“คนกลับตัวกลับใจเอาทองมาแลกก็ไม่ยอม (คนกลับตัวกลับใจคือคนที่มีค่ามาก) สำนวนประเทศของฉันเอง” เหมาเหว่ยหลงพูดพร้อมรอยยิ้ม
ฉินสือโอวบอกว่า “ว่าเขาแบบนี้ก็ไม่ถูก สำหรับเบลคแล้ว น่าจะเหมาะกับคำว่าวางดาบในมือแล้วบวชเป็นพระมากกว่า!”
เบลคมีสีหน้าปวดใจออกมา จากนั้นก็เรียกเพื่อนสาวที่เขาพามาด้วยกลับห้องตัวเองไป ส่วนจะไปทำอะไรนั้น คนทั้งกลุ่มใช้ก้นคิดก็ยังคิดได้
………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset