ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 948 พรหมลิขิตหมื่นลี้

ฉินสือโอวค่อนข้างชื่นชมลักษณะนิสัยของนิกกี้ แล้วเมื่อไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันแล้ว เขาจึงยักไหล่เพื่อบอกว่าตามสบาย ตัวเขาวางท่อนไม้ลง แล้วเดินมุ่งหน้าไปทางชายหาดแทน
ชายหาดของเกาะเกรตแบร์ริเออร์รีฟนั้นเป็นดั่งผืนฟ้าสีขาวบริสุทธิ์ คลื่นทะเลม้วนตัวซัดเข้ามา นำพาเอาหินกรวดที่ขรุขระกลับไป เหลือไว้เพียงแต่เม็ดทรายละเอียดเม็ดเล็กไว้ หินกรวดถูกคลื่นซัดจนละเอียดแล้วก็ถูกพัดกลับมาบนชายฝั่ง สุดท้ายจึงก่อรวมกันเป็นชายหาดทรายละเอียดผืนนี้
ตอนที่ฉินสือโอวเดินไปบนชายหาดนั้น ก็มีคนรีบนำแว่นกันแดดมาให้เขาทันที พร้อมกับพูดแนะนำเขาอย่างเป็นมิตรว่า “คุณผู้ชายครับ ที่นี่เหมาะกับการเดินเท้าเปล่ามากนะครับ เพราะชายหาดที่นี่นุ่มมาก”
เมื่อมีคนพูดแนะนำแล้ว ฉินสือโอวจึงถอดรองเท้าออกมาถือไว้ในมือ แล้วเดินไปบนชายหาดอย่างสบายอารมณ์
มีเด็กกลุ่มหนึ่งกำลังวิ่งเล่นร้องตะโกนกันในจุดที่ไม่ไกลนัก พวกเขาพากันมุงตัวเข้ามาอย่างรวดเร็ว แล้วตะโกนด้วยเสียงตื่นเต้นดีใจออกมา
ฉินสือโอวเหมือนจะได้ยินเสียงคนตะโกนว่า ‘เต่าตัวใหญ่มากเลย’ เขาไม่ได้สนใจ ยังคงเดินทอดน่องไปบนชายหาดอย่างมีความสุข พร้อมดื่มด่ำกับความสบายของเท้าที่เหยียบลงไปในเม็ดทราย
เสียงตะโกนร้องของพวกเด็กๆ ดึงความสนใจของพวกผู้ใหญ่ไป มีพนักงานคนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไป แล้วตะโกนเสียงดังว่า “นี่คือเต่ามะเฟือง ทุกคนต้องอยู่ห่างๆ ไว้นะครับ พวกเราจะรีบจัดการเดี๋ยวนี้ ทุกคนห้ามเข้าใกล้นะ!”
ฤดูร้อนของออสเตรเลียจะสามารถพบกับเต่าทะเลได้ง่าย เพราะเต่าทะเลในซีกโลกเหนือมักจะหนีมาหลบหนาวกันในช่วงเวลาและสภาพอากาศแบบนี้ ดังนั้นในตอนแรกฉินสือโอวจึงรู้สึกว่าที่พวกเด็กๆ เห็นเต่าทะเลมาเกยตื้นนั้นเป็นเรื่องที่ธรรมดามาก
แต่ว่าตอนนี้ที่พนักงานพูดถึงเต่ามะเฟือง เขากลับรู้สึกแปลกใจขึ้นมา และอดคิดถึงเต่าที่อยู่ในฟาร์มปลาของเขาไม่ได้ จึงเดินเข้าไปดู
ความอยากรู้อยากเห็นของมนุษย์นั้นรุนแรงมาก จำนวนเด็กๆ ที่วิ่งเข้าไปดูเต่ามะเฟืองมีมากขึ้นเรื่อยๆ พวกผู้ใหญ่ก็วิ่งตามไปด้วยเช่นกัน ตอนที่ฉินสือโอวเดินไปถึง รอบๆ นั้นก็มีคนอยู่ถึงสี่ห้าสิบคนแล้ว
เขายืนมองดูอยู่ข้างนอก ก็พบว่ามีเต่ามะเฟืองจริงๆ มันคลานอยู่บนชายหาด กำลังส่ายหัวไปมาเพื่อมองคนที่มามุงมันจากรอบด้านอยู่
เมื่อได้เห็นเต่ามะเฟืองตัวนี้แล้ว ฉินสือโอวมีความรู้สึกคุ้นเคยกับมัน แล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่ามันเคยไปที่ฟาร์มปลาของตัวเองมาแล้วด้วย
เจ้าเต่ามะเฟืองตัวนี้ยืนขึ้นมา ขาทั้งสี่ของมันสั่นระริกไปมา หัวที่ยื่นออกมาก็ส่ายไปมาอย่างมีจังหวะ เมื่อเห็นท่าทางแบบนี้แล้ว ฉินสือโอวจึงตะโกนออกไปด้วยความแปลกใจว่า “เฮ้ย! นิโคลัส เจ้าซื่อ? ฮ้า บังเอิญจัง!”
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นจริงๆ นั่นแหละ ฉินสือโอวจำได้ว่าเจ้าหมอนี่ก็คือราชานักเต้นเจ้าซื่อที่โด่งดังในเวยป๋อนั่นเอง นึกไม่ถึงว่าแม้จะอยู่ไกลกันถึงสองหมื่นกิโลเมตร เขายังได้มาเจอกับเจ้านี่ที่ออสเตรเลียอีก
มีเด็กหนุ่มที่อยู่ข้างๆ คนหนึ่งอยากจะยื่นมือไปลูบเต่ามะเฟือง เจ้าซื่อเคยเจอกับผู้คนมามากมาย จึงมีนิสัยค่อนข้างเชื่อง มันไม่ได้อ้าปากไปกัดเด็กหนุ่มคนนั้น แต่ลดหัวลงต่ำให้เขาลูบแทน
แต่เด็กหนุ่มกลับนึกว่ามันเป็นสัตว์ขี้ขลาด จึงยื่นมือไปจับที่คอของมัน ทำท่าจะลากมัน แถมยังตะโกนออกไปเสียงดังอีกว่า  “ดูสิ ฉันจับมันได้แล้ว! ฉันจับมันได้แล้ว! มีใครกล้ามาลองอีกไหม?!”
เจ้าซื่อมีรูปร่างที่ใหญ่โต เต่ามะเฟืองเป็นเต่าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในสายพันธุ์เต่า อีกทั้งเจ้าซื่อนั้นค่อนข้างที่จะกินดีอยู่ดีแถมยังได้รับพลังโพไซดอนอีก ทำให้มีความยาวกระดองแนวตั้งมากกว่าหนึ่งจุดสองเมตร ตอนที่มันคลานอยู่บนพื้นนั้นมองไปราวกับเป็นโขดหินก้อนหนึ่งเลยทีเดียว น้ำหนักก็หนักมากด้วย
เต่ามะเฟืองมีลักษณะนิสัยเป็นมิตรแต่หน้าตากลับดูดุร้าย คนหนุ่มคนนี้คงอยากจะใช้เรื่องนี้เพื่ออวดความกล้าหาญของตัวเองต่อหน้าเพื่อนๆ จึงกำคอด้วยแรงที่เหมือนกับแรงดื่มนมเพื่อกักตัวเจ้าซื่อไว้
เจ้าซื่อนึกว่าตัวเองถูกโจมตี จึงอ้าปากแล้วกัดไปทีหนึ่ง
แรงจู่โจมของเต่ามะเฟืองไม่รุนแรง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกมันจะยอมให้ใครมารังแก ในมหาสมุทรนั้นแม้แต่ฉลามยังไม่กล้ามาหาเรื่องพวกมันเลย จากขนาดของเจ้าหมอนี่ ตัวใหญ่แรงเยอะ แถมในปากยังเต็มไปด้วยฟันที่ขึ้นถี่ยิ่งกว่าฟันของฉลาม บวกกับกระดองทั่วตัวอีก ช่างสมกับเป็นวีรบุรุษในมหาสมุทรที่สามารถต่อสู้ได้รุนแรงอย่างต่อเนื่องเสียจริง
แต่ก็เพราะเป็นตระกูลที่แข็งแกร่งแบบนี้นั่นแหละ ทำให้ตอนนี้พวกมันใกล้จะสูญพันธุ์แล้ว เทคโนโลยีของมนุษย์นั้นสร้างความสะดวกสบายให้ตัวเองได้จริง แต่กลับสร้างความเสียหายให้กับธรรมชาติค่อนข้างมาก
เด็กหนุ่มยื่นมือไปจับเจ้าซื่อแล้วถูกมันกัดเกิดขึ้นในช่วงพริบตาเดียว ฉินสือโอวจึงยื่นมือไปช่วยไม่ทันการณ์ ปากของเจ้าซื่อได้กัดลงไปบนฝ่ามือของเด็กหนุ่มแล้ว
เพียงครู่เดียว เด็กหนุ่มก็ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เขาร้องตะโกนออกมาพร้อมกับสะบัดมืออย่างไปมาอย่างแรง
เจ้าซื่อไม่ได้กัดไม่ปล่อยเหมือนตอนที่มันสู้กับฉลาม มันอ้าปากออก หันหัวแล้ววิ่งกลับไปในทะเลแทน ดูท่ามันคงรู้ว่าสถานการณ์ไม่สู้ดีแล้ว หากยังอยู่ต่อไปตัวเองคงได้รับอันตรายแน่
คนอื่นๆ ก็ไม่กล้าไปห้าม ต่างพากันตกใจแล้วหลบมันกัน ผิดกับพนักงานที่ไม่กล้าให้เต่ามะเฟืองหนีไปอย่างนี้แน่นอน เพราะไม่ว่าอย่างไรมันก็กัดคนแล้ว ดังนั้นจึงมีคนวิ่งเข้ามา ใช้สวิงจับปลาครอบไปที่เต่ามะเฟือง
ฉินสือโอวเดินเข้าไปจับไว้ที่ข้อมือของเด็กหนุ่ม เขามองดูคร่าวๆ แล้ว ความจริงก็ไม่เป็นอะไรมาก ก็แค่ถูกฟันถี่ๆ ของเต่ามะเฟืองงับโดนเท่านั้น แม้ว่ามือของเด็กหนุ่มจะถูกกัดจนหนังหลุดเลือดไหลดูน่ากลัว แต่ความจริงแล้วก็กัดโดนแค่ผิวชั้นนอกเท่านั้น ไม่ได้กัดไปจนถึงผิวชั้นใน
แต่เด็กหนุ่มไม่รู้เรื่องพวกนี้ เอาแต่แหกปากร้องออกไปอย่างสุดเสียง ไม่เหลือภาพความโอหังที่กำคอของเต่ามะเฟืองเมื่อกี้ไว้เลย ดูเหมือนกับเด็กผู้หญิงที่กำลังถูกรังแกมากกว่า
ฉินสือโอวปลอบเขาว่า “โอเคๆ เป็นลูกผู้ชาย แค่นี้ไม่เป็นไรหรอก ดูสิ แค่ฝ่ามือถลอกนิดหน่อยเอง กัดฟันแล้วไปทายาไม่นานก็หายแล้ว…”
ตอนที่เขากำลังปลอบเด็กหนุ่มอยู่นั้น ก็มีคนวิ่งเข้ามาอย่างร้อนรน ยื่นมือมาผลักฉินสือโอวออกไป ดึงตัวเด็กหนุ่มไว้แล้วพูดว่า “ลอว์สัน โอ้ ลูกชายฉัน! นี่ลูกเป็นอะไรไป? เกิดอะไรขึ้นกับฝ่ามือของลูก?!”
ผู้หญิงที่ตามหลังมาด้วยก็กรีดร้องเสียงดังด้วยว่า “รปภ. รปภ.! ให้ตายสิ ดูนี่สิ พวกนายทำงานกันอย่างไร? นี่มันเกิดอะไรขึ้น? เกิดอะไรขึ้นกับลูกของฉัน?”
การที่ถูกคนผลักออกนั้น ทำให้ฉินสือโอวรู้สึกไม่ค่อยพอใจ แต่เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมามองแล้วก็ยิ่งไม่พอใจขึ้นไปอีก ให้ตายสิ คนที่ผลักเขาเมื่อกี้ก็คือไอ้เจ้าอัลเบิร์ต ชัดเจนเลยว่าเด็กหนุ่มก็คือลูกชายของเขา
ก่อนหน้านี้พวกเขาเคยเจอกันบนเครื่องบินมาก่อน แต่พอเข้าไปในห้องสูทแล้วครอบครัวอัลเบิร์ตก็ไม่ค่อยออกมาสักเท่าไร เขาเองก็ไม่ได้สังเกตหน้าตาของเด็กหนุ่มด้วย ทำให้จำเขาไม่ได้ในทันที
เมื่อเรื่องเกี่ยวกับอัลเบิร์ต ฉินสือโอวจึงไม่อยากไปยุ่งอีก อัลเบิร์ตเองก็คงจะไม่อยากรับน้ำใจของเขาด้วย เผลอๆ อาจคิดว่าฉินสือโอวจ้องจะทำร้ายลูกของเขาก็ได้ เมื่อเป็นแบบนี้แล้วเขาก็ไม่อยากเข้าไปยุ่งด้วย จึงหันไปสนใจปัญหาของเจ้าซื่อแทน
เจ้าซื่อมีพละกำลังมาก แม้ว่าสวิงจับปลาจะหยุดมันไว้ได้ แต่แค่ขยับขาสั้นๆ ของมันไปมา ก็สามารถลากสวิงจับปลาไปได้อย่างรวดเร็ว
สวิงจับปลาเป็นเพียงด้ามพลาสติกที่มีตาข่ายติดอยู่ข้างหน้าเท่านั้น เป็นของที่ใช้มาจับพวกขยะและกุ้งปลาในทะเล พวกรปภ.ใช้สวิงพลาสติกนี้ครอบไปบนตัวเจ้าซื่อ แล้วออกแรงที่เหมือนแรงดื่มนมนั้นลากไว้ จึงสามารถหยุดเจ้าซื่อไว้ได้
ฉินสือโอวเข้าไปพูดว่า “ทุกท่านครับ เต่ามะเฟืองตัวนี้ตกใจมากแล้ว ทางที่ดีพวกเราควรจะปล่อยมันกลับไปในทะเล ให้มันออกไปหาที่ที่ปลอดภัยดีกว่านะครับ”
รปภ.ที่รูปร่างกำยำคนหนึ่งทำท่าทางเป็นนัยว่าขอโทษแล้วพูดว่า “ทำตามที่คุณขอไม่ได้ครับ คุณผู้ชาย เต่ามะเฟืองตัวนี้ทำร้ายคน พวกเราจำเป็นต้องจัดการมันครับ ถ้าหากปล่อยมันกลับไปในทะเล แล้วไปทำร้ายคนอีกจะทำอย่างไรครับ?”
คำพูดของรปภ.มีเหตุผล หากว่าฉินสือโอวอยู่ในจุดยืนของพวกเขา ก็คงคิดแบบนี้เหมือนกัน ความปลอดภัยของแขกต้องมาก่อน แค่เต่าทะเลตัวหนึ่งจะเป็นจะตายแล้วอย่างไร?
…………………………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset