ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 955 เป็นวีรบุรุษได้อย่างไร

หลังจากที่บิลลี่พูดคุยกับคนอื่นๆ อย่างสนุกสนานเสร็จ เขาก็เห็นเด็กชายร่างผอมคนหนึ่งกำลังชงชาอยู่ อีกทั้งฉินสือโอวก็กำลังดื่มน้ำชาด้วยใบหน้าอันขมขื่น นอกจากนี้ยังมีสาวสวยที่มองไปยังพวกเขาสองคนด้วยความสนอกสนใจ
“นิกกี้? เฮ้ เธอมาได้อย่างไรน่ะ?” บิลลี่มองไปยังเบลคแล้วพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้ม ฮิลตันเป็นสุภาพสตรีชาวอเมริกา แน่นอนว่าเขาที่เคยเป็นหนุ่มเพลย์บอยนั้นจะต้องรู้จักเธอ และแน่นอนว่า เธอไม่รู้จักเขา
‘สุภาพสตรี’ คำคำนี้ ในตอนนี้อาจจะสามารถทำให้หญิงสาวคนอื่นๆ ที่ต้องการมีชื่อเสียงทำให้เสียชื่อเสียงได้ อันที่จริงแล้วคำคำนี้เป็นคำที่มีมาตั้งแต่ในสมัยโบราณ จนมาถึงช่วงปี 1970 คำคำนี้จึงได้กลายมาเป็นคำสรรเสริญผู้คน ความหมายของคำนี้หมายถึงหญิงสาวผู้มีชื่อเสียง มีความสามารถ สง่างาม และมักจะออกงานสังคมบ่อยๆ เพราะเหตุนี้ พวกเธอจึงมักจะมีส่วนในการช่วยเหลือสังคม และกระตือรือร้นที่จะทำงานการกุศล ทำให้ชื่อเสียงของพวกเธอไปในทางที่ดีมาก
ชีวิตส่วนตัวของแพรีส ฮิลตันผู้มีชื่อเสียงนั้นมักจะยุ่งเป็นธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของการทำงาน ความสามารถและงานการกุศล หญิงสาวเหล่านี้จึงมีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก และสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ เพราะว่าสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศสังคมนิยม ใครจะไปสนใจว่าคุณจะนอนกับผู้ชายหรือผู้หญิงกี่คนกันเชียว?
แพรีสพยักหน้าเล็กน้อย พลางชี้ไปยังด้านข้างและพูดว่า “สวัสดีค่ะทุกท่าน ต้องขอโทษด้วยนะคะ ฉันอยู่ใกล้ๆ พวกคุณนี่เองค่ะ ตอนนี้ฉันเป็นเพื่อนบ้านพวกคุณแล้ว”
เหมาเหว่ยหลงพยักหน้า แล้วพูดกลับเบลคเสียงเบาว่า “ผมเห็นตั้งแต่วันที่คุณมาวันแรกแล้วค่ะ ตอนนั้นคุณกำลังอาบน้ำอยู่”
“นายเป็นพวกถ้ำมองเหรอ?” เบลคพูดออกมาด้วยสีหน้าตกใจ พลางกะพริบตาแสดงแววตาชื่นชมออกมา “ทำบ้าอะไรของนายน่ะ!”
เหมาเหว่ยผลักเบลคออก พลางพูดออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำ “พูดให้มันดีๆ หน่อย สระว่ายน้ำมันอยู่ด้านนอก กำแพงบ้านเราสองคนเชื่อมกัน”
พวกเขานั่งคุยกัน หลังจากนั้นเธอก็มองไปยังชายหนุ่มที่กำลังชงชาอยู่ด้วยแววตาสนอกสนใจ พลางถามออกมา “เด็กคนนี้คือใครเหรอ?”
ไวส์มองกลับไปยังคนกลุ่มนั้นแล้วพูดออกมาว่า “ผมชื่อไวส์ เป็นลูกศิษย์คนใหม่ของอาจารย์ฉิน! อะจารย์ อะจารย์ พวกเขาคืออะจารย์ลุงและอะจารย์อาของผมใช่ไหม?”
เมื่อได้ยินดังนั้น พวกเขาก็หัวเราะออกมาเสียงดังทันที บิลลี่มองไปยังฉินสือโอวแล้วพูดขึ้นว่า “นายยังรับลูกศิษย์อยู่อีกเหรอ? ก๊ากๆ คิดผิดหรือเปล่า นายรับลูกศิษย์มาทำไมกัน? เป็นเด็กขาดความรับผิดชอบหรือเปล่า?”
ฉินสือโอวขมวดคิ้วพลางโบกมือปัดไปมา แล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอันมีอำนาจว่า “หุบปากกันให้หมด! ต่อไปต้องระมัดระวังคำพูดที่จะพูดต่อหน้าลูกศิษย์ของฉัน!” หลังจากนั้นเขาก็หันไปอธิบายกับไวส์ว่า “อย่าไปสนใจคนพวกนี้เลย พวกเขาเป็นพวกโง่ทั้งนั้นแหละ ไม่ใช่อาจารย์ของนายหรอก พวกเราเป็นทายาทของรุ่นนะ”
ไวส์แสดงท่าทางออกมาด้วยความพึงพอใจ เขารินชาอีกแก้วหนึ่งพลางพูดว่า “อะจารย์ เชิญดื่มชาครับ!”
ฉินสือโอวยังคงมีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความขมขื่น เขารับถ้วยชามาแล้วยกขึ้นดื่มช้าๆ
เหมาเหว่ยหลงพูดออกมาด้วยความไม่พอใจว่า “เอาล่ะเจ้าคนเลว เด็กมันชงชาให้ ทำไมแกถึงทำท่าแบบนั้นล่ะ? นี่เป็นชาเพื่อเคารพอาจารย์ไม่ใช่เหรอ?”
ฉินสือโอวส่งสัญญาณให้ไวส์ชงชาให้เหมาเหว่ยหลงหนึ่งถ้วย จากนั้นเขาก็ยกชาขึ้นจิบหนึ่งอึก ทันใดนั้นประสาทสัมผัสทั้งห้าของเขาก็ตื่นตัวขึ้นทันที เขาพยายามที่จะกลั้นไม่ให้ตัวเองต้องพ่นน้ำออกมา และยิ่งพยายามหนักยิ่งขึ้นเมื่อต้องกลืนน้ำชานั้นลงไป จนในที่สุดเขาก็ไม่สามารถเปิดปากของตัวเองได้
เวลาผ่านไปเนิ่นนาน เหมาเหว่ยหลงก็พูดออกมาอย่างทุกข์ใจว่า “นี่มันเค็มเกินไปแล้ว น้องชาย นายใส่ใบชาลงไปในกาเท่าไรกันเนี่ย?!”
ฉินสือโอวหยิบห่อใบชาห่อหนึ่งส่งให้กับเหมาเหว่ยหลง เมื่อเขาเปิดดู ใบชาที่หนักประมาณครึ่งกรัม ก็ได้หายไปหมดแล้ว…
พอถึงเวลาสองทุ่มกว่าโทรศัพท์มือถือของไวส์ก็ดังขึ้น พ่อของเขาโทรมาถามว่าเขาไปวิ่งถึงไหนกันแน่ เขาแลบลิ้นออกมาพลางพูดกับฉินสือโอวว่า “อะจารย์ ผมกลับก่อนนะครับ วันพรุ่งนี้ผมจะมาหาใหม่ พวกเราจะเริ่มฝึกกังฟูกันเมื่อไหร่ดีครับ?”
ฉินสือโอวถอนหายใจออกมา แล้วพูดว่า “พรุ่งนี้เช้า ฉันจะพานายไปออกกำลังกายตอนเช้า”
เมื่อรับลูกศิษย์มาแล้ว เขาก็ต้องดูแลให้ดีเสียหน่อย ฉินสือโอวโทรบอกวินนี่เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวินนี่ได้ฟังเธอก็รู้สึกมีความสุข เธอบอกว่าเมื่อลูกของเธอคลอดก็จะให้ลูกเรียนกังฟูกับเขาด้วยเหมือนกัน แบบนี้ไม่แน่ว่าเขาอาจจะเปิดสำนักในแคนาดาก็ได้
หลังจากวางสาย ฉินสือโอวก็ไม่ได้ส่งจิตสำนึกแห่งโพไซดอนลงไปยังทะเลอีก แต่กลับเข้าอินเทอร์เน็ตค้นหาเกี่ยวกับทักษะกังฟูเบื้องต้น
ไวส์เป็นเด็กที่ร่างกายค่อนข้างอ่อนแอ ดูจากสีหน้าและท่าทางก็สามารถดูออกได้ทันที นอกจากนี้เขายังบอกว่าอีกว่าเมื่อครูสอนพละเห็นรายงานสมรรถภาพร่างกายของเขา ครูก็บอกว่าไม่มีทางช่วยจัดแผนการออกกำลังกายให้เขาได้ เพราะโดยปกติแล้วเขาจำเป็นจะต้องกินยาทุกวัน
เพราะแบบนี้ ฉินสือโอวก็ยิ่งมีร่องรอยในการติดตาม เขาทำการค้นหาและเตรียมการอย่างมีเป้าหมาย
เช้าตรู่เวลาตีห้า พระอาทิตย์พึ่งจะขึ้นมาจากขอบฟ้า ไวส์ออกมาวิ่งแล้ว ใบหน้าของเขาเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ เส้นผมสีบลอนด์สะบัดไปมา เมื่อรวมกับเอวและแขนขาที่เล็กของเขาแล้ว ท่าทางก็ดูน่ารักอยู่นิดหน่อย
โชคดีที่ฉินสือโอวแอบมาวิ่งเองแล้วแต่เช้า ไม่อย่างนั้นวันนี้เขาคงขายหน้าเป็นแน่ ไม่คิดเลยว่าไวส์จะเป็นคนที่มีพลังขนาดนี้
เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าส่งให้ไวส์เช็ดเหงื่อ แล้วพูดออกมาว่า “ดีมาก ความกระตือรือร้นของนายทำให้อาจารย์พอใจมาก ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ถือว่านายได้เป็นศิษย์อย่างเป็นทางการแล้ว นายจะได้เริ่มเรียนกังฟูกับอาจารย์”
“พวกเราจะเรียนอะไรกันก่อนเหรอครับ?” ไวส์ถามออกมาอย่างตั้งหน้าตั้งตารอ
ฉินสือโอวมองไปยังไวส์แล้วพูดว่า “ไวส์ ตอนนี้ร่างกายของนายค่อนข้างอ่อนแอ ไม่สามารถเรียนท่ากังฟูที่ยากเกินไปได้ เช่นพวกท่าดรรชนีวชิระเทวราช ดาบเปลวเพลิง วชิระอันแข็งแกร่ง ท่าพวกนี้นายยังเรียนไม่ได้”
ไวส์รู้สึกผิดหวังขึ้นมาทันที แต่เขาก็พูดขึ้นมาอย่างตื่นเต้นว่า “อะจารย์ ท่าพวกนี้คุณทำได้ไหมครับ?”
“ใช่แล้ว ‘อาจารย์’ ไม่ใช่ ‘อะจารย์’ ถ้านายไม่ถนัดภาษาจีนก็พูดภาษาอังกฤษซะเถอะ” ฉินสือโอวแก้ไขคำพูดของเขา เพราะเขาต้องการจะเปลี่ยนหัวข้อ เขาก็ไม่ได้สนใจเรื่องการเรียกชื่อเท่าไร
ไวส์ตอบอย่างหนักแน่นว่า “แบบนี้ไม่ได้ครับ ผมต้องการเรียกคุณเป็นภาษาจีน อะจารย์ แบบนี้ใช่ไหม?”
“อาจารย์! อา! อา!”
“ครับ อะจารย์ อา อา! ผมออกเสียงถูกไหมครับ อะจารย์?”
ฉินสือโอวมองไปยังพระอาทิตย์ที่ขึ้นทางตะวันออก ท่าทางของเขาดูเศร้าเล็กน้อย
“เอาล่ะ ฉันไม่ได้เป็นครูที่หัวโบราณ เรียก ‘อะจารย์’ ก็ได้ อีกอย่างฉันก็ไม่ได้สนใจเรื่องพิธีอะไรมากมาย” ฉินสือโอวต้องยอมรับสภาพไปด้วยความจำใจ
“แล้วพวกเราจะเรียนอะไรกันเหรอครับ?”
“ท่าพวกนั้นแข็งแกร่งเกินไป นายยังเรียนไม่ได้ ส่วนท่าที่อ่อนแอเกินไป ก็ไม่ได้อีก ถ้างั้นเก้าหยิ่นสุสานโบราณ ฝ่ามือลี้ลับ กระบี่มารพวกนั้นก็ผ่านไปก่อนแล้วกัน แล้วเรียนอะไรดีล่ะ? งั้นอาจารย์จะสอนวิชากังฟูที่กว้างขวางและลึกล้ำที่สุดของประเทศจีนให้แล้วกัน นั่นก็คือไท! เก๊ก!” ฉินสือโอวเน้นคำหลังทีละคำ
แต่ไวส์ไม่ใช่คนที่ถูกหลอกได้ง่าย เขาถามออกมาด้วยความสงสัยว่า “ไทเก๊กงั้นเหรอ? อะจารย์ เหมือนว่าผมจะเคยเรียนวิชานี้มาแล้วนะ ผมรู้มาว่า ไทเก๊กเป็นสิ่งที่คนแก่ๆ เขาฝึกฝนกัน เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงนี่ครับ?”
ฉินสือโอวพูกับไวส์ว่า “ไม่ผิด ไทเก๊กทำให้ร่างกายแข็งแรง แต่ว่าเฉินเจินบอกไว้ว่าอย่างไร?”
“กังฟูไม่ได้มีไว้เพื่อการแข่งขัน หรือต่อสู้ แต่มีไว้เพื่อทำให้ร่างกายแข็งแรง เพื่อจิตวิญญาณอันแข็งแกร่ง!” ไวส์รีบตอบกลับทันที เขาเป็นคนมีความจำดี สำหรับคำพวกนี้จากในภาพยนตร์ที่ฉินสือโอวจำไม่ได้เขากลับจำได้ขึ้นใจ
ฉินสือโอวพยักหน้าอย่างพอใจ แล้วพูดออกมาว่า “ใช่แล้ว และฉันจะบอกกับนายว่า ไทเก๊กของพวกเราแบ่งออกเป็นสองชนิดนั่นก็คือ ภายใน และภายนอก ไทเก๊กภายนอกเป็นสิ่งที่คนแก่ๆ เขาฝึกฝนกัน ส่วนไทเก๊กภายในนั้นจำเป็นที่จะต้องผสานกับทักษะในการหายใจ แบบนั้นก็จะกลายเป็นพลังอันยิ่งใหญ่”
ใบหน้าของไวส์เต็มไปด้วยความคาดหวัง
ฉินสือโอวยิ้มออกมา เขาลูบหัวเด็กหนุ่มตัวเล็กแล้วพูดออกมาว่า “อย่าดูถูกไทเก๊กเลย มีคำพูดหนึ่งในโลกของศิลปะแห่งการต่อสู้ บอกว่า ‘ราชวงศ์เหวินมีไท่จี๋คอยปกป้อง ราชวงศ์อู่ก็มีมวยแปดคอยดูแลจักรวาล’ แบบนี้นายก็รู้แล้วใช่ไหมว่าไทเก๊กร้ายกาจแค่ไหน?”
ไวส์พยักหน้าเบาๆ พลางพูดออกมาว่า “ผมรู้ครับ ผมต้องรู้แน่นอนอยู่แล้ว ความไม่มีก่อให้เกิดความเติมเต็ม ความเติมเต็มทำให้เกิดหยินหยาง หยินหยางทำให้เกิดสี่ปรากฏการณ์ สี่ปรากฏการณ์ทำให้เกิดแปดเอกลักษณ์ แปดเอกลักษณ์ทำให้เกิดสรรพสิ่ง ไทเก๊กถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องทั้งหมดนี้”
ประโยคนี้ เขาพูดด้วยภาษาจีนทั้งหมด! เป็นภาษาจีนกลางที่ได้มาตรฐานอีกด้วย!
แต่ว่า นี่เป็นสิ่งที่ฉินสือโอวนั้นคิดจะพูดเป็นสิ่งต่อไป เด็กคนนี้เรียนมาจากไหนกันนะ? ทำไมเขาถึงได้รู้เรื่องมากมายแบบนี้?
ทันใดนั้นท่านฉินก็รู้สึกปวดใจขึ้นมา เขารู้สึกว่าเด็กคนนี้หลอกไม่ได้ง่ายๆ จริงๆ
……………………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset