ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 966 ตราสำนัก

 
“ผมไม่ควรจะถูกมองว่าเป็นคนที่มีอะไรแอบแฝงหรือเปล่า?” ฉินสือโอวยิ้มกว้างพลางพูดออกมา
ฮามานแดนกางมือออกมา เหมือนเขาจะดูออกในเรื่องนี้ “จากที่พวกเราได้ยินข่าวมา คุณไม่ใช่คนแบบนั้น แต่ดูเหมือนว่าคุณจะชำนาญเรื่องการดูแลเด็กดีมาก ผมมองออก ตอนนี้ซาลามาห์ยอมรับในตัวคุณมาก”
ฉินสือโอวพูดออกมาว่า “เรื่องนี้ง่ายมากเลย คุณอย่ามองว่าเธอเป็นเด็กสิ แบบนั้นเธออาจจะยอมรับคุณก็ได้”
ฮามานแดนหัวเราะออกมาเสียงดัง “จะเป็นไปได้อย่างไร น้องสาวของผมเป็นเด็กคนหนึ่ง เวลาอยู่กับเธอเหมือนคุยกันคนละภาษา”
“คุณมาหาผม คงไม่ได้จะมาพูดคุยเรื่องจิตวิทยาทางอายุของน้องสาวคุณหรอกใช่ไหม?” ฉินสือโอวไม่อยากอ้อมค้อม จึงถามออกมาตรงๆ
ฮามานแดนชี้นิ้วขึ้นมาพร้อมพูดว่า “แน่นอนว่าไม่ใช่ ผมคิดว่าคุณกับน้องสาวของผมคุยกันถูกคอ และอีกอย่างท่านพ่อท่านแม่ของผมช่วงนี้ก็กำลังหาอาจารย์สอนภาษาจีนให้เธอ เพื่อเรียนภาษาจีน ศึกษาวัฒนธรรมจีน ผมรู้สึกว่าคุณเหมาะสมมาก คุณสนใจไหม? ผมสาบานต่อพระอัลเลาะห์เจ้าเลย การเป็นครูให้ซาลามาห์ มีอนาคตที่ไกลกว่าการทำฟาร์มปลาเยอะ”
ฉินสือโอวลุกออกจากเก้าอี้เตรียมเดินออกไป เขาทิ้งคำพูดไว้หนึ่งประโยคว่า “เรื่องที่จะให้ผมไปเป็นครูของซาลามาห์ผมไม่สนใจเลยสักนิด”
ฮามานแดนดึงเขาไว้ก่อน เขาพูดกลั้วหัวเราะว่า “ผมก็แค่พูดเล่นเอง อย่าคิดมากสิ อันที่จริงที่ผมมาหาคุณก็เป็นเพราะว่า คุณสมควรที่จะได้เป็นเพื่อนกับผม!”
ฉินสือโอวยังคงเตรียมจะเดินออกไป “คุณสนุกก็ดีแล้ว”
“หมายความว่าอะไร?” ฮามานแดนจ้องมองเขา “คุณเข้าใจความหมายแฝงในประโยคที่ผมพูดไปเมื่อกี้ไหม?”
ฉินสือโอวโบกมือปัดไปมา เขาต้องการหาที่สงบๆ ในการท่องโลกอินเทอร์เน็ตผ่านมือถือต่อ
เมื่อกลับมาถึงรีสอร์ตที่พัก ฉินสือโอวเดินเข้าห้องไปก็เห็นเด็กคนหนึ่งกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ที่โซฟา เด็กคนนั้นนั่งท่าทำสมาธิอยู่ เขาดูจริงจังราวกับกำลังปฏิบัติธรรมอยู่ คงจะเป็นไวส์ลูกชายของเจ้าพ่อค้าเหล็กอย่างแน่นอน
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของฉินสือโอว ไวส์ก็ลืมตาขึ้น เมื่อเห็นแน่ชัดแล้วว่าคือฉินสือโอวเขาก็พูดต้อนรับกลับว่า “อะจารย์ ในที่สุดคุณก็กลับมาแล้ว!”
ฉินสือโอวถามออกมาว่า “ทำไมนายยังไม่กลับบ้าน? พ่อนายต้องเป็นห่วงอยู่แน่ๆ”
ไวส์หัวเราะออกมาคิกคัก “ผมกลับไปทานข้าวมาแล้ว จากนั้นก็กลับมาฝึกลมหายใจเข้าออกตามที่คุณสอนต่อ อะจารย์ คุณสอนกำลังภายในผมใช่ไหม? ทำไมมันถึงได้ผลขนาดนี้กัน? ผมไม่เคยรู้สึกสบายตัวขนาดนี้มาก่อนเลย”
พูดจบ เขาก็ยังคงนั่งท่าทำสมาธิอยู่ที่โซฟาต่อไป
ฉินสือโอวพยักหน้าให้อย่างจริงจัง ในใจกำลังคิดหาวิธีที่จะทำให้เด็กดื้อเลิกที่จะอะไรๆ ก็นั่งสมาธิ การฝึก การออกกำลังกายเปลี่ยนเส้นเอ็น ไม่สามารถให้ผลอันน่ามหัศจรรย์ขนาดนี้ได้ ที่ไวส์รู้สึกว่าร่างกายของตนเองสบายขึ้น นั่นก็เป็นเพราะผลมาจากจิตสำนึกแห่งโพไซดอนต่างหาก
สำหรับพลังโพไซดอนในด้านนี้ ผลลัพธ์ที่ได้นั้นรวดเร็วทันตาเห็น
อ่านนิยาย
เด็กๆ ควรออกกำลังกาย แต่ดูเหมือนว่าตอนที่ฉงต้าเป็นเด็กมันจะออกกำลังกายมากไปเสียหน่อย แก่ตัวมาจึงไม่ขยับร่างกายไปไหนเลย แบบนี้ก็กลายเป็นเรื่องที่ไม่ดีเช่นกัน ฉินสือโอวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขานึกถึงหอยเบี้ยแผนที่ที่เขานำกลับมาด้วย จากนั้นเขาก็เอามันออกมาอย่างรวดเร็ว
เขายื่นหอยเบี้ยไปที่หน้าไวส์ พลางพูดขึ้นว่า “ดูสิ นี่คืออะไร?”
ไวส์มองไปยังหอยเบี้ยด้วยความสงสัย คิ้วทั้งสองข้างขมวดเข้าหากันราวกับกำลังครุ่นคิดหนัก จากนั้นเขาจึงพูดขึ้นมา “ดูโลกให้ดูทราย ดูทะเลให้ดูหอยเหรอครับ?”
ฉินสือโอมไม่เข้าใจความหมายของเขา จึงถามออกมาอย่างตกตะลึงว่า “อะไรนะ?”
ไวส์จับคางของตัวเอง ทั้งยังทำท่าราวกับกำลังครุ่นคิดอย่างหนักต่อไป จากนั้นเขาก็พูดขึ้นว่า “เข้าใจแล้ว อะจารย์ คุณอยากบอกผมว่า ผู้ที่ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ก็นิ่งดุจแผ่นผา ควรยอมรับที่จะใช้ชีวิตอย่างเงียบเหงาราวกับหอยที่อาศัยอยู่ใต้ก้นทะเลใช่ไหมครับ?”
ฉินสือโอวตอบกลับว่า “ฉันแค่อยากจะถามนายเฉยๆ ว่านายรู้จักหอยเบี้ยชนิดนี้หรือไม่! นายจะพูดอะไรให้มากความทำไมกัน?”
ไวส์พูดออกมาอย่างเศร้าสร้อยว่า “ผมนึกว่าคุณจะทดสอบความเข้าใจของผม ในนิยายมักจะเขียนไว้แบบนี้ไม่ใช่เหรอครับ?”
“แล้วนายรู้จักหอยเบี้ยชนิดนี้ไหม? ช่างเถอะไม่พูดแล้ว ฉันจะแนะนำให้นายฟังเอง นี่เป็นหอยเบี้ยแผนที่ ลายที่อยู่บนเปลือกของมันแปลกประหลาดมาก แสดงออกมาเป็นนัยถึงสวรรค์และโลก นายดูสิ ว่าลายบนหอยตัวนี้เป็นลายอะไร?” ฉินสือโอวถาม
ไวส์มองไปยังฉินสือโอวอย่างระมัดระวัง แล้วพูดออกมาว่า “อะจารย์ นี่เป็นการทดสอบความเข้าใจหรือเปล่าครับ?”
ฉินสือโอวชี้ไปที่เปลือกหอยแล้วพูดว่า “ช่างเถอะ ฉันถามตอบเองก็ได้ ลายบนเปลือกหอยนี้มีคำอยู่คำหนึ่ง อ่านว่า ‘หลิง’ เขียนด้วยตัวอักษรจ้วนเล็กโบราณ เป็นตัวอักษรที่มีประวัติมาอย่างยาวนานชนิดหนึ่งในประวัติศาสตร์จีน”
“หลิง? หลิงที่มาจากคำว่าตราสำนักเหรอครับ?” ไวส์ถามออกมาด้วยความสงสัย
ฉินสือโอวพยักหน้า เขายิ้มออกมาแล้วพูดว่า “ถูกต้อง เปลือกหอยถือเป็นของมีค่ามาช้านาน และเปลือกหอยอันนี้มีลวดลายคำว่าหลิงที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ และยังเป็นตัวจ้วนเล็กอีก นายรู้สึกว่ามันแปลกประหลาดหรือไม่?”
คลิกๆ
“แปลกจริงๆ ด้วย!” ไวส์ร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น “อะจารย์ นี่เป็นตราประจำสำนักของพวกเราเหรอครับ? เหมือนกับตราเพลิงศักดิ์สิทธิ์ของสำนักเคร่งศาสนาอย่างสำนักผาไม้ดำกับสำนักสุริยันจันทราใช่ไหมครับ?”
ฉินสือโอวพูดขึ้นด้วยความตกใจอย่างหนักว่า “นายรู้จักตราเพลิงศักดิ์สิทธิ์ด้วยเหรอ? แล้วยังรู้จักสำนักผาไม้ดำอีกเหรอ?”
ไวส์ตอบกลับว่า “แน่นอนครับ นี่เป็นสิ่งที่อาจารย์สอนภาษาจีนสอนให้ผม อะจารย์ นี่คือตราเพลิงศักดิ์สิทธิ์ของสำนักเราใช่ไหมครับ?”
ฉินสือโอวตอบกลับว่า “ใช่แล้ว นี่เป็นตราประจำสำนักของพวกเรา เอาล่ะ ศิษย์ข้า สิ่งนี้อาจารย์มอบให้แล้ว ต่อไปนายคือศิษย์คนสำคัญของสำนักของพวกเรา”
ไวส์รับเปลือกหอยมาด้วยความยินดี เขาตอบกลับเสียงดังว่า “อะจารย์ ศิษย์จะดูแลตราสำนักให้ดี! กลับไปผมจะให้พ่อเจาะรูให้ ผมจะห้อยมันไว้ที่อกทุกวัน เพื่อที่จะเตือนตัวเองว่าผมเป็นใคร!”
ฉินสือโอวรีบโบกมือปัดทันที เขาพูดขึ้นว่า “เรื่องนั้นไม่เป็นไรหรอก นายเก็บรักษามันไว้ให้ดีก็แล้วกัน ไม่ต้องพกติดตัวทุกวัน แบบนั้นมันหายง่ายและก็แตกง่าย สิ่งที่สำคัญ หากมันแตกแล้วบาดนาย พ่อนายเอาฉันตายแน่”
ไวส์พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง เขาวางหอยเบี้ยไว้ที่ด้านหน้า จากนั้นก็นั่งท่าขัดสมาธิฝึกลมหายใจต่อ
ฉินสือโอวโบกมือไปมาพลางพูดขึ้นว่า “เอาหอยเบี้ยกลับไปได้แล้ว ไปหาเพื่อนของนายสิ แล้วเอาหอยนี้ไปให้พวกเขาดู ให้พวกเขารู้ว่าตอนนี้นายได้กลายเป็นศิษย์ของสำนักของพวกเราแล้ว”
ในขณะที่ไวส์ลุกขึ้นเตรียมออกจากห้อง เขาก็พูดขึ้นมาอย่างลำบากใจว่า “แต่ว่า พวกเราชื่อสำนักอะไรเหรอครับ? อะจารย์ คุณไม่เคยบอกเรื่องนี้กับผมเลย”
ใช่แล้ว สำนักอะไรล่ะ? ฉินสือโอวยกมือขึ้นถูจมูกและเลื่อนไปเกาคิ้ว ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยคิดถึงคำถามนี้อย่างละเอียดเลย จึงตอบกลับว่า “คำถามนี้เดี๋ยวเราค่อยมาคิดกันทีหลัง นายแค่อวดเปลือกหอยของตัวเองก็พอแล้ว พวกเขาไม่เคยเห็นตัวอักษรจ้วนเล็กบนเปลือกหอยกันแน่นอน!”
เมื่อไวส์ออกไปแล้ว ฉินสือโอวก็โทรหาวินนี่ เขาบอกกับเธอว่าถ้าสองสามวันนี้ไม่มีอะไรก็จะกลับบ้าน พลางถามว่าที่บ้านมีเรื่องอะไรหรือไม่
วินนี่บอกว่าบ้านไม่มีอะไรผิดปกติ เขาไม่อยู่บ้านสองสามวัน เจ้าพวกตัวแสบกินอิ่มนอนหลับกันอย่างสบาย เพียงแค่ไม่มีใครมานอนเล่นกลิ้งเกลือกไปกับพวกมันเท่านั้น แต่ว่าถ้าหากเขากลับมาเร็ว แบบนั้นก็คงจะไม่ดีกับพวกมันแน่ๆ…
ฉินสือโอวตกอยู่ในสภาวะลำบากใจเขาอยากจะคุยโทรศัพท์กับวินนี่ต่อ แต่ปรากฏว่ามีสายอื่นแทรกเข้ามา เป็นสายจากเบลค พวกเขาโทรมาบอกว่าวันพรุ่งนี้พวกเขาได้ติดต่อทีมงานสองสามคนเพื่อที่จะไปยังป่าฝนหลังรีสอร์ตเพื่อสำรวจป่าแบบดั้งเดิม เลยมาถามว่าเขาจะไปด้วยกันไหม
ฉินสือโอวไม่ได้สนใจป่าฝนเท่าไหร่ จึงปฏิเสธไป แต่ว่าเบลคยืนยันว่าอย่างไรก็อยากให้เขาไปด้วย เพราะว่าตอนนี้ฉินสือโอวเริ่มมีชื่อเสียงในรีสอร์ตแห่งนี้แล้ว พวกเขาอยากจะยืมชื่อเสียงของฉินสือโอวในการดึงดูดผู้คน
………………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset