ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 969 นักล่า

ที่ตั้งของรีสอร์ตแห่งนี้อยู่ในทำเลที่ดีมาก ด้านหน้าเป็นมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ส่วนด้านหลังเป็นภูเขาลูกเล็ก รีสอร์ตแห่งนี้ตั้งอยู่ตรงที่ราบระหว่างภูเขาพอดี
ที่ราบนี้เป็นเส้นแบ่งเขต ด้านหน้าภูเขาจะเป็นรีสอร์ต ต้นไม้ที่นี่ยังมีจำนวนค่อนข้างน้อยและต้นเล็กอยู่ เลยภูเขาขึ้นไปทางด้านเหนือคือป่าดิบชื้นขนาดใหญ่
ที่เกรตแบร์ริเออร์รีฟก็มีการทำฟาร์ม ฟาร์มเหล่านั้นปลูกอ้อยเป็นจำนวนมาก ฉินสือโอวและพรรคพวกพากันขับรถขึ้นไปที่ทางเหนือของภูเขา พวกเขาสามารถเห็นไร่อ้อยขนาดใหญ่ตลอดสองข้างทาง อ้อยสีม่วงอ่อนเติบโตเต็มพื้นที่อย่างอุดมสมบูรณ์ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เต็มไปด้วยฟาร์มอ้อย
รถแฮมเมอร์ เอชทู ขับมาจอดยังแม่น้ำขนาดใหญ่สายหนึ่ง หัวหน้าทีมอย่างคาริสโบกมือให้หยุด ทุกคนลงมาจากรถแล้วล้อมวงกันที่ด้านหลัง คาริสกางแผนที่ออกแล้วอธิบายว่า “พวกเราอยู่ที่แม่น้ำที่ชื่อว่าแม่น้ำแบล็คฟิช อย่าพยายามลงไปในน้ำล่ะ ปลาปิรันยาไม่ได้มีอยู่แค่ที่อเมซอนเท่านั้น”
“ออสเตรเลียยังมีปลาชนิดนี้อยู่อีกเหรอครับ?” ชายวัยสี่สิบคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้นพลางหัวเราะออกมา
คาริสพยักหน้าให้อย่างจริงจัง “ปลาปิรันยาเป็นสัตว์ที่มีสายพันธุ์หลากหลาย ไม่ใช่ทุกสายพันธุ์จะกินคนเหมือนในละครในทีวีหรอกนะ แต่ว่าเพราะฟันอันแหลมคมของพวกมัน ก็คมพอที่จะทำร้ายร่างกายเราได้ อีกทั้งพวกมันยังมีปรสิตอยู่ที่ตัวอีกด้วย ผมคิดว่าพวกคุณคงไม่อยากเหมือนพวกที่อยู่ใน ‘เชื้ออสูรแพร่สยอง’ ที่มีแมลงอยู่ในเส้นเลือดน่ะ”
เบลคยิ้มให้ฉินสือโอว แล้วพูดออกมาเสียงเบาว่า “น่าคลื่นไส้ชะมัด!”
ละครโทรทัศน์ ‘เชื้ออสูรแพร่สยอง’ มีชื่อเสียงในอเมริกาเหนือเป็นอย่างมาก ฉินสือโอวไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แมลงน่าขยะแขยงมาก เป็นซอมบี้ยังดีเสียกว่า ทุกคนต่างเริ่มมองหน้ากันไปมา
หลังจากที่คาริสเอ่ยเตือนเขาก็พูดขึ้นมาอีกว่า “พวกเราจะเริ่มออกเดินทางจากแม่น้ำสายนี้ หลังจากนั้นก็จะไปทานอาหารกลางวันที่แม่น้ำอีกแห่ง ที่นี่เป็นสถานีปลายทาง ทานอาหารเสร็จพวกเราค่อยกลับมา ใช้เวลาไปกลับหนึ่งวัน ทุกคนไม่มีปัญหาใช่ไหม?”
“โอเค!” “ไม่มีปัญหา!” “เข้าใจ!”
ใบหน้าของคาริสปรากฏรอยยิ้มแข็งทื่อออกมาแล้วพูดว่า “หวังว่าทุกคนจะมีช่วงเวลาที่งดงามไปกับการเดินป่าฝนในครั้งนี้ แม้ว่าจะเหนื่อย แต่ว่าเชื่อผมเถอะ พวกคุณจะได้รับกำไร เพราะว่าที่นี่นั้นสวยงามมาก”
ที่แม่น้ำแบล็คฟิชมีสะพานอยู่แห่งหนึ่ง สะพานแห่งนี้เชื่อมต่อระหว่างอารยธรรมและความดึกดำบรรพ์เข้าด้วยกัน หลังจากที่ข้ามสะพานไป คาริสก็พูดขึ้นมาเสียงดังว่า “ทุกคนระวัง จากตรงนี้ไป พวกเราจะเข้าสู่ถิ่นทุรกันดารอันไร้ขอบเขตแล้ว ที่นั่นไม่มีสัญญาณโทรศัพท์และไฟฟ้า และไม่มีโรงแรมออนเซ็นหรูหราด้วย มีเพียงวัชพืช สัตว์ป่า ต้นไม้ ดังนั้นทุกคนต้องระวัง!”
“ผมรู้ว่าพวกคุณต่างก็เป็นผู้นำในแต่ละอุตสาหกรรม แต่ถ้าหากว่าพวกคุณอยากจะรักษาตำแหน่งของพวกคุณเอาไว้ ผมขอแนะนำให้พวกคุณตั้งใจฟังหัวหน้าของผมให้ดี” บอดี้การ์ดร่างใหญ่คนหนึ่งพูดพลางยิ้มเย็นออกมา
ฉินสือโอวยกนิ้วให้เขาแล้วพูดขึ้นว่า “พวกเราจะเป็นเด็กดี”
เหล่าบอดี้การ์ดหัวเราะกันออกมา พวกเขากลัวว่าเหล่าผู้นำแต่ละคนจะอวดฉลาดแล้วทำเรื่องวุ่นวายในป่าฝน หากเป็นแบบนั้นเหล่าบอดี้การ์ดอย่างพวกเขาจะต้องตกที่นั่งลำบากอย่างแน่นอน
เมื่อข้ามสะพานไปแล้วก็เป็นพื้นที่หญ้ากว้าง ฉินสือโอวพึ่งเคยเห็นจิงโจ้ในตำนานที่นี่ จิงโจ้ตัวใหญ่ตัวเล็กกระโดดโลดเต้นกันไปมาอย่างสนุกสนาน มีเพียงสองตัวที่กำลังกินหญ้าอยู่
เมื่อทุกคนเดินข้ามสะพาน หูของพวกมันสั่นไหวไปมา พวกมันมองมายังกลุ่มคนที่เข้ามาอย่างหวาดระแวง เตรียมพร้อมที่จะหลบหนีทันที
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉินสือโอวเห็นกระรอกพวกนั้นที่สูงราวเมตรกว่า ตัวเล็กๆ สูงไม่ถึงครึ่งเมตร หางใหญ่วางอยู่ที่พื้น ท่าทางดูหยิ่งยโสเป็นอย่างมาก
“จิงโจ้แดง โดยทั่วไปแล้วพวกมันจะหากินตอนเช้า ตอนเย็นและช่วงกลางคืน ช่วงกลางวันจะค่อนข้างเงียบสงบ ไม่มีท่าทีก้าวร้าว ทุกคนสามารถเดินผ่านไปอย่างสบายใจได้” คาริสอธิบายให้ฟัง เขาผิวปากออกมา จิงโจ้เหล่านั้นเมื่อได้ยินเสียงผิวปากพวกมันก็กระโดดหนีไป
ทุ่งหญ้าแห่งนี้มีเนื้อที่เพียงสิบกว่าเอเคอร์เท่านั้น จากนั้นก็กลายเป็นป่าทึบ ฉินสือโอวหยิบธนูขึ้นมาใส่ลูกธนูเตรียมไว้ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าตัวเองหายใจราบรื่นขึ้น ราวกับว่าปอดของเขานั้นเปิดอย่างเต็มที่
แน่นอนว่า นี่เป็นจิตวิทยาในใจเขา
ต้นไม้ที่เติบโตในป่าฝนออสเตรเลียล้วนเป็นต้นไม้ใหญ่ ดังนั้นแม้ว่ามันจะดูแน่นหนาอุดมสมบูรณ์ แต่ว่าพวกเขาก็เดินเข้าไปได้อย่างสบายๆ ช่องว่างระหว่างต้นไม้กว้างขวาง จึงทำให้เกิดทางเดินทางธรรมชาติขึ้น
รองเท้าทหารเหยียบลงบนกองใบไม้หนา ฉินสือโอวรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเดินอยู่บนเตียง เขาไม่ได้สบายเลยแม่แต่น้อย เพราะว่าเมื่อเหยียบลงไปบนพื้นที่ไม่แน่นทำให้รู้สึกไม่ค่อยมั่นใจในแต่ละก้าว
เมื่อเดินไปได้สักพัก คาริสก็เจอเข้ากับต้นไม้ขนาดใหญ่ต้นหนึ่ง ด้านบนต้นไม้มีผลไม้ลูกเล็กลูกใหญ่อยู่เต็มต้น เขาปีนขึ้นไปใช้มีดตัดมันสองสามลูก แล้วแจกจ่ายให้คนในกลุ่มพร้อมพูดขึ้นว่า “นี่คือผลลูกน้ำนม รสชาติไม่เลวเลย ทุกคนสามารถเติมน้ำและวิตามินจากมันได้”
ผลไม้ชนิดนี้มีรสหวาน เนื้อเยอะ ฉินสือโอวทานไปเพียงสองลูกก็รู้สึกอิ่มแล้ว ถ้าเอากลับไปด้วยได้คงจะดีมาก ฉงต้าจะต้องชอบทานผลไม้ชนิดนี้เป็นอาหารแน่ๆ
ในขณะที่คิดเช่นนั้น ฉินสือโอวก็ถามคาริส ว่าผลไม้ชนิดนี้สามารถปลูกที่แคนาดาได้หรือไม่
คาริสส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่ได้ แม้แต่ที่ไมอามีก็ไม่สามารถปลูกได้ ต้นลูกน้ำนมต้องการพื้นที่ที่มีอุณหภูมิสูงมาก ที่แคนาดาค่อนข้างหนาว แบบนั้นพวกมันจะแข็งตายแน่”
ฉินสือโอวกล่าวขอบคุณ จากนั้นก็มีบอดี้การ์ดคนหนึ่งนำผลไม้มาให้อีกจำนวนหนึ่ง คาริสหยิบมันขึ้นมาแล้วพูดขึ้นว่า “ผลไม้ชนิดนี้ทานได้ คนพื้นที่เรียกมันว่าทุเรียนเทศ ไม่สามารถโตได้ที่อเมริกาเหนือ หากชอบทานผลไม้ต้องลองทานดูนะ จำไว้ว่า ผลไม้ชนิดไหนที่ไม่ผ่านมือพวกเรา ห้ามทานเด็ดขาด!”
ทุกคนนั่งทานผลไม้กันที่นี่ เหล่าบอดี้การ์ดเลือกผลไม้ไว้จำนวนมาก หากทานไม่หมดพวกเขาก็จะโยนทิ้งทันที
ปรากฏว่าเมื่อผ่านไปครู่หนึ่ง ก็เกิดเสียงขยับของพุ่มไม้ดังออกมาไม่ไกล จากนั้นเสียงฝีเท้าหนักก็ดังขึ้นตามมา มีอะไรบางอย่างกำลังใกล้เข้ามา
เหล่าบอดี้การ์ดต่างพากันตื่นตัว คาริสชูกำปั้นขึ้นเรียกทุกคนมารวมตัว ฉินสือโอวหยิบธนูออกมา เขามองไปยังทางที่เกิดเสียงอย่างระมัดระวัง
ผ่านไปไม่กี่วินาที ก็เกิดเสียง ‘กึก กึก’ ดังขึ้น มีนกตัวใหญ่ตัวหนึ่งเดินมาด้วยเสียงฝีเท้าอันหนักหน่วง
ฉินสือโอวมองไปยังนกตัวใหญ่นั้นด้วยความตกใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นนกตัวใหญ่ขนาดนี้
นกตัวนี้สูงเกือบเท่ากับเขา คอยาว ที่บนหัวมีหงอนที่เหมือนพัดขนาดใหญ่ ผิวหนังของมันเป็นสีฟ้าซะส่วนใหญ่ ที่ด้านข้างและหลังคอของมันเป็นสีแดงอมม่วง ขนสีดำหนาปกคลุมทั่วตัวอันอ้วนท้วมของมัน ใต้คางของมันมีถุงสีแดงสดสองอันห้อยลงมา
“อ้อ เซ็ท พวกเรานี่โชคดีจริงๆ นี่คือนกแคสโซแวรี ทุกคนระวังให้ดี พวกมันถูกขนานนามว่าเป็นสัตว์ที่ขี้อาย หากไม่ถูกทำให้ตกใจก็จะไม่ทำร้าย แต่ถ้าพวกมันต้องการโจมตี แบบนั้นจะวุ่นวายแน่นอน” คาริสพูดขึ้น
นกแคสโซแวรีพวกนี้ถูกผลไม้ที่อยู่ตามพื้นดึงดูดมา มันส่งเสียงร้องออกมาสองสามรอบ จากนั้นก้มหัวลงทานผลไม้บนพื้น
บอดี้การ์ดคนหนึ่งพูดขึ้นว่า “หัวหน้า กำจัดมันเลยไหม?”
แบรนดอนยกมือขึ้นห้ามพลางพูดว่า “อย่าทำแบบนั้น เพื่อน พวกเราแค่มาเดินเล่นเท่านั้น ไม่ได้มาเพื่อล่า แล้วทำไมเราต้องทำร้ายสัตว์พวกนี้ด้วยล่ะ?”
บอดี้การ์ดพวกนั้นพูดว่า “ถ้าหากว่ามันทำร้ายคุณล่ะ ถึงตอนนั้นคงแย่แน่ พวกมันเป็นนกที่น่ากลัว มันวิ่งได้เร็วกว่าห้าสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง พวกมันมีขาที่แข็งแรงมาก หากมันออกแรงเต็มที่มันสามารถฆ่าคนวัยกลางคนได้เลยนะ! เห็นกรงเล็บของมันไหม? คมกว่ามีดเสียอีก พวกมันชอบทานเครื่องใน หลังจากเหยื่อถูกฆ่าแล้วพวกมันก็จะคว้านท้องเหยื่อเพื่อทานเครื่องใน”
บิลลี่พยักหน้าแล้วพูดว่า “นกแคสโซแวรีอันตรายมาก ผมเคยดูสารคดีเกี่ยวกับมันอยู่ครั้งหนึ่ง ในช่วงที่กองทัพสหรัฐอเมริกาและออสเตรเลียถูกส่งไปประจำการในนิวกินีช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ทหารบางคนไม่รู้ว่ามันทรงพลังมากแค่ไหน หลังจากนั้นพวกเขาก็ถูกพวกมันฆ่าตายอย่างน่าอนาถ!”
……………………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset