ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 983 ตัวขโมยไข่

ต้นสนยักษ์เป็นสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ที่สุดในโลกที่ยังคงมีชีวิตอยู่ แน่นอนว่าต้องเพิ่มข้อสันนิษฐานในการค้นพบไปอีกหนึ่งข้อ มหาสมุทรกว้างใหญ่และมนุษย์ก็ยังสำรวจไม่ได้ทั้งหมด ยังไม่รู้ว่าในทะเลลึกยังมีสัตว์ประหลาดยักษ์อะไรที่ยังไม่ได้ถูกค้นพบอีก
พูดถึงพวกต้นสนยักษ์แล้วหลายคนอาจจะตื่นเต้น เพราะมันเป็นหนึ่งในไม้มะฮอกกานี
เฟอร์นิเจอร์จากไม้มะฮอกกานีเป็นสินค้าระดับสุดยอดในหมู่เฟอร์นิเจอร์ ต้นสนยักษ์สูงร้อยเมตรเส้นผ่านศูนย์กลางสิบเมตรหนึ่งต้นสามารถทำเป็นเฟอร์นิเจอร์ไม้มะฮอกกานีได้เท่าไร? มีวัตถุดิบเยอะอย่างนี้ทำไมเฟอร์นิเจอร์ไม้มะฮอกกานีถึงยังแพงขนาดนั้น?
เหตุผลอยู่ตรงที่แม้ว่าต้นสนยักษ์จะจัดเป็นไม้มะฮอกกานีแต่มันไม่สามารถเอาไปทำเฟอร์นิเจอร์ได้ เพราะเนื้อไม้แตกง่าย ไม่เพียงแค่ไม่สามารถขัดเงาให้เป็นเฟอร์นิเจอร์ได้แต่ถึงขนาดที่ว่าไม่สามารถใช้เป็นวัสดุก่อสร้างได้เลย ประโยชน์ใช้สอยของไม้ประเภทนี้มักจะใช้ทำเป็นหลังคาไม้ รั้ว หรือไม้ขีดไฟ…
นอกจากนี้พวกมันยังใช้ประโยชน์ได้อีกอย่าง นั่นคือกลายเป็นรังของพวกอินทรีทอง อินทรีหัวขาวหรือแรปเตอร์!
ฉินสือโอวรู้มาตั้งนานแล้วว่าบนเทือกเขาเคอร์บัลมีป่าต้นสนยักษ์อยู่แต่เขายังไม่เคยเข้าไปสำรวจ ต้นไม้ชนิดนี้เติบโตรวดเร็วมากจนสามารถบดบังท้องฟ้าและแสงแดด ตั้งแต่เริ่มฤดูใบไม้ผลิ ในป่ามีความชื้นสูง มีใบไม้เน่าและแมลงเยอะ ทำให้เหล่านักท่องเที่ยวที่ขึ้นมาบนเขาต่างก็ถูกเตือนให้ออกห่างจากที่นี่
ในฤดูหนาวป่าต้นสนยักษ์จะโปร่งโล่งมากเพราะใบจะร่วงลงมาเหลือไว้แค่กิ่งแห้งๆ ตั้งตรงสูงตระหง่านเทียมเมฆอยู่บนภูเขาสูงคดเคี้ยว ต้นไม้แห้งหนาๆ ดูเหมือนปล่องไฟโรงงานเหล็กที่พุ่งทะยานขึ้นไป!
พ่อของฉินสือโอวเงยหน้ามองต้นไม้แล้วพูดพึมพำว่า “พระเจ้า ทำไมต้นไม้ต้นนี้ถึงสูงขนาดนี้! อายุเท่าไรเนี่ย? เสี่ยวโอว มิน่าล่ะแกมาที่นี่แล้วถึงไม่ยอมกลับบ้านเลย นี่จะพูดยังไงดี รักษาสิ่งแวดล้อมไว้ได้ดีจริงๆ!”
ฉินสือโอวหัวเราะแล้วพูดว่า “รักษาสิ่งแวดล้อมได้ดีแต่ไม่เกี่ยวกับต้นไม้ชนิดนี้หรอก ต้นไม้แบบนี้ใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้ สร้างบ้านก็ไม่ได้ทำเฟอร์นิเจอร์ก็ไม่ได้ ราคาในการโค่นก็แพง ใครจะไปสนใจมันกันล่ะครับ?”
เหมือนคำพูดที่ว่า ซื้อขายไม่ได้ก็ไม่มีการเข่นฆ่า แม้ไม่พูดถึงเรื่องราคาค่าโค่นที่แพง การโค่นไม้ชนิดนี้ก็อันตรายแถมยังเปลืองแรงมาก ต้นไม้ใหญ่ที่สูงเป็นสิบเมตรและยังเปราะบางโค่นโครมลงมา โดยปกติแล้วลำต้นจะเสียหาย ดังนั้นไม่ว่าจะทางรัฐบาลหรือส่วนบุคคลก็เลยไม่มีใครไปโค่นต้นสนยักษ์นี่
แน่นอนว่าก็ไม่มีใครไปปกป้องรักษามันด้วย
ตอนนี้ผู้คนตั้งเขตอนุรักษ์กันเยอะขนาดนี้ สัตว์ป่าและพืชหายากก็ล้วนต้องการการอนุรักษ์ อันที่จริงสัตว์และพืชมีชีวิตที่อึดทนมาก ถ้าไม่มีการรุกรานจากมนุษย์ก็ไม่จำเป็นต้องอนุรักษ์ พวกมันสามารถเจริญเติบโตเองได้เป็นอย่างดี
ที่พื้นของป่าต้นสนยักษ์เต็มไปด้วยใบไม้เน่าและหิมะ ที่นี่มีร่มเงาเยอะจึงยากที่แสงแดดจะส่องเข้ามาจึงทำให้หิมะหนามาก ฉินสือโอวก้าวเท้าเข้าไปข้างในยังไม่ทันถึงเข่า อีวิลสันก็รีบดึงเขาออกมา
แบบนี้คนในขบวนก็เข้าไปไม่ได้เลยไม่รู้ว่าบุชต้องการจะทำอะไร?
เบิร์ดเอากล้องส่องทางไกลออกมามองหาอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่งให้ฉินสือโอวพลางชี้ไปทางหนึ่ง “บอส ดูทางนั้น”
ฉินสือโอวมองเข้าไปในเลนส์ก็สามารถเห็นบุชได้อย่างชัดเจน นิมิตส์กำลังบินร่อนอยู่ในระยะสูงกว่าประมาณหนึ่ง บุชเกาะอยู่บนกิ่งไม้ใหญ่แต่ไม่รู้ว่าราชาซิมบ้าไปอยู่ที่ไหนแล้ว
พอหาเจ้าแมวป่าไม่เจอฉินสือโอวก็เริ่มร้อนรน เขาหาไปทั่วอยู่ครู่หนึ่งก็มองเห็นรังขนาดใหญ่รังหนึ่ง
รังนั้นใหญ่โตจริงๆ มันมีเส้นผ่านศูนย์กลางสองเมตร สูงหนึ่งเมตรครึ่ง ใช้กิ่งไม้ที่ตายแล้วมากองสุมกันเป็นทรงจาน หากมองอย่างละเอียดผ่านกล้องส่องทางไกลแล้วถึงได้เห็นพวกกิ่งไม้เล็กๆ ใบสน หญ้าและหนังสัตว์ที่ปูรองอยู่ในรัง
บนเทือกเขาเคอร์บัลจะมีนกอะไรที่สามารถสร้างรังได้สูงและใหญ่ได้ขนาดนี้? ฉินสือโอวนึกถึงนกอินทรีทองตัวที่ตีกับนิมิตส์จนตกที่นั่งลำบาก แต่ในที่สุดก็ถูกนิมิตส์จิกตาไปข้างหนึ่ง!
ตอนที่พวกเขามาปีนเขาเมื่อฤดูใบไม้ร่วงปีที่แล้วเคยเห็นนกอินทรีทองตาเดียวบินโฉบอยู่บนเทือกเขาเคอร์บัล มันยังหานกอินทรีตัวหนึ่งมาเป็นคู่ได้ด้วย ถ้าอย่างนั้นรังนี้ก็ต้องเป็นรังของพวกมัน
ฉินสือโอวยังค้นหาต่อไป หลังจากที่มองไปที่บุชและนิมิตส์ไม่กี่ครั้งเขาก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่าง นิมิตส์บินวนอยู่สูงบนท้องฟ้าราวกับกำลังเฝ้ายาม และบุชก็เกาะอยู่บนกิ่งไม้มองไปรอบๆ ด้วยสายตาที่มีเลศนัย ทำไมถึงดูเหมือนโจรเลย?
แย่ล่ะ ฉินสือโอวคาดเดาอะไรได้อย่างหนึ่งแล้ว เขาใช้กล้องส่องทางไกลมองไปที่รังทันที จากนั้นไม่นานเจ้าแมวป่าก็โผล่หัวอ้วนๆ ออกมา
มันกวาดตามองซ้ายขวาอย่างเหนียมๆ จากนั้นก็อ้าปากส่งเสียงให้บุชครั้งหนึ่ง บุชบินมาทันทีแล้วยื่นอุ้งเท้าด้านหยาบของมันจับหลังของเจ้าแมวป่าเอาไว้แล้วยกขึ้นมา
ฉินสือโอวมองดูอย่างตกตะลึง อุ้งเท้าทั้งสี่ของราชาซิมบ้ากอดไข่ใบใหญ่สีน้ำตาลเทาไว้ฟองหนึ่ง มันงอขาทั้งสี่เข้าข้างในเหมือนกับหนูที่กำลังขโมยไข่ไก่…
“เวรเอ๊ย แม่ง! ไอ้พวกตัวแสบ กลับไปฉันจะให้วินนี่ด่าพวกมันให้หูชาเลย! พวกมันกำลังขโมยไข่นกอินทรีทอง!” ฉินสือโอวด่าออกไปด้วยความโกรธราวกับเห็นลูกชายกำลังขโมยของคนอื่น
ไม่รักดี!
ระบายอารมณ์ออกไปแล้วฉินสือโอวก็รู้สึกไม่พอใจอีก แม่งเอ๊ย ตัวเองเป็นคนซื่อตรงมาตลอดไม่เคยคดโกงใคร วินนี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เด็กทั้งสี่คนมีวินัยในตัวเองมาก ถ้าอย่างนั้นพวกมันไปเอานิสัยที่น่าเกลียดแบบนี้มาจากไหน?
ได้ยินเสียงคำรามของฉินสือโอวคนในขบวนก็ล้อมรอบเข้ามาถามว่ามีอะไรเกิดขึ้น ในตอนนี้เองบุชก็บินลงมาช้าๆ อย่างระมัดระวัง อุ้งเท้าจับซิมบ้าไว้หลวมๆ แต่ระวัง ซิมบ้าตกใจจะตายอยู่แล้ว มันกอดขาที่มีไข่ใบใหญ่เท่าหัวเด็กเอาไว้สุดชีวิต
หลังจากบินลงมาแล้วบุชก็ตรงมาหาฉินสือโอว พ่อของฉินสือโอวเห็นภาพนี้แล้วก็ถาม “เจ้าสองตัวนี่ทำอะไรเหรอ? ทำไมท่าทางถึงเหมือนหนูขโมยไข่ไก่ขนาดนั้น?”
เมื่อครู่ฉินสือโอวด่าด้วยภาษาอังกฤษ พ่อของเขาเลยฟังไม่ออก
เป็นความจริง เมื่อตอนฉินสือโอวยังเด็กเคยเห็นหนูขโมยไข่ไก่ หนูตัวใหญ่สามารถทำได้อย่างในการ์ตูนจริงๆ มันใช้ขาสี่ขากอดไข่ไก่ได้อย่างน่าประหลาดใจ ส่วนอีกฝ่ายอ้าปากงับหางมันแล้วดึงเข้ารัง
ตอนนี้ซิมบ้าก็คือหนูที่กอดไข่ไก่ตัวนั้น บุชไม่ต้องลากเพราะมันจับบินเลย
ฉินสือโอวรีบอ้าแขนกอดแมวป่าไว้ บุชรอให้เขากอดได้ที่แล้วค่อยละอุ้งเท้าพร้อมกระพือปีกร้องด้วยท่าทางชอบใจ มันส่งเสียงสองครั้งแล้วบินขึ้นมาอีก
“กลับมา กลับมาหาฉัน!” ฉินสือโอวเรียก
แม่วป่าวางไข่นกอินทรีทองในอ้อมกอดแล้วรีบร้อนมุดเข้าไปในฮู้ดของเขา มันโผล่หัวออกมาดู พอเห็นว่าบุชบินลงมาก็รีบซุกตัวเข้าไปในฮู้ด เห็นได้ชัดว่าถูกบุชปู้ยี่ปู้ยำจนแย่แล้ว
ฉินสือโอวโกรธมากเลยด่าออกไป “ไอ้พวกตัวแสบไปเรียนรู้การขโมยของคนอื่นมาได้ยังไง? กลับไปจะให้วินนี่สั่งสอนให้หนักเลย!”
เบิร์ดมองไข่นกใบนี้แล้วพูด “นี่คือไข่นกอินทรีทองใช่ไหม? ใช่แล้ว นี่คือไข่นกอินทรีทอง เมื่อก่อนผมเคยจับเจ้าหัวขโมยไข่ได้เลยยึดเจ้าสิ่งนี้ไว้ มันมีหน้าตาเป็นแบบนี้เลย”
เขาลังเลแล้วพูดกับฉินสือโอว “บอส อย่าโกรธไปเลย คุณจะไปว่าบุชกับนิมิตส์ไม่ได้ ที่พวกมันขโมยไข่นกอินทรีทองมาน่ะพอจะให้อภัยได้อยู่”
ฉินสือโอวพูดด้วยความโกรธ “นกอินทรีทองเป็นนกคุ้มครอง จะขโมยไข่มันได้อย่างไร?”
…………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset