ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 984 เอาไปด้วย

เบิร์ดพูดอย่างเรียบๆ “สำหรับมนุษย์อย่างเรานกอินทรีหัวขาวและนกอินทรีทองเป็นนกคุ้มครอง แต่สำหรับพวกมันกันเองแล้ว พวกมันคือคู่ต่อสู้ คือศัตรูกันนะครับ”
“ข้างนอกป่าเหตุการณ์แบบนี้เห็นได้บ่อยๆ ถ้านกอินทรีหัวขาวเจอรังของนกอินทรีทองหรือนกอินทรีทองเจอรังเก่าของนกอินทรีหัวขาว พวกมันก็จะคิดหาวิธีทำลาย ถ้าข้างในมีไข่นกก็ต้องจิกให้แตก! ดังนั้นปกติแล้วที่รังจะมีนกใหญ่คอยปกป้องรังอยู่”
ฉินสือโอวนิ่งไป พอเข้าใจว่านี่มันเรื่องอะไรกันแล้วก็รู้สึกอับอายอยู่หน่อยๆ ปกติแล้วเขาจะเห็นพวกตัวแสบในบ้านเป็นเหมือนลูกเลยคิดว่าพวกมันเป็นคนไปจริงๆ
จริงอยู่ที่เจ้าตัวแสบเหล่านี้ฉลาดมากด้วยการเปลี่ยนแปลงของพลังโพไซดอน แต่พวกมันก็เป็นสัตว์ป่าและในสายเลือดของพวกมันก็มีสัญชาตญาณที่ตกทอดมาทางพันธุกรรม ซึ่งสิ่งนี้เปลี่ยนแปลงไม่ได้
เบิร์ดพูดต่อ “นกอินทรีทองสองตัวบนเขากับบุชและนิมิตส์เป็นศัตรูกันโดยธรรมชาติ และนิมิตส์ยังไปทำลายตาข้างหนึ่งของนกอินทรีทองด้วย ทั้งสองเป็นคู่ต่อสู้กันไปจนตาย! นายหญิงเคยให้ผมตรวจดูว่าบุชกับนิมิตส์บินมาทำอะไรที่เขาทุกวัน”
“จากที่พวกเราตรวจดูแล้ว พวกมันมาทะเลาะกับนกอินทรีทองสองตัวนี้ เพียงแต่ทั้งสองฝ่ายต่างมีกำลังพอฟัดพอเหวี่ยงกันเลยไม่มีใครจัดการใครได้ แน่นอนว่าบางครั้งพวกมันก็เปิดสงครามกับนกอินทรีพวกนั้น ตอนนี้ท้องฟ้าเหนือเทือกเขาเคอร์บัลก็เลยแบ่งออกเป็นสามส่วน”
“ความขัดแย้งหลักๆ อยู่ที่นิมิตส์และบุชกับนกอินทรีทอง ตอนนี้พวกมันมีกำลังพอๆ กันแต่ถ้านกอินทรีทองฟักนกน้อยออกมา รอให้นกน้อยมีกำลังต่อสู้ นั่นก็จะเป็นจุดจบของนิมิตส์กับบุช”
“ดังนั้นการกระทำของบุชและนิมิตส์จึงพอเข้าใจได้ นั่นคือการตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลม! ดูจากนิสัยของพวกนกแล้ว พวกมันจะไม่ขโมยไข่นกมา แต่จะจิกให้แตกเลยถึงจะถูก”
พอพูดถึงประโยคสุดท้ายเบิร์ดก็นึกสงสัย เขามองไข่ของนกอินทรีทองที่ยังสมบูรณ์อยู่ แล้วมองไปที่นิมิตส์กับบุชอย่างไม่เข้าใจ
ฉินสือโอวกลับสามารถเข้าใจเหตุผลได้ บุชกับนิมิตส์ฉลาดมาก พวกมันรู้ว่าตัวเองกับวินนี่ชอบเลี้ยงนกน้อยและสัตว์ตัวน้อยๆ เลยตั้งใจเอาไข่นกมาเป็นของขวัญให้ตัวเอง!
อันที่จริงก็ยังมีอีกวัตถุประสงค์ นั่นคือบุชคิดว่าฉินสือโอวจะสามารถฟักนกน้อยออกมาฝึกแล้วให้พวกมันต่อสู้กับคู่นกอินทรีทอง
พอเข้าใจเรื่องพวกนี้แล้วฉินสือโอวก็หาหญ้านุ่มๆ ยัดเข้าไปในกระเป๋าแล้วเอาไข่นกอินทรีวางลงไป เขาต้องเอาไข่นกนี้ไปฟักไม่อย่างนั้นไข่ใบนี้จะถูกจิกให้แตก บุชและนิมิตส์ไม่มีทางใจบุญปล่อยสิ่งที่เป็นภัยต่อชีวิตตัวเองเอาไว้แน่
การต่อสู้ของธรรมชาติก็โหดร้ายแบบนี้แหละ เพื่อความอยู่รอด พวกนกป่าต้องพยายามทุกวิถีทางเพื่อต่อสู้กับศัตรูทางธรรมชาติ
บุชกระพือปีกบินลงมาที่กิ่งไม้ข้างๆ ฉินสือโอว ผงกหัวพลางส่งเสียงร้องออกมาราวกับกำลังอวดความดีความชอบอยู่
ฉินสือโอวยิ้มให้มันแล้วเขกหัวไปครั้งหนึ่ง แกนี่ฉลาดนะ
จากนั้นบุชยังคิดจะจับเจ้าแมวป่าอีก ซิมบ้ามุดเข้าฮู้ดหัวซุกหัวซุนแล้วยังใช้ฟันงับปิดขอบฮู้ดไว้จากด้านใน แบบนี้บุชก็จะจับมันไม่ได้แล้ว
เบิร์ดเดาว่า “ในรังนกอาจจะมีไข่นกอินทรีอยู่อีกฟอง นกชนิดนี้ปกติแล้วจะไข่ครั้งละสองฟอง”
แต่พวกเขาพลาดโอกาสดีๆ ไปแล้ว นิมิตส์ที่มองอยู่บนฟ้าหุบปีกแล้วบินลงมากะทันหัน บุชที่กระพือปีกเตรียมจะบินร่อนก็สงบลงทันที
เห็นแบบนี้ฉินสือโอวก็เอากล้องส่องทางไกลมองไปบนฟ้า เงาเล็กๆ ความเร็วสูงสองเงากลายเป็นเงาที่ใหญ่ขึ้น คู่นกอินทรีทองกลับรังมาแล้ว!
“รีบไปเร็ว!” ฉินสือโอวโบกมือพลางพูดอย่างร้อนรน “พ่อแม่นกกลับมาแล้ว ถ้าไม่รีบไปก็เตรียมตีกันได้เลย”
คนในขบวนพานกสองตัวกระโจนเข้าไปในป่าอย่างเศร้าใจ เดินหันหลังให้ป่าต้นสนยักษ์ไกลออกไปเรื่อยๆ
ฉินสือโอวเตรียมรับมือกับนกอินทรีทองทั้งสองตัวได้ดีแล้ว นกชนิดนี้สายตาดีมากขนาดมองเห็นกระต่ายที่วิ่งอยู่ในทุ่งหญ้าที่ห่างออกไปสามกิโลเมตรได้ คนกลุ่มใหญ่อย่างพวกเขายิ่งเป็นเป้าที่ใหญ่ ยิ่งหาเจอได้ง่าย
แต่หลังจากที่นกอินทรีทองกลับรังแล้วก็ดูเหมือนจะไม่รู้ว่าไข่ของตัวเองน้อยลงไปฟองหนึ่ง พวกมันไม่ได้เกรี้ยวกราดไล่ตามมา ฉินสือโอวใช้กล้องส่องทางไกลมองดูพวกมันอยู่ตลอด หลังจากที่นกอินทรีทองกลับรังแล้วก็ไม่โผล่หัวออกมาอีกเลย
แบบนี้เพราะการก่อกวนของบุชพวกเขาเลยเคลื่อนที่ออกจากทางเดินของหมาป่าขาว หลัวปอเองก็หากลิ่นของพ่อแม่ไม่เจอแล้ว การหาเห็ดทรัฟเฟิลที่หายากในภูเขากว้างไกลสุดสายตาแบบนี้ยากกว่าการงมเข็มในมหาสมุทรเสียอีก
ตอนนี้ฉินสือโอวมีจิตสำนึกแห่งโพไซดอน ถ้างมเข็มในมหาสมุทรเขามั่นใจว่าจะหาเจอแต่หาเห็ดทรัฟเฟิลในภูเขาที่กว้างใหญ่โดยอาศัยจมูกของฉงต้าเขาไม่มั่นใจเลย โดยเฉพาะเจ้าตัวแสบนี่ที่วิ่งๆ อยู่ก็ไปเล่นเองแล้ว
ตอนเที่ยงพวกเขาหาที่ราบบนภูเขาปัดกวาดหิมะแล้วทำอาหารกินกัน บุชจับกระต่ายหิมะขนาดใหญ่เจ็ดแปดกิโลกรัมมาได้หนึ่งตัว
พ่อของฉินสือโอวตกใจยกใหญ่ พอยกขึ้นมาแล้วก็พูดว่าเจ้าตัวนี้เหมือนลูกแกะตัวหนึ่งเลย กระต่ายจะตัวใหญ่ขนาดนี้ได้อย่างไร?
ฤดูหนาวเหมาะกับการดื่มซุป เบิร์ดจับไก่ป่าเฮเซลมาได้สองตัวแต่มันผอมเกินไป หน้าหนาวทำให้พวกมันหิวจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ฉันสือโอวเห็นว่าไม่น่ากินก็วางลง
แบบนี้ในตอนเที่ยงพวกเขาก็ได้แต่ดื่มซุปเนื้อกระต่ายกับไส้กรอกและเนื้อแฮมเบิร์กย่าง กินไปฉินสือโอวก็ส่ายหัวไป “ขึ้นเขามาตั้งหลายครั้งแล้ว ครั้งนี้รันทดที่สุดแล้ว ไม่สนุกเลย”
พ่อของฉินสือโอวหัวเราะ “พอแล้ว แกได้ไข่นกอินทรีทองมาฟองหนึ่งแล้ว กลับไปให้เจ้านิมิตส์อะไรนั่นฟักออกมา ปีหน้าแกก็จะได้พานกอินทรีทองขึ้นเขามาล่าสัตว์แล้ว”
ได้ฟังพ่อพูด ฉินสือโอวก็กลั้นหัวเราะไม่อยู่ “พึ่งนิมิตส์น่ะเหรอ? ช่างเถอะ ซื้อเครื่องฟักมาสักเครื่องแล้วกัน เรื่องแบบนี้ถ้าอาศัยนิมิตส์ไม่รู้ว่าไข่นกจะกลายเป็นเศษไข่แตกตอนไหน”
ตอนบ่ายพวกเขาตระเวนไปรอบๆ พักหนึ่ง ฉินสือโอวให้ฉงต้าดมหาเห็ดทรัฟเฟิล แต่ฉงต้าอ้าปากก็จะกินทำให้เขากลุ้มใจจะแย่
ฉงต้ายากที่จะเข้าใจวัตถุประสงค์ของฉินสือโอว มันยื่นจมูกย่นใบหน้าอ้วนๆ นั่งส่ายหัวอยู่ที่พื้นทำให้พ่อของฉินสือโอวหัวเราะไม่หยุด
บ่ายสองโมงกว่าๆ ฉินสือโอวรู้สึกว่าลมทะเลหนาวขึ้นมาแล้วเลยเสนอให้กลับบ้าน ทางลงเขาลื่นมากทำให้เสียเวลาจนเกือบพลบค่ำพวกเขาถึงได้กลับมาถึงบ้าน
หลังจากกลับไปแล้วฉินสือโอวก็ไปหาวินนี่แล้วกระซิบ “ที่รัก ผมมีของขวัญมาให้ คุณเดาสิว่าคืออะไร?”
วินนี่ขมวดคิ้วครุ่นคิด เธอมองหน้าฉินสือโอวครู่หนึ่งแล้วพูด “เป็นสัตว์เลี้ยงเหรอคะ?”
ฉินสือโอวหัวเราะยกใหญ่ “คุณนี่รู้จักสามีตัวเองดีจริงๆ…”
“คือไข่นกอินทรีทอง?” วินนี่พูดต่อ
ฉินสือโอวตะลึงงัน “คุณดูดวงเป็นเหรอ?”
วินนี่พูดอย่างใจเย็น “แน่นอนว่าไม่เป็น แต่คุณพ่อบอกฉันแล้วน่ะ”
ฉินสือโอวทำเสียงเหมือนเด็กแล้วเปิดเป้เอาไข่ใบใหญ่ออกมา วินนี่ใกล้จะคลอดแล้ว กำหนดคลอดคือเดือนหน้า ตอนนี้เลยเป็นช่วงเวลาที่มีสัญชาตญาณความเป็นแม่สูงที่สุด
พอเห็นไข่นก วินนี่ก็โห่ร้องพลางเอาไข่ไปกอดไว้ จากนั้นเอาของถุงใหญ่ออกมาพอเปิดแล้วด้านในกลับมีแต่ขนนก!
“นี่ นี่คืออะไร?” ฉินสือโอวพูดอย่างตะลึง
วินนี่พูด “นี่คือขนที่ร่วงตามปกติของบุชกับนิมิตส์ ฉันเก็บเอาไว้หมดเลย คุณดูสิ เอามาทำรังนกให้เจ้าอินทรีทองน้อยได้พอดีเลยใช่ไหมคะ?”
……………………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset